โรดรี้ยิงสะเด่า!เรือเก็บงานเคี้ยวท๊อฟฟี่ 3-0 ทวงรองฝูง
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีปัญหากับการเก็บสามแต้ม หลังพับสนามบุกใส่ เอฟเวอร์ตันเหมือนเล่นฝ่ายเดียวก่อนยิงขาด 3-0 โดยได้ประตูจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, โรดรี้ และแบร์นาร์โด้ ซิลวา พร้อมแซงลิเวอร์พูล กลับไปเป็นรองจ่าฝูง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
14.
อายเมริก ลาปอร์ต
76'
6.5
80.
โคล พาลเมอร์
87'
7
47.
ฟิล โฟเด้น
58'
7
ตัวสำรอง
6.
นาธาน อาเก้
76'
6
87.
เจมส์ แม็คเอที
87'
6
26.
ริยาด มาห์เรซ
58'
6
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
อาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2564
กรรมการ สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
3
0
เอฟเวอร์ตัน
1-0 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 44'
2-0 โรดรี้ 55'
3-0 แบร์นาร์โด้ ซิลวา 86'
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีเควิน เดอ บรอยน์ที่ติดโควิด ขณะที่แจ็ค กรีลิช ก็ยังไม่พร้อมทำให้โคล พาลเมอร์ ดาวรุ่งได้ลงสนามมาในแดนกลาง แล้วราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ฟิล โฟเด้นและแบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นสามประสานแดนหน้า ส่วนเอฟเวอร์ตันยังมีปัญหานักเตะเจ็บเหมือนเดิม แต่ริชาร์ลิซอน, เดมาราย เกรย์ และอันดรอส ทาวน์เซ่น ยังเป็นแนวรุกที่อันตราย
เรือใบสีฟ้า สถิติสุดยอดชนะรวด 7 เกมหลังที่เจอเอฟเวอร์ตันในเกมพรีเมียร์ลีก ยิงไปถึง 21 ลูกเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น โดยเฉพาะกาเบรียล เชซุส ยิงทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ถึง 8 ลูกตอนที่เจอกัน แต่นัดนี้เป็นแค่สำรอง
พาลเมอร์จับไม่ถึงไม่งั้นมีเฮ
ซิตี้ขึ้นเกมมา แล้ววอล์คเกอร์ครอสเข้ากลางโดนสกัดออกมาบอลเข้าทางคันเซโล่วิ่งเข้ามาใส่บอลแฉลบกุนโดกันแล้วเหมือนเข้าทางพาลเมอร์แต่จับไม่อยู่หลุดออกหลังไม่งั้นได้ยิงเหน่งๆ
โฟเด้นถอยโขกยังไม่ตรง
เรือใบสีฟ้า ขึ้นเกมมาอีกหน ราฮีมลากไปสุดเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดไปทางเสาไกลย้อนหลังทำให้โฟเด้นต้องถอยมาโหม่งก็ไม่ตรงกรอบ
เกรย์เดี้ยงอิโวบี้ลงแทน
เบนิเตซต้องเปลี่ยนตัวเร็วเลยเมื่อเกรย์ มีปัญหาเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องเอาทาง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงมาแทนในแนวรุก
ราฮีมโขกยังข้ามคาน
โฟเด้น ได้บอลริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดเร็วข้ามหัวของคีนมาถึงราฮีมได้กระโดดโขกคนเดียวแล้วแต่ดันโหม่งไม่ดีบอลโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง
กุนโดกันโขกสวนบอลชนคาน
ซิตี้ได้โอกาสทองอีกหน โฟเด้นแทงให้แบร์นาร์โด้หลุดเดี่ยวไปยิงติดพิคฟอร์ด บอลลอยโด่งแล้วกุนโดกันพยายามโขกย้อนกลับไปแต่บอลไปตกบนคานอดได้ประตูไปอีกหน
พิคฟอร์ดต้องเซฟสองหน
พาลเมอร์ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนหมุนมายิงด้วยซ้ายพิคฟอร์ดต้องปัดแล้วราฮีมมาเกี่ยวบอลเอาไว้ก่อนลากหาช่องยิงเองไปตรงตัวของพิคฟอร์ดอีก
VAR ยึดจุดโทษเรือ
ราฮีมพยายามลากเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนโดนคีนเข้ามาแหย่ขาสกัดก่อนทิ้งตัวล้มลงไป กรรมการคิดก่อนเป่าว่าเป็นจุดโทษแล้วให้ VAR เช็คเหมือนไม่โดนด้วยซ้ำก่อนกลับคำตัดสินไม่ให้เป็นจุดโทษ
คันเซโล่จ่ายเทพ!ราฮีมดีดไม่จับเรือนำ 1-0
เรือใบสีฟ้า มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ เป็นการวางบอลสุดสวยของคันเชโล่ที่ดีดบอลไซร้ก้อยเข้าทางของราฮีมวิ่งแซงคีนมาแปด้วยขวาแบบไม่จับตุงตาข่าย 1-0!!!
ทาวน์เซ่นด์ปั่นฟรีคิกเข้าซอง
ฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านขวาของเอฟเวอร์ตัน ทาวนเซ่นด์ ขอลองปั่นด้วยซ้ายบอลผ่านกำแพงไปแล้วแต่ตรงตัวของเอแดร์ซอนรับเข้าซองสบายเลย
แบร์นาร์โด้โดนเตะไม่ได้จุดโทษ
แบร์นาร์โด้เกี่ยวบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วโดนคีนเตะล้มลงไปแต่กรรมการไม่ได้ว่าอะไรแล้วไม่มีการย้อนกลับมาดู VAR ด้วยไม่งั้นน่าเป็นจุดโทษเหมือนกัน
สะเด่าแท้!โรดรี้เต็มตีนเรือหนี 2-0
ซิตี้มาได้ประตูหนีห่าง แถมยังเป็นประตูสุดสวยเสียด้วย อัลลันเคลียร์บอลไม่ดีมาเข้าทางของโรดรี้วิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาระยะ 25 หลาบอลพุ่งหนีมือของพิคฟอร์ดเข้าไปตุงตาข่าย 2-0!!!
มาห์เรซโล่งๆ ยิงออกหลัง
คันเซโล่ขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนไหลออกทางขวาที่มาห์เรซ รออยู่โล่งๆ แต่ดันแปด้วยซ้ายหลุดออกหลังไปเสียอย่างงั้น
มาห์เรซฟรีคิกเข้ามือพิคฟอร์ด
ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของเจ้าถิ่นระยะ 25 หลา มาห์เรซขอลองยิงเองวิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้ายบอลข้ามกำแพงไปแล้วแต่พิคฟอร์ด ขยับไปรับไม่มีกระฉอก
ราฮีมเหน่งๆ ดันไม่ยิง
ไม่น่าเชื่อว่าซิตี้ไม่ได้ประตูเพิ่ม พาลเมอร์หลุดขึ้นมาทางขวาก่อนถวายพานมาให้ สเตอร์ลิ่งดันสองจิตสองใจจะจับหรือยิงเลยโดนพิคฟอร์ดออกมาคว้าบอลจากเท้าพลาดโอกาสไปเลย
แบร์นาร์โด้บอลเข้าทาง เรือหนีห่าง 3-0
ประตูที่ 3 ของซิตี้มาจนได้ กุนโดกันลากบอลมาเองก่อนจ่ายให้ พาลเมอร์ยิงไปติดบล็อคแต่บอลมาเข้าทางของแบร์นาร์โด้จิ้มผ่านพิคฟอร์ดเข้าประตูไปง่ายๆ 3-0!!!
เรือถล่ม 3-0 คืนรองฝูง
สุดท้ายเอฟเวอร์ตันทวงประตูไม่ได้แพ้ แมน ซิตี้ ขาดลอย 0-3 ทำให้ทีมของกวาร์ดิโอล่า ขยับไล่เชลซีเหลือ 3 คะแนนเป็นรองจ่าฝูง
เอฟเวอร์ตัน
Starting Formation: 4-4-1-1
6.
อัลลัน
60'
6
8.
ฟาเบียน เดลฟ์
63'
6
11.
เดมาราย เกรย์
16'
6
ตัวสำรอง
62.
ไทเลอร์ ออนยานโก้
90'
6
17.
อเล็กซ อิโวบี้
16'
6
33.
ซาโลม่อน รอนดอน
63'
6
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sun Nov 21, 2021 22:57, ทั้งหมด 12 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ