นั่นดิหลอกทำไมในเมื่อเราไม่รู้จักกัน

ที่เคยฟังๆ คือหลอกให้เรากลัว เราจะได้รีบไปทำบุญให้ครับ

ถ้ากระชากหัว มันจะเจ็บครับ

ผีไม่ได้มาหลอก รักของเราจะคงอยู่แสนนาน

ไอ้เป็นผีออกมาให้เห็นหรือมาทำอะไร ยังไม่ติดใจเท่า

บ้านเลขที่ เบอร์โทร นี่บอกได้หมดเลย ในบ้านมีใครตาย ตายยังไง ไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ไปเกิดหรือยัง

นี่ถ้าเปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนเปอร์โทรไปเรื่อย ตายแล้วมันจะฟื้นคืนมามั้ยวะ

แล้วพอเป็นผีแล้วทำไมต้องมาแบบร่างในช่วงอายุสุดท้าย ทำไมไม่ย้อนร่างไปตอนเด็กตอนวัยรุ่น มาทำไมตอนแก่ หรืออย่างถ้าตายตอนเด็ก ทำไมไม่วิวัฒร่างให้โตเป็นผู้ใหญ่

เจอแต่ผีโยกหัวครับ

ถ้ามีจริง

ก็คงจะไม่ได้ตั้งใจมาหลอกให้กลัวมั้งครับ

เพียงแต่สภาพเค้ามันเป็นแบบนั้นเอง เค้าเลือกสภาพหรือลักษณะไม่ได้

แค่จะมาขอความช่วยเหลือ ให้ทำบุญไปให้หน่อย เพราะผีทำบุญไม่ได้
ปัญหา คือ แม้ผีจะมาดีมาแบบน่ารักแค่ไหน คนก็กลัวอยู่ดี
เพราะ คนไม่ได้กลัวผีมาทำร้ายหรือเอาชีวิต แต่กลัวสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ผิดที่ผิดทาง

ดังนั้น ผีไม่ได้หลอกครับ เราหลอกตัวเองว่าผีน่ากลัว

ถ้าเป็นผีก็ไม่ไปหลอกใคร ขอทำแบนี้ดีกว่า

ใช้คำว่า "หลอก" ผมว่าอาจจะไม่ถูกซะทีเดียว เค้าอาจจะแค่ปรากฎกายในแบบที่เค้าเป็นตอนจิตสุดท้ายหรือทำอะไรบางอย่างได้แค่นิดหน่อยเพื่อเป็นการแสดงตัวให้รู้กับคนที่พอสัมผัสได้ แต่คนที่เจอดันคิดว่าเค้ามาทำให้กลัวหรือทำให้ตกใจเลยใช้คำว่า"ผีหลอก" น่าจะประมานนี้

มนุษย์เราบางคนนี่ก็แปลก ตัวเล็กจ้อยในจักรวาล แต่ดันคิดไปว่าตัวเองรู้หมดทุกอย่างแล้ว อะไรที่วิทยาศาสตร์ ณ เวลานี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแค่เทคโนโลยีเรามันยังไม่ก้าวหน้าขนาดนั้น อย่างทำไมคนเราถึงเชื่อว่าจักรวาลนี้มีมนุษย์ต่างดาวล่ะ ทั้งที่ไม่เคยจะมีใครพิสูจน์ได้ มีแต่คำบอกเล่าจากคนที่เคยเห็น แต่พอเป็นเรื่องสสาร พลังงาน ในอีกมิตินึงที่อาจจะมีบางจังหวะที่ซ้อนทับกัน (แนะนำให้ไปอ่านเรื่องควอนตัม) ก็หาว่าคนเล่างมงาย ทั้งที่ทฤษฎีเดียวกับมนุษย์ต่างดาวแท้ๆ โดยส่วนตัวผมเชื่อในหลักไม่เชื่อต้องพิสูจน์ แต่ ณ ปัจจุบันเทคโนโลยีเรามันยังพิสูจน์ไม่ไดิ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี ก็เหมือนในอดีตที่คนที่พูดเรื่องออกซิเจนโดนหาว่าบ้าอะครับ ที่โง่จริงๆคือมนุษย์จำพวกคิดว่าตัวเองรู้ไปหมดทุกอย่างแล้วมากกว่า

เวลา เมื่อถึงเวลาวิทยาศาสร์จะให้คำตอบที่ถูกต้องครั