ถ้าพวก บ.ทางธุรกรรม เขาใช้แค่เลขหน้าบัตร ชื่อ วันหมดอายุ ก็ตัดบัตรได้ครับ แต่พวกนี้เวลา confirm ยอดกับธนาคารเขาต้องมีหลักฐานยินยอมจากเราครับ ไม่งั้นบ.มีปัญหาได้

แต่ถ้าโดนตัดยอดผ่านพวกร้านค้าออนไลน์ พวกนี้ต้องใช้ CVV กับ OTP ครับ

หรือถ้าเครื่องรูดที่ร้านค้าทั่วไปต้องมีชิปที่บัตรเราถึงเข้ายอดได้

…

กรณีถ้าท่านเผลอบอกเลขบัตรไป ถ้าเป็นร้านค้าในไทย ผมว่าไม่มีปัญหานะ หมั่นเช็คยอดแปลกๆเอา

หรือถ้าไม่สบายใจก็อายัดไปเลยครับ รอเขาส่งบัตรใหม่ให้ก็ได้

(ผมเคยโดนตัดยอดแปลกๆ จาก ตปท อันนี้ทาง ธ. โทรมาเองเลยว่าได้ทำธุรกรรมไหม พอบอกไม่ได้ทำ เขาก็อายัดให้ครับ เครดิตมันง่าย แต่ข้อดีคือเรายังไม่ได้โดนเอาเงินเราไปจริงๆ ถ้ายอดไหนแปลกๆ แจ้งธนาคารไปเลยครับ เขาไม่เรียกเก็บเราแน่นอน)  

เหมือนจะเป็นนายหน้าประกันครับเคสนี้ มาบอกว่าประกันจะหมดอายุแล้วจะมารับช่วงต่อ พอดีไปเสิชชื่อเจอในพันทิพมา หลายคนโดนกันเยอะ เสร็จแล้วก็ตัดเงินเลย แต่ผมยังไม่ได้โดนตัดนะ เพราะเขาถามเลขบัตรประชาชนด้วยแต่ผมบอกไม่หมด ผมก็เบลอเพิ่งตื่นง่วงๆเลยเออออไปหมด บอกเลขบัตรกับวันหมดอายุไปเฉย อย่างเคสนี้ผมจำเป็นต้องอายัดมั้ยครับ  

ท่านได้ตกลงทำไปไหมครับ ถ้าไม่ตกลง ผมว่าอายัดไปก่อนก็ได้นะ เพราะพวก บ.ประกันมันตัดยอดเราได้เลย โดยไม่ต้องมี CVV

แต่ทั้งนี้ถ้าเขาไม่บันทึกเสียงความยินยอมเรา เขาไม่กล้าตัดบัตรเราหรอกครับ เพราะถ้าตัดยอดบัตรเครดิตไปแต่เราไม่รู้ สุดท้ายเขาต้องมีหลักฐานไปให้ธนาคารเพื่อเอาเงินอยู่ดีครับ  

ไม่เข้าใจว่าทำไมบัตรเครดิตไม่ทำให้มันปลลอดภัย

1. cvv ทำไมต้องโชว์ ทำไมไม่แจ้งทางจดหมายแบบ PIN หรือไม่ก็ไม่ต้องใช้ CVV ใช้ PIN
2. มันน่าจะมีรูปติดบัตรนะ ไม่งั้นใครเก็บได้นี่ก็เอาไปใช้ต่อสบาย ผมนี่เอาบัตรแฟนไปใช้ประจำ บางทีลืมเซ็นชื่อตัวเองก็มี ก็ไม่เห็นเค้าจะตรวจอะไร  

ระบบบัตรเครดิตจริงๆมัน manual มากๆเลยครับ

เลข PIN เนี่ย เหมือนจะปลอดภัย แต่จริงๆมันบันทึกค่าลงในชิปครับ ถ้าใครโดนขโมยบัตร ยังไงก็โดนแฮค PIN แน่ๆ

ความปลอดภัยของตัวเครดิตจริงๆคือการ confirm ยอดต้นทางที่ รูด/ตัดบัตร กับทางธนาคารครับ

ถ้ามีคนขโมยบัตรไปรูด เราตามตัวได้เพราะมันจะบอกว่าบัตรเราถูกรูดที่ terminal ไหนครับ ดังนั้นหลายๆธนาคารเลยเลิกใช้ระบบเซ็นลงสลิปละ เพราะแทบไม่มีประโยชน์เลย