ถ้าเราจะหางานจาก jobsdb เราควรใส่ Salary expectation ยังไงครับ

"งานปัจจุบันคือมี OT + โบนัส คิดเป็น 60% ของเงินเดือนต่อปี"

งานใหม่ควรอิงจากฐานเงินเดือนเดิม หรือควรอิงจากรายได้ต่อปีอะครับ(งานใหม่ตำแหน่งใหม่ที่ดูๆไว้คิดว่าไม่มีOTแน่ๆ)

คหสต ไม่ใช่HRนะครับ
ใส่ๆไปเถอะครับ ถ้าอยู่ในกระบอกเงินเดือน+ความสามารถถึงเค้าก้คุย
ส่งนตัวผมใส่เเค่ฐานครับ เพราะผมไม่มีโอ 5555
เอาจริงบริษัทส่วนใหญ่ชอบถามเงินเดือน+ขอสลิป
ซึ่งผมก้ไม่เเจ้งหรือให้นะ จนกว่าจะถึงขั้นoffer
มันมีวิธีพูดอยู่ให้ดูดี เช่น ไม่สะดวกเเจ้งเพราะคิดว่าฐานเงินเก่าไม่เหมาะสมกับความสามารถปัจจุบัน หรือ เอาอดีตมาสร้างบรรทัดฐานตอนนี้ไม่แฟร์กับทั้งสองฝ่ายเพราะเราก้เปลี่ยนไปจากตอนนั้น
แต่เวลาเค้าถามผมว่าคาดหวังเงินเท่าไหร่ ผมก้ไม่ตอบ
ผมแค่บอกว่าพร้อมจะรับฟังเเละพิจารณา ที่สมัครมาเพราะอยากทำงานนี้อยู่เเล้ว
อย่าตัดโอกาสตัวเองกับเรื่องเลขเงินเดือนในขั้นเเรก


ลองดูครับ ขอให้โชคดี

เป็นผมจะใส่รวมทั้งหมดที่บวกเพิ่มมาแล้วครับ เป็นต่อเดือนนะ

เพราะกรณีที่ใหม่ไม่มี OT แล้วต่อเงินเราลง เราสามารถเอาเรื่องที่ว่าที่เก่าเรามี OT บวกโบนัสไปต่อรองเค้าได้

อีกอย่างสุดท้ายแล้วเรื่อง expected มันคุยกันอีกทีตอน HR โทรมาอยู่ดีแหละครับ ช่องตรงนั้นช่วยในการเสริชโปรไฟลของเรา

จากประสบการณ์ถ้าเป็น HR ไทยเค้าจะชอบดูจาก Base/Month ครับ
แต่ถ้าเป็นฝรั่ง ญี่ปุ่นเค้าจะชอบถาม Base/Year
ซึ่งผมเคยย้ายงานไปบริษัทญี่ปุ่นทีนึงคือเอา
- Base Salary
- Bonus
- Perdiem
- Travel allowance
ทั้งหมดรวมกันแล้วหาร 12 เดือนได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ผมปัดขึ้นแล้วเรียกที่ใหม่ตามนั้นเลย
ถ้าดูรายได้รวมทั้งปีอาจจะได้เพิ่มไม่เยอะ แต่ Base จะเพิ่มเยอะมากแล้วอนาคตก็เอา Base ใหม่ไปต่อยอดได้

ไม่ใช่HR แต่อยากบอกว่าใส่เรทเท่าที่หวังเลยครับ เวลาhrดูโปรไฟล์เราถ้ามันตรงกับที่เค้าต้องการเค้าจะโทรคุยกับเราก่อนแล้วถามexpected salary อีกอยู่ดีฮะ
อีกอย่างยิ่งใส่range เงินเดือนกว้างๆ โอกาสที่จะได้เห็นบริษัทดีๆในหน้าฟีดJobsDB หรือในเมลยิ่งมีเยอะครับ

ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ คำแนะนำดีๆเพียบเลย ไว้เอาไปปรับปรุงครับ

เงินทุกอย่างโดยเฉลี่ย/เดือน
+ เพิ่ม 15% ครับ นั่นเป็นค่าประสบการณ์
จากใจ HR

ในมุมมองของ HR นะครับ ลองแยกออกมาเป็น 3 ก้อนครับ

1.เงินเดือน ก็เรียกไปเท่าที่ต้องการ

2.โบนัส อาจจะต้องถามที่ใหม่ด้วยว่านโยบายเค้าเป็นยังไง ถ้าเค้าก็มีจ่ายในเรทใกล้เคียงกับที่เก่า ก็ไม่น่าเอาไปบวกในเงินเดือนได้ แต่ถ้าที่เก่ามันเยอะกว่ามากๆ เช่น 8เดือน 10เดือน แล้วที่ใหม่จ่ายแค่ 1-2 เดือน อันนี้ก็บวกเข้าไปได้

3.OT ก้อนนี้ค่อนข้างพูดยาก เพราะการทำ OT แปลว่ามันต้องทำงานเยอะกว่าปกติ การจะเอาก้อนนี้รวมเข้าไปในเงินเดือนด้วยมันก็ดูไม่เมกเซนส์เท่าไหร่(ในุมของ HR นะ)

แต่สุดท้ายแล้วใส่เท่าที่ต้องการไปเถอะครับ ถึงเวลาคุยเรื่องเงินเดือนก็ค่อยชี้แจงเค้าไปว่าเราเคยได้แบบนี้ เปลี่ยนงานใหม่ก็อยากได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ถ้าคุยแล้วคลิกแล้วมันเกินงบเค้านิดหน่อย เดี๋ยวเค้าก็ต่อเอง

ชัดเจนมากครับ ตอนแรกกังวลว่าใส่มากไปเค้าจะไม่เรียกรึเปล่า แต่ปัญหาที่เจอคือถ้าไม่ใส่เลยเค้าไม่รู้ว่าควรเอาเราไปอยู่ตรงไหน ตอนนี้อัพเดตเรียบร้อย

อยากได้เท่าไหร่ เอาตามที่คาดหวัง ใส่ไปก่อนครับ ของแบบนี้ถ้าโปรไฟล์ดี มีของ มันต่อรองกันได้

เวลาคิด ถ้าอยู่ครบปีแล้ว ให้คิดเป็น Yearly ครับ เวลา HR ที่ใหม่คำนวณเงินเดือน เค้าจะเอาเงินเดือนรวมถึงเงินได้อื่นๆที่ได้ปัจจุบันทั้งปี มาหารให้ได้ฐานเงินเดือนที่ควรได้ในแต่ละเดือนก่อน แบบ minimum แล้วก็ค่อยมาร์คอัพหรือไปเพิ่มในค่าอื่นๆตามสมควร เก็บสลิปเงินเดือนไว้ให้ครบครับ

Resume ใส่ salary expectation ไปเลยครับ ส่วนเงินเดือนปัจจุบันไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ยังไงเค้าถามเราอีกทีนึงอยู่แล้วฮะ

resume ผมไม่ใส่เงินเดือนนะ
แต่ในใจอ่ะมี เค้าถามก็บอกตามนั้น
สัมพาด1 ตก1 100% 55555

รอบหน้าก่อนสัมก็จะถามละ สู้เงินเดือนมั้ย ถ้าไม่ก็ไม่ต้องเสียเวลากัน

overall + 30% ครับ overall เอามาจากยอดที่ยื่นภาษี