จากที่ผมเคยลงไปว่าได้งาน(อ้างไปว่าติดเรื่องวัคซีนขอให้รอเดือนนึง) แต่ยังรอสัมอีกทีนึงอยู่ เพราะอยากได้มากกว่าและก็พึงได้สัมไปเมื่อวาน


ทีนี่วันนี้มีบริษัทนึงที่เคยสัมไปแต่ไม่คิดว่าจะได้ โทรมาบอกว่าสัมผ่านแล้ว ขอเอกสารต่างๆเพื่อประเมินเงินเดือน

ด้วยความที่ว่าไม่ได้หวังที่นี้ไว้ เพราะ โรงงานพึงสร้างน่าจะเสร็จปีหน้าของจีน ค่อนข้างใหญ่มาก ถ้าเริ่มงานก็ work from home ไปก่อน


เลยเรียกเงินไปแต่ไม่เยอะเท่าไร แต่พอย้อนกลับไปดู RESUME มันดันมากกว่าที่เขียนไว้ในเรซูเม่อีก (เรทในรูซูเม่สำหรับ บริษัทอยากทำยอมเงินไม่เยอะได้) พอเสนอไปปุปเงียบกริบหายไปเลย




ปลใแบบนี้มันถือว่าเสียมารยาทไหม ผมว่าจะไปแก้ใน Resume ที่นี้ผมอยากรู้ว่า เรนจความกว่างขั้น minimum - max ควรห่างกันไม่เกินเท่าไรดีคับ

ผมก็อยู่ในขั้นตอนนี้ แล้ว HR ที่ผมติดต่ออยู่เค้าเป็น HR อยู่ที่มาเลเซีย เค้างงๆ เรื่อง สวัสดิการ เรทโอที ผมต้องอธิบาย เลขในใบสลิปเงินให้เค้าอีก ของผมอยู่ในช่วงต่อรองเงินประมาณเกือบอาทิตย์และ แต่ HR ติดต่อมาคุยกันตลอดๆ เลยอุ่นใจ

ของผมจริงๆแค่กลัวเสียมารยามต่อกันเฉยๆและครับ เรียกเพื่อไว้

เพราะไม่ยอมแจ้ง OT หรือ การใช้ใบรับรองอะไรขึ้นได้เลย ผมก็เลยเรียกไปแบบรวบยอดให้เลย

จริงๆก็ขกคุยขกถามด้วย กว่าจะตอบแต่ละทีขาดช่วงเกิน


ตำแหน่งงานไม่ตรงด้วย กะว่าถ้าได้เงินตามที่ตกลงจะเก็บไว้พิจารณา



ปล. ต่างจากอีกที่เลยยังไม่ทันได้งานเลย บอกผมตลอดว่ารอบนี้เหลือกี่คน แนะนำข้อมูลหมดเลยให้ไปหาข้อมูลตรงนี้มาเสริมนะอะไรยังไง เหมือนช่วยเราหมด

แปลกดีที่ท่านระบุเงินเดือนลงในเรซูเม่ ซึ่งผมไม่เคยทำเลย เพราะฐานเงินเดือนแต่ละที่แตกต่างกัน

เวลาสมัครงาน ผมจะแบ่งเป็นเป้าหมายหลักและเป้าหมายรองลงไปตามลำดับ ที่ๆ เป็นเป้าหมายรองๆ ผมจะเรียก best offer ไว้ทั้งนั้น อารมณ์แบบ ไม่ได้ก็ไม่ซีเรียส แต่ถ้าได้ก็ขอได้ในเงื่อนไขที่ดีกว่าความคาดหวัง ผมถึงจะไป

ส่วนที่ๆ เป็นเป้าหมายหลัก ผมจะเรียกในเรตที่คิดว่าเหมาะสม ไม่เวอร์ เพื่อให้มีโอกาสที่มากขึ้น

เรื่องมารยาท ผมมองว่าไม่น่าจะเป็นการเสียมารยาทครับ มันคือการต่อรอง และการหงายไพ่ของแต่ละฝั่งมากกว่า ถ้าเราเรียกมากไป แต่เค้าอยากได้เราจริงๆ เค้าจะต่อรองกับเราเองครับ

ตอนสมัคร ทาง HR บอกให้ระบุลงในเรซูเม่ให้ชัดเจนอะครับ ผมเลยต้องลง

ใช่ผมคล้ายท่านคับ ที่อยากจะทำจะเรียกแบบเหมาะสม เรซูเม่ผมมีหลายเวอชั่นบางอันสำหรับงานที่ไม่อยากทำ

แต่ที่ผมส่งไปมันดันเรซูเม่สำหรับ งานที่อยากเรทเงินมันเลยไม่ได้เยอะ

ถ้าไม่ใช่เป้าหมายหลักท่าน ก็ถูกแล้วที่เรียกให้เวอร์ซักหน่อย ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ซีเรียส เรื่องเสียมารยาทอย่าไปคิดมากครับ ถ้าได้ร่วมงานกัน เค้าก็มองข้ามจุดนั้นไปเอง ยิ่งถ้าไม่ได้ร่วมงานกัน ยิ่งไม่มีอะไรต้องคิดมาก

ของผมคุยเรื่องเงินเดือน 1 วันจบ แล้วนัดเซ็นสัญญาเลย

ของผมงงจัด คือไม่ได้คุยเลยด้วยซ้ำอะว่าผมเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ขอดู Payslip เงินเดือน เก่าๆ ของผมว่าเคยได้รับอยู่เท่าไหร่ ผมก็จัดแจงเอาให้ไปประมาณ 6 เดือนย้อนหลัง ตอนสมัครงานก็ไม่มีให้ระบุเงินเดือน งงสุดๆ

ของผมขอสลิปไป แต่งานที่ล่าสุดผมทำได้แปปเดียว แล้วออกปุปมันล็อคแอปเอาสลิปออกมาไม่ได้

เลยส่งสัญญาจ้าง บริษัทไปให้แทนในนั้นมันระบุเงินเดือนไว้ แทน

สถานการณ์เดียวกันสุดๆ งานล่าสุดที่ผมทำ แปปเดียวออกเหมือนกัน เข้าระบบไปเอา payslip ไม่ได้ แต่ดี hr เค้าออกใบยืนยันมาไว้ให้ว่าเคยทำงานอยู่นานเท่าไหร่ ฐานเงินเดือนเท่าไหร่ ขอให้ได้งานนะครับบ

ของผมต้องลุ้นอาทิตย์หน้า แต่อย่างว่าการสัมภาษณ์มันหลายองค์ประกอบ ดวงนี่ก็มีส่วน

เคยได้งานไวสุดคือ ไปสัมภาษณ์ตอนเช้า จบสัมภาษณ์ก็เซ็นสัญญาเลย

ขอตอบในมุมเจ้าของกิจการได้ไหมอะครับ
ผมไม่ค่อยแคร์เรื่องเงินเดือนนะ ผมดูผลงานเป็นหลักเลยครับ
หลังจากนั้นก็คัดๆที่เข้ารอบมา
เรื่องเงินเดือนดูเกือบจะสุดท้ายเลยครับ

ถ้าผลงาน level พอกัน ก็วัดกันที่สัมภาษณ์อยู่ดีครับ

จะบอกว่า อาจจะไม่ต้องกังวลว่าเขาจะปฏิเสธเรื่องเงินเดือนก็ได้ครับ
เสนออย่างที่เราต้องการไปถูกต้องละครับ win-win ทั้งสองฝ่าย

ความเห็นส่วนตัวนะครับ บางบริษัทอาจจะมองฐานเงินเดือนก่อนก็ได้

Expected Salary เป็นหนึ่งปัจจัยในการเรียกผู้สมัครสัมภาษณ์นะครับ นอกเหนือจากปสก.ทำงานและคุณสมบัติอื่นๆ ไม่งั้นก็ได้แต่คนเก่งๆกันตลอดแหละครับ ทุกองค์กรมี Salary structure อยู่ ถ้าอยู่ในกระบอกและบัดเจทของหน่วยงานนั้นๆ เค้าก็เรียกสัมภาษณ์ได้ แต่ก็มีเยอะครับที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วขอเพิ่ม Expected Salary ทีหลัง หลังจากได้คุยเนื้องานแล้ว ให้เหตุผลมา บริษัทก็ทำการบ้านต่อ ประเด็นคือ ถ้าเอาเข้ามาเกินกว่า Compa-Ratio ที่ Mid จะเกิดปัญหาภายหลังในการบริหารงบการปรับเงินประจำปีของทั้งหน่วยงานนั้นๆ เค้าถึงพยายามไม่ให้เกินจุดนี้กันครับ
ตอบคำถามว่า น่าเกลียดมั้ย ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ถ้าไม่ได้ห่างเกินไปและมีเหตุผลเพียงพอ แต่ถ้ามันเยอะเกินจุดตั้งต้นก่อนสัมภาษณ์ มากๆ อันนี้มันก็จะเสียเวลาองค์กร ถึงจะอยากได้คนนั้นๆมาก แต่ถ้าพังโครงสร้าง องค์กรใหญ่มักไม่ทำครับและจะมีหมายเลข2และ3รออยู่แล้ว เพื่อจะไม่เป็นการเสียเวลารื้อเริ่มต้นกระบวนการสัมภาษณ์ใหม่ครับ ขอให้ต่อรองสำเร็จครับ

1 คำแนะนำนะครับ เราไม่ควรเขียน salary expectation ไว้ใน resume ครับ เราควรเจรจากับHR ตรงๆดีกว่าครับ
ผมสัมภาษณ์คนมาหลายคนแล้ว พอเขียนราคาแล้วมันดู fix ยังไงชอบกล และพอสัมภาษณ์เสร็จ ชอบใจแต่ JD มันดันเยอะกว่าที่คุณคิด

**Salary expectation จะทำให้ HR ได้เปรียบคุณ**