ตอนนี้โคตรชั่งใจเลย ว่าจะซิ่ว หรือ สู้ต่อดี

ต้องแยกเป็นเรื่องๆกันก่อนดีว่าครับ

1. ไม่จำเป็นต้องจบ Chula ก็เข้า Big 4 ได้ครับ แต่คุณต้องเก่งจริงๆ ผมมีเพื่อนที่จบทั้ง ABAC มธ. มหิดล ทำงานอยู่ใน Big 4 หลายคนครับ แล้วที่ทำงานด้วยกันมา ก็ไม่ได้จบพวกนี้ก็เยอะครับ

2. อย่างไรก็ดี การที่คุณซิ่วแล้วไปไปเริ่มเรียนใหม่ เท่ากับว่าคุณอาจจะจบที่อายุซัก 25 คุณลองไปเทียบตัวเองกับคนอายุ 25 คนอื่นดูครับ ว่าเค้ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องรับคุณ ในเมื่อคนอายุ 25 คนอื่นอาจจะมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว 2-3 ปีหรือบางคนไปจบโทมาแล้วนะครับ ฉะนั้น ส่วนตัวไม่แนะนำครับ

3. คำถามต่อมาคือ อยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรือว่าอยากแค่ทำงาน Big 4 ครับ ถ้าอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีจริงๆ มีบริษัทอีกหลายที่ ที่ผมมองว่าน่าทำงานด้วยนะครับ แล้วก็เครดิตในวงการก็ไม่ได้แย่เลย เช่น Grant Thorton หรืออย่าง BDO ก็ได้ครับ

4. ขณะที่ถ้าอยากแค่เข้า Big 4 จริงๆ เรียนวิศวะต่อไปก้ไม่เสียหายนะครับ Firm ใหญ่พวกนี้มีช่องมีที่ให้คุณลงได้อยู่แล้วครับ KPMG ก็มี IT Auditor, Process Auditor หรือสาย Consultant ก็มี หรือ Deloitte ก็มีครับ เป็น consult/audit พวกที่เตรียม ISO หรือ cerficate อื่นๆก็มีครับ ฉะนั้น ถ้าไม่ได้อยากเป็น auditor สายบัญชีจริงๆ แต่แค่อยากทำงานกะบ.พวกนี้ ทางเลือกในสายงานก็ยังมีนะครับ

เท่าที่เคยเจอจากคนใกล้ตัว นอกจากจุฬา ก็มี มธ.กับเกษตร ครับ

เพื่อนผม หอการค้าอายุ28ก็senior เกษตรก็4-5คน

เหลืออีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว ผมว่าอดทนอีกนิดเดียวให้จบวิศวะ แล้วถ้าชอบสายบริหารก็ไปต่อโทบริหารที่ดังๆก็มีเยอะแยะครับ เห็นพวกวิศวะทำแบบนี้กันเพียบ

ถ้าปีนึงปีสอง ผมคงแนะนำให้ซิ่วทันที

แต่อันนี้น่าจะปี 4 ไปแล้วเปล่าครับ

พอเจอโจทย์นี้ก็คิดหนักเลยเหมือนกัน

แต่ผมเชื่อว่าคุณยังไหวนะ เลยคิดว่าให้สู้ต่อดีกว่า

เพราะถ้าคุณไม่ไหว คุณน่าจะรีไทร์ไปแล้ว

ถ้าคุณไม่มีแรงกดดันมาจากที่บ้าน ผมว่าก็ลงซักปีละน้อยๆตัวก็ได้ครับ

จะได้เครียดน้อยลง

เก็บไปทีละนิด จบซัก 6 ปี ก็ไม่เป็นไร

เป็นผมผมสู้ต่ออ่ะ เหลืออีกแค่7-8ตัว อีกนิดเดียวก็จะถึงเส้นชัยที่ทำมา

drop แล้วลองไปเรียนซักเทอม อย่าพึ่งทิ้งของที่มี

ต้องแยกเป็นเรื่องๆกันก่อนดีว่าครับ

1. ไม่จำเป็นต้องจบ Chula ก็เข้า Big 4 ได้ครับ แต่คุณต้องเก่งจริงๆ ผมมีเพื่อนที่จบทั้ง ABAC มธ. มหิดล ทำงานอยู่ใน Big 4 หลายคนครับ แล้วที่ทำงานด้วยกันมา ก็ไม่ได้จบพวกนี้ก็เยอะครับ

2. อย่างไรก็ดี การที่คุณซิ่วแล้วไปไปเริ่มเรียนใหม่ เท่ากับว่าคุณอาจจะจบที่อายุซัก 25 คุณลองไปเทียบตัวเองกับคนอายุ 25 คนอื่นดูครับ ว่าเค้ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องรับคุณ ในเมื่อคนอายุ 25 คนอื่นอาจจะมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว 2-3 ปีหรือบางคนไปจบโทมาแล้วนะครับ ฉะนั้น ส่วนตัวไม่แนะนำครับ

3. คำถามต่อมาคือ อยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรือว่าอยากแค่ทำงาน Big 4 ครับ ถ้าอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีจริงๆ มีบริษัทอีกหลายที่ ที่ผมมองว่าน่าทำงานด้วยนะครับ แล้วก็เครดิตในวงการก็ไม่ได้แย่เลย เช่น Grant Thorton หรืออย่าง BDO ก็ได้ครับ

4. ขณะที่ถ้าอยากแค่เข้า Big 4 จริงๆ เรียนวิศวะต่อไปก้ไม่เสียหายนะครับ Firm ใหญ่พวกนี้มีช่องมีที่ให้คุณลงได้อยู่แล้วครับ KPMG ก็มี IT Auditor, Process Auditor หรือสาย Consultant ก็มี หรือ Deloitte ก็มีครับ เป็น consult/audit พวกที่เตรียม ISO หรือ cerficate อื่นๆก็มีครับ ฉะนั้น ถ้าไม่ได้อยากเป็น auditor สายบัญชีจริงๆ แต่แค่อยากทำงานกะบ.พวกนี้ ทางเลือกในสายงานก็ยังมีนะครับ

เรียนไปให้จบ แล้วหาไปทางต่อในอนาคตดีกว่าอย่าทิ้งทุกอย่างที่ทำมาจนจะสุดทางแล้วเลย

ในฐานะเด็กจบวิศวะที่เรียนบริหาร บัญชีไม่หมูเลยนะ

ลองศึกษาดีๆ ว่าอยากทำงานอะไร big4 มีงานหลายสาย โดยเฉพาะพวก Consultant ถ้าท่านไม่ได้อยากเป็น auditor สายบัญชีจ๋าๆ แต่อยากไปแนว finance, consult, ฯลฯ แนะนำเรียนจบแล้วต่อโท mba/finance หรือพวก cetificate ต่างๆ กาษีดีนะครับ สายวิศวะค่อนข้างมีภาษีในด้านการทำงานอยู่แล้ว

ไม่แนะนำให้ออกตอนนี้ไปลงบัญชีเพราะเรียนเบากว่า ให้อดทดเรียนให้จบแล้วไปต่อสายที่ชอบ

มันไม่ได้ซอฟต์จากวิศวะเลยใช่ป่ะครับ

อย่าให้ความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่า

ไปให้สุดทางแล้วค่อยไปต่อบัญชียังไม่สาย

แอบติดใจนิดนึงตรง ทำไมอยากเป็น auditor เย้าใจจริงๆใบ่ไหมครับว่าเนื้องานคืออะไร เพราะต้องเรียนรุ้ใหม่หมด และงานก็หนักมากนะครับ กลัดึกทุกวันเป็นปกติ

เพื่อนผม มช ก็ big4 นะ ระดับวิศวะพวกเลขก็ชิวๆ อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงอะไรครับ

สำหรับผมจะออกปีไหน ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับโดยเฉพาะสำหรับท่านที่ลองแก้ปัญหามาหมดแล้ว กระทั่งไปหาหมอ(ชื่นชมนะครับดีด้วยซ้ำ การที่เราไม่ไหวแล้วเราพยายามรักษาตัวเองมันคือการรักตัวเองครับ)

มาเข้าเรื่องดีกว่าผมเอาแค่ประสบการณ์ผมสั้นๆ นะผมจบตรีตอนอายุ 25 ซิ่วมา 3 ที่ วิดคอม วิดวะเครื่อง มาจบที่ถาปัต ตอนวิศวะผมอายุ 20 มั้งชั่งใจว่าจะไปต่อหรือพอดีเพราะผมติดฟลูอิด กับเทอโมแล้วมันมีตัวต่อทั้งคู่ถ้าต่ออาจารย์แกก็บอกว่าจะพยายามเข็นให้ ตอนนั้นผมก็ไม่ไหวเหมือนกันเลยกลับมานั่งทบทวนว่าเราพอทำอะไรได้ดีบ้าง ก็เลยมาจบที่ซิ่วต่อถาปัตย์แล้วโอนเกรดบางตัวใน ม เดียวกัน ตอนเรียนสบายใจมาก เพราะคำนวนหนักๆ ไม่มี ยากสุดก็แค่แสตท ซึ่งถามว่าผมเสียดายมั้ยผมก็เสียดายแหละแต่ผมไปต่อไม่ไหว ผมก็ต้องยอมรับออกมาอย่างนั้น

ส่วนท่านเองทางเลือกอาจจะเยอะกว่าผมเพราะว่าโปเจกก็เสร็จแล้ว แล้วคิดว่าถ้าท่านจะทิ้งท่านไม่จำเป็นต้องทิ้งหมดครับ ลองดรอปอย่างที่ท่านบนๆ ว่าก็ได้น่าสนใจดี ผมเองก็คิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ เพราะมันดูปุบปับมาๆ ถ้าเทียบกับเวลาจะต้องจ่ายค่าเทอม ส่วนรายละเอียดก็ลองไปถามทะเบียนดูครับว่าถ้าดรอปตอนนี้ต้องจ่ายค่าเทอมมั้ย หรืออาจจะต้องจ่ายก่อนถึงจะดรอปได้เพราะบางที่เลยกำหนดเวลาพักการศึกษามาแล้ว ต้องดูรายละเอียดให้ดีๆ นะครับ

อีกทางเลือกคือตอนนี้มันจะมี ป.โท ที่เป็นวิศวะไฟแนนซ์(ผมอาจจะเรียกไม่ถูกนะ) ลองศึกษาดูครับถ้าท่านจะบิดสายก็ลองไปทางนั้นดูก็ได้

แต่ประเด็นที่ท่านบอกคือ 'ไม่ไหวจนต้องพบจิตแพทย์' สำหรับท่านอื่นๆ ที่จะเชียร์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ผมอยากให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงข้อความนี้ที่เพื่อนสมาชิกพิมพ์มาให้มากๆ นะครับ เพราะเอาจริงๆ คำว่าไม่ไหวคือมันไม่ไหวจริงๆ ครับยืนอยู่หน้าห้องสอบแล้วอยากร้องไห้เป็นยังไงผมเคยผ่านความรู้สึกนั้นมาแล้วครับ แต่ก็ต้องไปเซ็นชื่ออยู่ดีเพราะจะได้ไม่ขาดสอบ เราไปนั่งมองข้อสอบแล้วคิดว่าวิชานี้ F แน่ๆ มันทรมานนะครับ

อ้อฝากไว้อีกอย่างครับ ตัวแปรที่ทำให้บริษัทสนใจคือภาษาครับ บริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทต่างชาติถ้าท่านเก่งภาษาซะอย่าง แล้วผลการเรียนไม่ได้ขี้เหร่อะไร ได้เปรียบแน่นอนครับ ถ้าตัดสินใจแล้วยังไงมีเวลาว่างก็ลองหาทางเพิ่มสกิลภาษาเยอะๆ นะครับ (ปล.ถ้าท่านเก่งอยู่แล้วผมก็ขออภัยที่แนะนำ 555)