ยิงมายิงกลับ!! ‘โม’ แบกหลังแอ่น ‘หงส์’ นำ 2 หนเจ๊าเรือมันหยด 2-2
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทิ้งโอกาสเป็นผู้ชนะไปถึง 2 ครั้ง 2 คราหลังถูก แมนฯซิตี้ ตีเสมออย่างไวทั้งลูกยิงขึ้นนำของ ซาดิโอ มาเน่ และ โม ซาลาห์ ในเกมที่ทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า เล่นได้ดีกว่าก่อนตัดแต้มกันเองปล่อยให้ เชลซี นำจ่าฝูงเดี่ยวก่อนพักเบรกทีมชาติ 2 สัปดาห์
ลิเวอร์พูล
Starting Formation: 4-3-3
7.
เจมส์ มิลเนอร์

78'
6
20.
ดิโอโก้ โชต้า

68'
6
ตัวสำรอง
12.
โจ โกเมซ

78'
6
15.
อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
9.
โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่

68'
6
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม แอนฟิลด์
อาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2564
กรรมการ พอล เทียร์นี่ย์
ลิเวอร์พูล
2
2
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1-0 ซาดิโอ มาเน่ 59'
2-1 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 76'
1-1 ฟิล โฟเด้น 69'
2-2 เควิน เดอ บรอยน์ 81'
ลิเวอร์พูลไม่ได้ปรับทัพจากเมื่อกลางสัปดาห์ ดิโอโก้ โชต้า ยังได้ยืนเป็นสามประสาน ขณะที่เจมส์ มิลเนอร์ ประจำการแบ็คขวาแทนเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เจ็บไป ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีอิลกาย กุนโดกัน แต่ก็ถอยแบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงมาขณะที่แดนหน้าใช้ แจ็ค กรีลิช, กาเบรียล เชซุส และฟิล โฟเด้น คอยเล่นงานโดยมีเควิน เดอ บรอยน์ เป็นจอมทัพ
หงส์เริ่มดีครองเกมมากกว่า
เปิดเกมมาในช่วงแรกเป็นลิเวอร์พูล ครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า แต่ซิตี้ ก็ลงไปรับกันเหนียวแน่นไม่เปิดโอกาสให้เข้าไปในกรอบเขตโทษง่ายๆ ทำให้ที่ผ่านมายังไม่มีจังหวะการทำประตูกัน
เรือมาสวยร็อบโบ้โขกทิ้งก่อน
ซิตี้ขึ้นมาทางซ้ายได้สวย โฟเด้นควบมาเอาบอลก่อนไหลกลับมาให้แบร์นาร์โด้ วางเท้าวางไปทางเสาไกลจะให้เชซุสเข้ามาโขก แต่โรเบิร์ตสัน โขกทิ้งออกหลังไปก่อน
แบร์นาร์โด้โชว์!โฟเด้นยิงติดอลิสซอน
แบร์นาร์โด้โชว์ลีลาม้วนบอลหนีนักเตะ 3 คนกลางสนามก่อนลากมาไหลทะลุช่องให้โฟเด้นหลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่จังหวะยิงไปติดบล็อคจองอลิสซอนที่ปิดเสาแรกไปแล้ว
เรือมาอีก KDB ทะลุยิง
คันเชโล่ได้บอลริมเส้นด้านซ้ายก่อนดึงบอลหลอกแล้วแทงทะลุช่องให้ เดอ บรอยน์สอดเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนพยายามเล็งไปที่เสาไกลแต่บอลไม่โค้งหลุดออกหลังไปอีก
โฟเด้นโดนแซะร่วงโวยจะเอาโทษ
โฟเด้นโวยวายจะเอาจุดโทษจังหวะลากบอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนโดนมิลเนอร์แซะล้มลงไปแล้วลุกขึ้นมาแต่ล้มลงไปกรรมการไม่ได้ว่าอะไร แล้วจังหวะต่อมา กรีลิชลากไปล่อเป้าอลิสซอนแต่มุมไม่มีแล้วเลยยิงติด
KDB พุ่งโขกโล่งข้ามคานเฉย
โอกาสทองอีกหนของทีมเยือน โฟเด้นเปิดบอลริมเส้นด้านซ้ายไปทางเสาไกล เดอ บรอยน์พุ่งเข้ามาโขกคนเดียวแต่ดันโหม่งไม่ดีบอลข้ามคานออกไปไกลแบบน่าผิดหวัง
โฟเด้นเกี่ยวหลุดโดนอลิสซอนสกัดทัน
บอลยาวของซิตี้มาเล่นงานมิลเนอร์อีกแล้ว โฟเด้นเกี่ยวเข้ากรอบเขตโทษไปได้แต่ต้องชม อลิสซอนที่ออกมาใช้ขาสกัดเอาไว้ไม่งั้นหลุดเลย
โชต้าพลิกสวยซัดติดเอแดร์ซอน
ลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบหนแรก มาติปแทงบอลมาให้โชต้าเกี่ยวบอลหนีดิอาสอย่างสวยก่อนสับด้วยซ้ายบนเส้นกรอบเขตโทษแต่บอลไปตรงตัวของเอแดร์ซอนทุบเอาไว้ก่อน
ซาลาห์ทำสวย!มาเน่ปิดกล่องหงส์นำ 1-0
กลายเป็น หงส์แดง ที่ได้ประตูขึ้นนำ ซาลาห์เอาตัวรอดยกบอลหนีคันเชโล่ริมเส้นกลางสนามได้สวยก่อนลากมาเองแล้วไหลต่อให้ มาเน่หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาแล้วแปบอลสวนตัวเอแดร์ซอนเข้าไปตุงตาข่าย 1-0!!!
ซาลาห์ฟรีคิกแฉลบกำแพง
ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้องมาทางซ้ายระยะ 22 หลา เป็นทางซาลาห์หลอกปั่นด้วยซ้ายบอลแฉลบกำแพงก่อนหลุดออกหลังได้แค่เตะมุม
เชซุสยิงไม่ผ่านมิลเนอร์
เดอ บรอยน์ทิ้งบอลจากริมเส้นขวาไปทางซ้ายให้ เชซุสเอาลงแล้วเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนล็อคยิงแต่โดนมิลเนอร์บล็อคเอาไว้แล้วอลิสซอนตามมาคว้าอีกที
โฟเด้นคมกริบ!เรือตีเจ๊า 1-1
เรือใบสีฟ้า มาได้ประตตีเสมอแล้ว เชซุสลากบอลตัดจากขวาเข้ากลางก่อนไหลออกซ้ายให้ โฟเด้นจับก่อนยิงผ่านอลิสซอนเข้าไปทางเสาไกลไม่เหลือ 1-1!!!
บังโม!!!โซโล่เดี่ยวหงส์หนี 2-1
กลับมาเป็น หงส์แดง ได้ประตูขึ้นนำ ต้องชม ซาลาห์ที่ลากแหวกเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาสุดท้ายล็อคหนีลาปอร์ตแล้วยิงด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเสาไกลสุดสวย 2-1!!!!
KDB ซัดแฉลบเรือตีเจ๊าอีก 2-2
เกมกลับมาเสมอกันอีก โฟเด้นได้บอลในกรอบเขตโ?ษด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางบอลเลยวอล์คเกอร์มาเข้าทางของ เดอ บรอยน์ยิงด้วยซ้ายแต่บอลไปแฉลบมาติปเปลี่ยนทางทำให้อลิสซอนพุ่งเก้อ 2-2!!!
โรดรี้เซฟเรือ!แฟบเหน่งๆ ยิงช้าไป
ไม่น่าเชื่อว่าลิเวอร์พูลไม่ได้ประตู เป็นฟรีคิกที่เล่นสั้นก่อนซาลาห์โยนไปทางเสาไกลบอลเลยไปถึง ฟาบินโญ่จับแล้วพยายามยิงโล่งๆ แต่โรดรี้พุ่งเอาขามาแหย่วินาทีสุดท้ายทำให้ซิตี้รอดตายหวุดหวิด
เรือไล่เจ๊าหงส์สนุก 2-2
หมดเวลาการแข่งขันเป็นครึ่งหลังที่สนุกสุดท้ายเสมอกันไป 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้มก่อนพักเบรกทีมชาติ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
10.
แจ็ค กรีลิช

66'
6
ตัวสำรอง
7.
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

66'
6
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Mon Oct 04, 2021 00:28, ทั้งหมด 16 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ