หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นนายใหญ่ของทัพช้างศึก กับภาระกิจทวงคืนแชมป์ AFF SUZUKI CUP ในครั้งนี้ดูเหมือนอดีตนายใหญ่ของ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด จะได้รับความสนใจจากแฟนบอลชาวไทยและถูกพูดถึงในโลกโซเชี่ยลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแอคชั่นข้างสนาม อารมณ์ร่วมในเกม และที่กำลังได้รับความสนใจและถูกเหล่าแฟนบอล แซวกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ แอคชั่นการจิบน้ำและการนั่งเรียงขวดน้ำนั่นเอง หากมองย้อนกลับไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาโน่ถูกกล้องถ่ายทอดสดจับภาพ ขณะยืนจิบน้ำหรือนั่งเรียงขวดน้ำอยู่ คล้ายๆกับนั่น คือการทำสมาธิหรือกำลังทบทวนแทคติกในหัวของเฮดโค้ชรายนี้อยู่ เพราะภาพเหล่านี้คือภาพชินตาของบรรดาแฟนบอล
ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ดที่จะสามารถเห็นได้ในทุกแมทของการแข่งขันในตอนที่เฮดโค้ชรายนี้ยังดำรงตำแหน่งอยู่กับทีมนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของการเรียงขวดน้ำ เชื่อว่าแฟนบอลหลายๆท่านน่าจะมีความสงสัยและอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นของการเรียงขวดน้ำของนายใหญ่ทัพช้างศึกคนปัจจุบันของเรานั้นมาจากอะไร กันแน่ หากได้ติดตามบอลไทยลีกมาบ้างหลายๆท่านน่าจะทราบกันดีว่า มาโน่นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการแสดงออกทางอารมณ์และมีอารมณ์ร่วมกับเกมและนักเตะเป็นอย่างมาก และนี่คือ2เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียงขวดน้ำนั่นเอง


1.การโดนปรับจากการเตะขวดน้ำในเขตเทคนิคและถูกสั่งแบนการคุมทีมข้างสนามไปถึง2เกมนั่นเอง นี่จะใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เฮดโค้ชรายนี้ต้องหาวิธีควบคุมอารมณ์และการทำสมาธิของตัวเองหรือเปล่า


2.ปาฎิหาริย์เกมพลิกนรก ในขณะที่ยังเป็นนายใหญ่ของทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ในเกมพลิกกลับมาชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 4-3 ได้ถึงถิ่น ณ สนามกีฬากองทัพบก หลังจากถูกเจ้าบ้านนำไปก่อน 3-1 และมารัวสกอร์แซงทีเดียวสามลูกรวดในช่วงสิบนาทีสุดท้ายของเกม
หลังเกม มาโน่ได้โพสรูปภาพตนเองขณะนั่งเรียงขวดน้ำพร้อมข้อความผ่านทาง Instagram ส่วนตัวเอาไว้ว่า

"ตอนนาทีที่ 82 เราตามหลังอยู่ถึง 1-3 ตอนนั้นผมถามตัวเองและพูดกับขวดน้ำว่า จะทำยังไงดี จะช่วยทีมได้ยังไง เราพลาดโอกาสได้ประตูอีกแล้ว ผมเปลี่ยนนักเตะไปแล้ว2คนและมีตัวรุก6คนอยู่ในสนาม คุณรู้มั้ยบางครั้งนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ได้เลยในฐานะโค้ช ผมแค่มีนักเตะที่เก่ง และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเองและเล่นกันอย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างนั้นคือเรื่องที่เป็นไปได้ สุดท้ายเราพลิกกลับมาชนะ 4-3"





และไม่ว่าจุดเริ่มต้นของการนั่งเรียงขวดน้ำของนายใหญ่ทัพช้างศึกของเราจะคืออะไร ในฐานะแฟนบอลชาวไทยพรุ่งนี้ก็อยากจะขอให้ทุกท่านเชิญชวนคนรอบข้าง มาร่วมกันส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจ ให้เหล่านักเตะของเรานั้น เชื่อมั่นในตัวเอง รีดศักยภาพและความสามารถออกมาให้เต็มที่ เพื่อคว้าชัยชนะเป็นนัดที่3 ติดต่อกันและจะทำให้เราผ่านเข้ารอบต่อไปโดยทันทีอีกด้วย



อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.goal.com/th/
https://sport.trueid.net/
[/img]

ที่น่าสนใจกว่าคือ แอ็คชั่นของ วสพล ล่ามประจำตัว
เทียบกับผู้ช่วยอย่าง เซอร์เด็จ และ โค๊ชหนึ่ง คนละโลกกันเลย
มาโน่ยืนในกรอบเทคนิค วสพลนั่งริมทางเข้าอุโมงค์(ใกล้กรรมการที่4) พลางเดินออกมาที่กรอบเทคนิค
เซอร์เด็จกับโค๊ชหนึ่งนั่งแลายม้านั่งอีกฝั่ง คุยกันเอง
มาโน่กันมาปรึกษากับวสพลตลอด เพราะนั่งใกล้ตัว เดินชนกันตลอด

ดูแล้วแปลกตาดี

ถึงจะดูไม่เก่งตามชื่อชั้นและวัฒนธรรมต่างชาติมาก แต่แอคชั่นเขาก็ถือว่ามีบทบาทที่น่าดูเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นโค้ชที่โชคดีอยู่เช่นกันสำหรับการคุมทีมครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมในระยะสั้น

1. มีนักเตะเก่ง เล่นต่างชาติ
2. มีนักเตะจากดาวรุ่งกำลังเติบโตและตัวเก๋า
3. มีนักเตะที่พร้อมจะเสียสละเพื่อชาติ ไม่ว่าจะมีเชื่้ออะไรก็บ้าง
4. นักเตะทุกคน ให้ความเคารพกันดี

อาจจะไม่มีพาวเวอร์เป็นถึงดรีมทีม แต่ก็นี่ก็คือชุดที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีเช่นกัน เชียร์ครับ สุดท้ายไม่ว่าจะได้แชมป์ไหม แต่ทำได้เข้าชิงก็ถือว่า สอบผ่านแล้วครับสำหรับโค้ช "มาโน่"

ที่น่าสนใจกว่าคือ แอ็คชั่นของ วสพล ล่ามประจำตัว
เทียบกับผู้ช่วยอย่าง เซอร์เด็จ และ โค๊ชหนึ่ง คนละโลกกันเลย
มาโน่ยืนในกรอบเทคนิค วสพลนั่งริมทางเข้าอุโมงค์(ใกล้กรรมการที่4) พลางเดินออกมาที่กรอบเทคนิค
เซอร์เด็จกับโค๊ชหนึ่งนั่งแลายม้านั่งอีกฝั่ง คุยกันเอง
มาโน่กันมาปรึกษากับวสพลตลอด เพราะนั่งใกล้ตัว เดินชนกันตลอด

ดูแล้วแปลกตาดี

เวลาโน่เรียงขวดน้ำนี่บ่งบอกว่าสถานการณ์ทีมไม่สู้ดี ยังไงก็ขอให้โน่อย่าเรียงขวดน้ำเลย ยืนสะใจที่ข้างสนามก็พอ

วสพลแกเรียนโค้ชอยู่ด้วยครับ อยากให้เมืองไทยมีโค้ชแอ็คชั่นแบบนี้บ้าง

ถ้ามองอย่างเป็นกลางอาจจะเพราะว่าคาแรคเตอร์ของวสพลเองมีความใกล้เคียงกับมาโน่ และทำงานร่วมกันมานานทั้งในฐานะล่ามและผู้ช่วย ทำให้มีความคุ้นเคยเข้าใจและพูดคุยกันได้ง่ายกว่า และแอ็คชั่นต่างๆนั้นก็เลยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนโค้ชอีก2ท่านน่าจะมีการปรึกษาพูดคุยกันมาตั้งแต่ห้องแต่งตัวแล้ว

อาจจะมีปัญหาในการเตรียมทีมอยู่บ้าง แต่ตัวผู้เล่นที่เรียกมาก็เรียกได้ว่าเป็นชุดที่ดีเลยทีเดียว ยังไงก็ลุ้นให้ทำผลงานดีๆ
ไปจนถึงรอบชิงให้ได้ครับ

อยากเห็นแอ็คชั่นสะใจดีตอนทำประตูได้ เหมือนจะบวกกับนักเตะตัวเองมากกว่าเช่นกันครับ

เคยเห็นผ่านๆตาเหมือนกันครับว่าเค้าเรียนโค้ชอยู่ ใจนึงก็อยากเห็นเค้ามาเป็นโค้ชเต็มตัวเช่นกัน แต่ใจนึงก็คิดว่าเคมีเค้าเหมาะกับการทำงานร่วมกับมาโน่ที่สุด สายอารมณ์ร่วมสูงและแอ็คชั่นมาเต็มด้วยกันทั้งคู่

ถ้าคุมทีมเยาวชน ผมว่าเด็กวิ่งกันลืมตายอะ

มาโนช คั่วกลิ้ง

ถ้ามองเรื่องแบ่งกันทำงานก็ประมาณนี้แหละครับ ผู้ช่วยไม่จำเป็นต้องคุยกันตลอด
โอเล่ กับ ฟีแลน ก็นั่งกันคนละมุม
เป็ป กับ อาร์เตต้า เมื่อก่อนก็นั่งติดกันบ่นใส่กันตลอดทั้งเกม

แต่พอมามองลึกในการบริการ มันคือ รัฐ ซ้อน รัฐ
สมาคม/บิ๊กอ็อด
มาดาม
เซอร์เด็จ/โค๊ชหนึ่ง
มาโน่/วสพล
ต่างคนต่างตั้งคนของตัวเองมาทำงาน ไม่มีอะไรเป็นหนึ่งเดียวกันเลย เป็น layer นัวๆกันไป

อันนี้เห็นด้วยกับข้อความที่ท่านจะสื่อตั้งแต่แรกเลยครับ แต่ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจกันว่าการบริหารแบบไทยสไตล์มันเป็นยังไง ขอบคุณสำหรับการแรกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ

นี่แหละไทยแท้เลย
ผู้บริหารตั้งทีมโปรเจคขึ้นมา แล้วบอกว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองแล้วน่ะ ให้อิสระทีมไปเลย
เจ้าของบริษัทก็มักจะมีทีมโปรเจคกับออดิท ที่ขึ้นตรงกับตัวเองขึ้นมาอีกทีม เพื่อเข้าไป involve การทำงานของคนอื่น ไปนั่งเป็นกรรมการโปรเจคซะหมด