ปราบพยศสิงห์! เชซุสซัดแฉลบ 'เรือ' มาเหนือบี้ชัย 1-0
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลิกผูกปีแพ้ โธมัส ทูเคิ่ล หลังจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มสะเด่าเหนือกว่าเจ้าถิ่น แต่มาได้ประตูชัยจากลูกยิงแฉลบของ กาเบรียล เชซุส ช่วงต้นขึ้นหลังเป็นประตูชัยชนะ เชลซี 1-0 ขยับมาอยู่อันดับ 2 บนตารางคะแนน
เชลซี
Starting Formation: 3-5-2
5.
จอร์จินโญ่

76'
6
7.
เอ็นโกโล่ ก็องเต้

60'
6
24.
รีซ เจมส์

28'
6
ตัวสำรอง
6.
ธิอาโก้ ซิลวา

28'
6
12.
รูเบน ลอฟตัส-ชีค

76'
6
29.
ไค ฮาแวร์ตซ์

60'
6
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
เสาร์ที่ 25 กันยายน 2564
กรรมการ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
เชลซี
0
1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เชลซีได้ข่าวดีเมื่อ เอดูอาร์ เมนเดี้ หายเจ็บกลับมาพร้อมลงสนาม ขณะที่ตำแหน่งอื่นมีแค่เมสัน เม้าท์ที่ไม่พร้อมทำให้ปรับมายืนกองหน้าคู่อย่าง โรเมลู ลูกากู และติโม แวร์เนอร์ แดนกลางอัดมาแน่นทั้งจอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และมาเตโอ โควาซิช ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีอิลกาย กุนโดกัน แต่เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้นได้สตาร์ตเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ อายเมริก ลาปอร์ตที่กลับมาฟิตอีกครั้ง
สิงห์ไฮโซ จะกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์หากคว้าชัยเพราะจะชนะทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า 4 นัดรวด โดย 12 เกมหลังสุดทีพวกเขาพบกันไม่เคยจบด้วยการเสมอเลย
เรือมาดีบุกใส่ก่อน
เปิดเกมมาในช่วงแรก ซิตี้ ครองบอลบุกได้ดีกว่าทำเอาเชลซี ต้องถอยลงไปตั้งรับเหนียวแน่นเอาไว้ก่อนแต่ทั้งสองทีมก็ยังไม่มีโอกาสหาช่องเจาะเข้าไปลุ้นทำประตูได้ทั้งคู่
สิงห์สวนไวลูกากูไม่ได้ยิง
เกมสวนกลับของเชลซีได้ลุ้นเลย ลูกากูพักบอลกลางสนามก่อนไหลให้ อลอนโซ่แทงพรวดเดียวให้แวร์เนอร์กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วพยายามเปิดมาให้ดาวยิงเบลเยี่ยมเข้ามาชาร์จแต่ยิงไม่โดนแล้วโดนลาปอร์ตล้มตัวสกัดเอาไว้ด้วย
แวร์เนอร์มาอีกยิงติดวอล์คเกอร์
เป็นอีกครั้งที่แวร์เนอร์ลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนหักหนีดิอาสมาเข้าขวาแล้วยิงบอลไปติดบล็อคของวอล์คเกอร์ที่วิ่งขวางทางอยู่
เจมส์เดี้ยงธิอาโก้ลงแทน
เชลซีต้องเปลี่ยนนักเตะคนแรกเมื่อ เจมส์ ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องเอา ธิอาโก้ ซิลวาลงสนามมาเล่นแทนแล้วขยับเดฟ ไปเล่นทางขวาแทน
โรดรี้ส่องไกลติดบล็อค
ซิตี้ พาบอลขึ้นมาก่อนที่โรดรี้ พาบอลเข้าหากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดบล็อคก่อนกระดอนอกหลังไปได้เพียงแค่เตะมุม
เชซุสพักอกยิงบอลข้ามคาน
เรือใบสีฟ้า มาได้ลุ้นอีกครั้งเป็นจังหวะที่กรีลิชกระดกบอลมาให้ เชซุส พักอกลงก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายแต่ช้อนใต้บอลไปหน่อยเลยออกหลังไปไกลอย่างน่าเสียดาย
กรีลิชปั่นโค้งไม่พอ
ซิตี้ลงมาพับสนามบุกเหมือนเดิม คราวนี้ กรีลิชได้บอลบนเส้นกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนวางเท้าปั่นด้วยขวาบอลโค้งไม่พอหลุดเสาไกลออกไปเท่านั้น
เชซุสพลิกยิงแฉลบ!เรือเฮก่อน 1-0
เรียกว่าเป็นจังหวะมีโชคด้วยที่ เรือใบสีฟ้า ได้ประตูออกนำ เริ่มจาก คันเชโล่พยายามยิงไกลแล้วบอลไปติดบล็อค เชซุสเกี่ยวได้ก่อนพลิกมายิงด้วยขวาบอลไปแฉลบบล็อคของจอร์จินโญ่ก่อนเปลี่ยนทางเมนดี้ได้แต่ยืนมอง 1-0!!!
เป๊ปเสียดาย!กรีลิชโยกยิงติดปลายมือเมนดี้
กรีลิชลากบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนโยกหลอกคริสเตนเซ่นได้สวยแล้วก่อนยิงเหมือนไปโดนปลายมือของเมนดี้ก่อนหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
รูดิเกอร์เคลียร์บนเส้น!!!
ซิตี้อดได้ประตูหนีห่าง คันเชโล่ขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเรียดเข้ากรอบเขตโทษ เมนดี้ออกมาปัดไม่ดีบอลไปเข้าทางของเชซุสตามมายิงซ้ำเหน่งๆ แต่บอลไปติดรูดิเกอร์ที่เคลียร์บอลออกมาจากเส้นได้ทันเวลา
ฮาแวร์ตซ์ไหลบิ๊กตู้ยิงโดนจับล้ำก่อน
เชลซีส่งบอลไปตุงตาข่ายแต่ไม่ได้ ฮาแวร์ตซ์หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวในกรอบเขตโ?ษก่อนไหลมาให้ ลูกากูแปนิ่มๆ เข้าไปไม่เหลือแต่ดาวเตะเยอรมันล้ำหน้าไปตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว
โควาซิชลากยิงไม่ผ่านดิอาส
ลูกากูเอาชนะลาปอร์ตได้อีกครั้งก่อนที่โควาซิชพาบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษแล้วยิงด้วยขวาทันทีแต่ต้องชมดิอาสพุ่งเข้ามาใช้ขาขวางได้ก่อนบอลหลุดออกหลังเสียแค่เตะมุม
ลาปอร์ตพุ่งยิงเฉี่ยวเสา
ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษด้านขวาของซิตี้ เดอ บรอยน์ เปิดลึกไปทางเสาไกล ลาปอร์ตกระโดดมาโฉบยิงแต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียวจริงๆ
กรีลิชหลุดเดี่ยวจิ้มไม่ผ่านเมนดี้
เชลซียังอยู่ในเกมไม่เสียประตูเพิ่ม แบร์นาร์โด้เบียดแย่งบอลได้ก่อนไหลทะลุช่องให้กรีลิชหลุดเดี่ยวแล้วแต่จังหวะจิ้มโดนเมนดี้ผวามาบังทางเอาไว้ได้เร็ว
เรือบุกเหยียบสิงห์ถึงถิ่น 1-0
ช่วงทดเวลาเชลซีโวยจะเอาจุดโทษที่เดฟโดนหนุนแต่กรรมการไม่ได้ว่าอะไร สุดท้ายหมดเวลาการแข่งขัน เชลซี เอาคืนไม่ได้ทำให้แพ้คาบ้านต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ทำให้เจ้าถิ่นพ่ายหนแรกในฤดูกาลส่วนซิตี้ ขึ้นมาเกาะกลุ่มนำแบบเต็มตัว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
17.
เควิน เดอ บรอยน์

80'
7
47.
ฟิล โฟเด้น

87'
7
ตัวสำรอง
25.
แฟร์นานดินโญ่

87'
6
7.
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

87'
6
26.
ริยาด มาห์เรซ

80'
6
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sat Sep 25, 2021 20:35, ทั้งหมด 17 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ