สรุป เสมอกันไปก็แฟร์ดีคับผมว่าไม่ถือว่าแย่ สเปอร์ก็โอกาสเยอะหลายลูกเราก็โชคดี
หงส์เราก็เล่นไม่ดีด้วยต่อบอลขาด ๆ เกิน ๆ แต่จุกวันนี้กลางตัวหลักหายหมดนี่แหละ

ฟูลทีม ความหมายของผม หมายถึง full squad คือนักเตะตัวหลักอยู่กันครบ เรื่องmatch fitness ผมไม่ทราบจริงๆ

ถ้าเอาเรื่อง match fitness มาร่วมด้วย จะมีสักกี่ทีมในโลก ใช้คำว่า ฟูลทีมได้

ผมรู้แค่ สเปอร์ ติดโควิดได้เลื่อนเกม พอหงส์ติดบ้าง กลับมากันเกือบครบแล้ว

เครดิต ให้ฝั่งสเปอร์สิ น่ากลัวจะตาย แผนที่วางมากับนักเตะ คุกคามได้ ไปดูในมู้ไลฟ์สิ ผมเม้นไปว่า อย่าดันสูง โดนเขาสวนได้ทุกเมื่อ

และผมก็ชื่นชมในตัวคอนเต้ด้วย ไม่ได้จะดิสเครดิตเลย

เรื่องเคน แล้วแต่เลยครับ เถียงกันยาวป่าวๆ มุมใครมุมมัน ผมด่ากรรมการเป็นหลักนะ แต่เคนผมก็ไม่เห็นด้วย ที่ออกมาบอกว่า โดนบอล

คนที่งอแงคงไม่ใช่ผมหล่ะม้างคร้าบท่าน

เราว่าหากทีมนายได้ ucl ได้หักหน้าหงส์ นายไม่พูดแบบนี้หรอกว่ะ

ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่ตามโควทอยู่นั่นแหละ เจ็บใจหรอ

คนดีๆที่ไหนโดนแบนเป็น 10 ครั้ง แค่นี้ก็รู้เป็นคนยังไง แก่กระโหลกกะลาจริงๆ ไอ้ฝุ่น

เข้าประเด็นดราม่าก่อนเลย

เคน ให้ได้แดงได้แน่นอน ,ควรแดงด้วย และสเปอร์จะเหลือ 10 คน

แต่สิ่งที่ตามหลังจากนั้น มันจะเป็นอีกเส้นทาง ทุกอย่างหลังจากนั้น จะไม่ได้เกิดขึ้นแบบที่ได้มาคุยๆกัน

คือ จะไม่ใช่ 1-1 ในเวลานั้น (นาทีที่ 35) จะไม่มีจังหวะจุดโทษต่อๆมา แล้วก็จะไม่ได้ถูกปิดเกมตั้งแต่ 30 นาทีแรก อะไรแบบนั้นหรอก สถานการณ์มันจะเป็นอีกแบบไปเลย เหมือนในหนังเรื่อง butterfly effect นะ
คือเราจะไปคิดทบยอด ทบต้น เอาเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์มารวมกันไม่ได้หรอก เพราะเส้นทางมันแตกต่างไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

แล้วอะไร คือ สิ่งที่พอเป็นไปได้
จังหวะเคน คือ นาทีที่ 20 ตอนนั้น สเปอร์นำ 1-0

คิดแบบอวย สเปอร์จัดๆ คือ ก็เล่นคล้ายๆเดิมนั่นแหละ น่าจะยันอยู่ และเผลอๆจะตั้งใจเล่นมากกว่าเดิม เพราะเหลือคนน้อย จังหวะเกมรุก อาจยิงเน้นกว่าเดิมก็ได้ แต่ส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้

หรือคิดแบบ อวยลิเวอร์พูลจัดๆ คือ บุกแหลก ถล่มยับแน่ๆ 3 เม็ด 5 เม็ด เพราะสเปอร์ตัวน้อยกว่า จะโดนกดหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้เช่นกัน

ที่คิดว่า พอเป็นไปได้จริงๆ คือ
เกมสวนกลับของสเปอร์จะหายไปเกือบหมด จังหวะหวาดเสียวของสเปอร์จะน้อยลงเยอะ อาจจะนานๆทีได้บุก
ลิเวอร์พูลจะครองบอลมากกว่าเดิมเยอะ แต่ระเบียบแนวรับของสเปอร์จะไม่แตกง่ายๆแบบที่คิด

ทั้งแทคติคที่ใช้และการสัมภาษณ์ของคอนเต้ ชัดเจนแล้วว่า มาเล่น แบบ 8-2 (5-3-2)
8 คนตั้งรับ ด้วยระบบ 5-3
ทำให้ระเบียบแนวรับตรงนี้ จะยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะเหลือ 10 คน (5-3-1)
เกมสวนกลับ จากที่มี 2 คน ลิเวอร์พูลต้องมี 2-3 ไว้ข้างหลังเสมอ เพื่อคุมพื้นที่

แต่เพราะ ถ้าเหลือ 10 ตัวสวนกลับที่น้อยลงไปคนนึงของสเปอร์ ลิเวอร์พูล สามารถใช้ประโยชน์ตรงนี้ ด้วยการเติมตัวบุกเข้ามา อีกคน กลายเป็นเหลือ 1-2 คน ไว้ข้างหลังก็พอ

ตรงนี้แหละ ถ้าสเปอร์เอาไม่อยู่ ก็ยังมีก๊อก 2 คือ เปลี่ยนมาเล่นรับ 9 คน คือ 5-4 (ทีเป็นแผน ที่เล่นมาตลอด)
ซึ่งถ้าเล่น 5-4 เกมสวนกลับจะหายไปเกือบหมดเลย
แต่ทีมบุก ยังไงก็จะบุกได้แค่ 9 คน เพราะยังไงก็ต้องมีคนยืนต่ำสุดคนนึงเสมอ เพื่อเป็นจุดรับบอล
ทางแทคติค เลยดูพอจะรับมือได้ มันพอแก้ได้อยู่

แต่ถ้าดูที่รายบุคคล สเปอร์ยังไม่นิ่งขนาดนั้น
เชื่อว่า สเปอร์จะมีพลาดแน่ๆ โดยเฉพาะกราบขวา ผลลัพธ์หลังจากนั้น เลยมั่นใจว่า จะถูกตีเสมอแน่ๆ และมีโอกาสที่จะโดนแซงสูงมาก
แต่ถึงจะโดนตีเสมอหรือโดนแซง ทีมคอนเต้ ก็ไม่เป็นพวกที่โถมบุก จนโดนเพิ่มเยอะๆ มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นน้อยมาก โดนแซงก็คงค่อยๆเล่นแบบนั้นแหละ อาจจะแอบโถมบุกขึ้นมาซักที ฉะนั้น คงไม่น่าโดนถล่มยับ

---

เรื่องผู้เล่น สเปอร์ไม่ได้ ได้เปรียยบแบบที่คิด
ขาดไป 5 คนที่ควรเป็นตัวหลัก นี่มันครึ่งทีมแล้ว แล้วเห็นชัดเจนเลยว่า ตัวจริงเดิมๆ ที่ถูกเปลี่ยนลงมาทั้ง 3 คน เล่นแย่กว่าคนที่ตัวจริงวันนี้ แปลว่า สภาพทุกอย่าง ยังไม่ไหว
อย่าเรียกพัก 14 วันเลย ที่พักจริงๆ มีกี่คน ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะป่วยไปหลายคน และก็ไม่รู้ว่า ได้ซ้อมปกติ กี่วัน กี่คน มันดูเหมือนวุ่นวาย ดูฉุกเฉินไปหมด

เอาจริงๆ ถ้าสเปอร์เลือกได้ ระหว่าง ติดโควิดนิดเดียว แล้วทีมได้เตะตลอด จนร่างกายล้า
มันอาจจะดีกว่า ที่สเปอร์เจอตอนนี้ก็ได้นะ เพราะมันคือการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับระบบหายใจ แถมหยุดไป ก็ไม่ได้ซ้อมดีๆด้วย

แทคติคกันบ้าง

วันนี้ คือเกมแรกของสเปอร์ยุคนี้ กับ 3-5-2 แบบเต็มตัว
การประเมินก็จะเทียบกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับ 3-5-2 ที่คอนเต้เคยทำมาละกัน

ภาพรวม ภาพใหญ่ดีแล้ว ผ่านแล้ว ไปพลาดนิดหน่อย ตรงรายละเอียด
ภาพใหญ่ ที่ว่า คือ การรู้ว่าควรต้องทำอะไร ตอนไหน ควรยืนตรงไหน ยังไง ใครวิ่งไปตรงไหน แล้วตัวจ่ายก็เลือกเอาเองว่าจะปล่อยบอลตรงไหน

ยกเว้นจังหวะเทคนิค จังหวะขลุกขลิก อันนี้ เป็นเรื่องของความสามารถส่วนบุคคลด้วย
เช่น เวลาเจอตัวรุกอีกฝั่ง วิ่งสลับไลน์ จะเห็นเลยว่า แนวรับสเปอร์จะชะงักไปนิดนึง แล้วก็อ๋อ ชั้นตามตัวนี้นะ อีกคนไปตามตัวนี้นะ ซึ่งไอ้ช่องว่าง เสี้ยววินาทีตรงนี้แหละ คือ จังหวะเทคนิคด้วย (ส่วนมากเล่นบ่อยๆ ซ้อมบ่อยๆ เด่วก็ดีขึ้น แต่บางคนก็เข็นไม่ขึ้น ไม่มีเซนส์จริงๆ)

จังหวะสวนกลับ เผ็ชร้อนมาก คือ ไม่ได้แค่เอะอะ ทิ่มบอลไปข้างหน้าแน่ๆ เพราะ 2 เซนเตอร์ของลิเวอร์พูล ถือว่าเร็ว ส่วนสูงก็ดี ถ้าทิ่มมั่วซั่ว เจอดักง่ายแน่นอน
หลายๆจังหวะ มันเป็นการเล่นกับจังหวะเพรสของลิเวอร์พูล
คือ ขณะที่ลิเวอร์พูล กำลังไล่บีบขึ้นมาตามสไตล์ กลางกับหลัง ก็จะต่อบอล ดึงจังหวะรอช่องที่เหมาะสวน แล้วปล่อยบอลสวนขึ้นมาก
กลับกัน ถ้าอีกฝั่งไม่เพรสหนัก ทีมก็จะค่อยๆต่อบอลขึ้นมา ค่อยๆขึงบุก
มันเลยเป็นเหมือนเกมให้เลือกนะ คุณเล่นอีกอย่าง เราก็ทำอีกอย่าง อะไรงี้

อีกจังหวะบุกที่เป็นลายเซนต์ของฟุตบอลคอนเต้ คือ
จังหวะเร้าฤา แถวๆกลางสนาม ต่อบอลไปมา บางทีจะเหมือนเสียท่า เหมือนจะเสียบอล
ขณะเดียวกัน ก็จะมีตัวที่แอบวิ่งสอดขึ้นไปที่ช่องว่าง แล้วก็ตู้มม แทงหรือยัด เข้าที่ช่องว่างนั้น (ช่องอื่นก็ยังมีให้เลิอกด้วยนะ) ฟุตบอลคอนเต้ของแท้ ต้องมีจังหวะแบบนี้ ถือว่า สเปอร์เริ่มทำได้แล้ว

ที่ผ่านมา ในแผนเดิม เราจะเห็นจังหวะแบบนี้ แค่การแทงออกช่องริมเส้นเป็นหลัก วิงแบ๊คเลยโดดเด่นเยอะ (3-4-2-1)
แต่วันนี้ โครงสร้างแผนเป็นอีกแบบ (3-5-2) เราเลยเห็นการแทงที่ช่องตรงกลางด้วย

2 อย่างนี้ คือ ไม่ง่ายนะ ถือเป็นงานละเอียดเลย


อีกอันที่ทำมาดีคือ การระมัดระวัง
เวลาตั้งโซน แต่ละคน จะมีการมองคู่แข่ง มองเพื่อนตลอด ชี้ไม้ ชี้นิ่ว เหมือนต้องตระหนักเสมอว่า ชั้นอยู่ตรงนี้ เพื่อนอยู่ตรงนี้ คู่แข่งอยู่ตรงนี้ บอลอยู่ตรงนี้
นึกภาพ อัลลี่ เอนดอม ซานเชส ทำอะไรแบบนี้ แล้วมันแปลกตาดี แบบ เอ้า พอต้องเล่นแบบสติ ก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า


รายบุคคล

เอเมอร์สัน จะทำได้ดีกว่านี้ไหม?
ยังไม่มีการเลี้ยงผ่าน 1-1 ที่ชัดเจน แต่ครองบอลเหนียว เพราะเล่นกับบอลเป็น
แต่การครอสคือ ไม่ดี และอาจแก้ไม่ได้ด้วย ส่วนเกมรับ เหมือนขาดเซนส์เกมรับไปหน่อย
ที่ถือว่่าผ่าน คือ ความฟิต ความแข็งแกร่ง ความเร็ว (กายภาพผ่าน เทคนิคกับแทคติค ยังไม่ผ่าน)
ถ้าเอาแค่ตอนนี้ ต้องตอบว่า ยังดีไม่พอ

เซสซิยง
เกมรับผ่านนะ แต่เกมรุกยังขาด ต้องแกร่ง ต้องดุกว่านี้

ซานเชส เกมรับ บทจะเล่นแปลก ก็แปลก แต่นานๆที
ส่วนเกมรุก คือ ไม่ได้จริงๆ ดูไม่นิ่ง บางทีก็จ่ายบอลแบบงงๆ
กราบขวา ยังน่าเป็นห่วงจริงๆ

อัลลี่-เอนดอม
ดีขึ้น แต่ยังไม่ได้ดีพอ อันนี้เป็นโจทย์ใหญ่จริงๆ ว่าจะเอายังไง
2 คนนี้ ถ้าปั้นขึ้น สเปอร์จะประหยัดเงินไปเยอะ แต่ฝืนใช้ก็ไม่รู้จะเก่งขึ้นแค่ไหน


ซอน-เคน
แย่พอกัน ดีพอกัน
เคน ดูไม่นิ่ง จังหวะเล่นเหมือนช้าไปนิดนึงด้วย
ส่วนซอน จังหวะทำลั่นๆเยอะ ทั้งๆที่ต้องเล่นเป็นตัวชิงจังหวะ ต้องเล่นแบบเนียนกริ๊บเลย บางจังหวะ แทงอย่างสวย แต่เค้าเล่นต่อไม่ได้
แต่สิ่งดีๆที่ทั้งคู่ทำได้ ก็ยังมี
กลายเป็นคู่หูที่ ไม่ได้ดีแบบไร้ตำหนิ แต่ก็ไม่ได้แย่ จนไม่ควรใช้เหมือนกัน
สเปอร์ก็คงต้องอยู่กับคู่หูนี้ไปอีกนานแหละ (ดูซาน ไม่น่ามา)

คนสุดท้าย วิงค์
แฟนสเปอร์ชมเยอะ ว่าเล่นดี เล่นดีขึ้น ซึ่งก็เล่นดีขึ้นจริงๆแหละ
แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐาน regista ของคอนเต้ ต้องบอกเลยว่า ยังดีไม่พอ แบบชัดเจน
แล้วเขาก็ดันเหมือนเป็นคนเดียวของสเปอร์ ที่เล่น regista ได้ด้วย บางที นี่อาจเป็นผลอย่างนึงว่า ทำไมคอนเต้ ยังไม่ใช้ 3-5-2 ตั้งแต่แรกด้วยก็ได้ (อีกเหตุผลคือ กลางอีก 2 คน ก็ยังไม่ดีพอกับแผนเหมือนกัน)

สรุปได้เลยว่า คอนเต้ของจริง เทพจริง ไม่แพ้ซักนัด สุดยอดแค่ไหน ไก่โคตรโชคดี

เอาจริงถ้าไม่ได้พี่หมีนี่คือน่าจะแพ้ไปแล้ว เซฟเทพๆทุกลูก ยกเว้นลูกที่พลาด 5555555

เรื่องเคนผมว่าแดง100%ไม่เถียง แต่ขอค้านเรื่องฟูลทีมครับ55555
เอาเฉพาะตัวที่เตะกันเกือบเต็มเกม70-80นาทีไม่นับที่ลงมาเรียกฟิตท้ายเกมนะ ผมพอเข้าใจนะว่าเวลาแฟนบอลข้างนอกมองมาแล้วมันจะรู้สึกเหมือนว่าสเปอร์สฟูลทีม เพราะมีชื่อเคนกับซอนลงพร้อมกัน แล้วตัวนักเตะมันก็ชื่อเดิมๆ วิ้งส์อัลลี่เอนดอม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยครับ ตั้งแต่คอนเต้มา11ตัวจริงและใช้แผนหลัง3มีวิงแบ็คขนาบข้างทุกนัดไม่ใช่เฉพาะกิจ มันค่อนข้างตายตัวอยู่แล้ว 3ตัวกลางที่ว่ามาก่อนหน้าตกไปเป็นสำรองหมดแล้ว บางท่านบอกไม่มีฟานได เราก็ไม่มีโรเมโร(ตัวจริงเหมือนกันแต่อิมแพคไม่เท่ากัน) ซานเชสไม่ใช่ตัวจริงนานแล้ว เซสเซยองนี่ยิ่งหนัก พึ่งเคยลงตัวจริงเกมแรก กลาง3ตัวลิเวอร์สำรองหมด เราก็สำรองหมดเหมือนกัน บอกไม่ได้เตะเลย ได้พัก2แมต แต่หลายๆคนมันก็ผลบวกมา พึ่งได้ซ้อม2-3วันเอง ปอดมันก็ยังไม่ได้หายดีขนาดนั้นนะครับ