จากที่ท่านอธิบายเค้าอาจจะเคยโดนดูถูกมาก่อนมากมายก็ได้ มองอีกมุม เลยมีความคิดที่จะต้องเอาชนะไอพวกที่ดูถูกพวกนั้น แต่แสดงออกผิดวิธี

ส่วนเรื่องเรียนจบสูงไม่สูง ผมว่าประเทศเรายึดติดกับการศึกษาเกินไป ใช้การศึกษาเป็นตัวชี้วัดค่าของคน ผมละโคตรเกลียดแนวคิดพวกนี้เลย

อันนี้เป็นมุมมองของ Pewdiepie 110,000,000 ซับ

การันตีได้เลยว่า รวยและประสบความสำเร็จมากกว่า เน็ตไอดอล คนนั้นแน่นอน





"ที่ผมเลิกเรียนมหาลัย เพราะมันไม่ใช่ทางของผม ผมไม่ชอบมัน

แล้วที่พวกนักข่าวชอบบอกว่า ผมออกจากมหาลัยแค่เพราะจะมาเป็นยูทูปเบอร์เต็มตัว

แม่งเป็นอะไรที่โคตรง่าวเลย ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ผมจะไม่ทำตัวเป็นพวกขี้แพ้เด็ดขาด
(ทำเสียงเด็กเกรียน)
"พ่อ แม่ ผมจะไม่เรียนต่อแล้วนะ ผมจะเป็นยูทูปเบอร์"

มันคือสัจธรรมของเงินแหละ กลุ่มมนุษย์ออฟฟิตแบบผมนี่โดนจนเป็นเรื่อง ฮาๆ ไปละ

รำคาญมากครับพวกนี้ เข้าใจว่าบางคนอาจมีปมหรือเคยโดนดูถูกมาก่อน
แต่ก็รำคาญอยู่ดี เพราะสิ่งที่คนพวกนี้ทำก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย

อีกประเภทก็พวกทำ Grab หรืออะไรที่เป็นฟรีแลนซ์ช่วงบูมๆ
แล้วก็มาแขวะพนักงานประจำ พนักงานออฟฟิศ ว่าได้เงินเยอะกว่า (ช่วงนั้นอะแหละ)
ทั้งๆ ที่คนทำงานทั่วไปส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปเหยียดอะไรมัน

ส่วนตัวผมไม่ซีครับ
พวกนั้นมันมีปม 555555

ก็ไม่ต่างกับคนที่จบสูงแต่ดูถูกคนอื่นเขา

ไม่ให้ค่าทั้งคู่แหละ

รู้ไหมครับ คนที่รวย แต่การศึกษาไม่มากพอ
มีโอกาสไม่ถึง50% หรือเพียงครึ่งเดียวที่จะบริหาร
การเงินดีพอจะส่งต่อรุ่นลูกได้ ซึ่งต่างจากคนมีการศึกษาที่มากพอ
ที่มีโอกาสมากถึง80% ที่สามารถส่งต่อทั้งด้านการเงินและการศึกษา

ถามว่าคิดยังไง

ผมคิดว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอ่ะ ก็เพราะครั้งนึงเคยโดนมาเยอะไง

พอวันนึงมีโอกาส ก็เลยเอาบ้าง

ซึ่งมันไม่ถูกต้องครับ เราไม่ชอบอะไร เราก็ไม่ควรเป็นแบบนั้น

จริงๆเอาคน 1% มาเทียบกับคนค่าเฉลี่ยอีกกลุ่มนึง มันก็ bias อ่ะนะ ถ้าจะเทียบมันก็ต้องเทียบ 1% ด้วยกันน่ะแหละ ลองไปเทียบ top management ดู หรือไม่ก็พวก CEO พวกนั้นได้ปีเป็น 10 ล้าน แล้วก็ค่อยวัดกันดู นี่ไม่รวมพวกเจ้าของธุรกิจอีก

ส่วนสำหรับผม ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ ถ้าให้ผมไปทำยูทูปให้คนตามขนาดนั้น ผมก็ทำไม่ได้หรอก ผมก็ถนัดเรียนไปแล้วก็ทำงานไปตามทางมากกว่า คนประสบความสำเร็จก็ยินดีด้วย ส่วนใครจะไปทำตามก็ลองคิดดีๆละกัน ว่าถ้าทำไม่ได้ขนาดเค้าแล้วจะยังไง

แค่หาเงินได้เยอะ อย่าเพิ่งเรียกประสบความสำเร็จเลยดีกว่า แต่ถ้าใครจะเอาแต่เงินวัดก็ตามสะดวก

ก็เห็นๆอยู่ว่าสิ่งที่มันไม่มีก็คือการศึกษาไง คนมีการศึกษาเขาไม่มานั่งดูถูกคนอื่นที่ทำมาหากินสุจริตหรอก

ส่วนไอ้คนเรียนสูงจบสูงแล้วไล่ดูถูกคนอื่นก็จัดอยู่ในสปีชีส์เดียวกันคือ พวกมีปมและไร้ค่า เชิญใช้เงินสนองนี้ดตัวเองให้พอใจเถอะ

Steve Jobs กับ Bill Gates Mark Zukerberg เข้าข่ายไหมครับ เรียนไม่จบซักคนแถมชอบขิงคนอื่น

ตามหลักจิตวิทยาโฮโมเซเปี้ยนชอบเหยียดกันเพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า คิดว่าพวกเหยียดคือมีปม

จริงๆปริญญาคือใบเบิกทาง ทุกคนได้เรียนนั่นแหละเพื่อต่อยอด คนสมัยก่อนก็มีวลีเหยียดคนไม่มีการศึกษาซึ่งแม่งก็ไม่ถูกเหมือนกัน

เฉยๆนะ เรื่องพวกนี้ไม่มีอะไรตายตัว เรียนสูงก็เอาความรู้ไม่ใช้รวยยุ่แล้ว รายได้มันตามมาทีหลัง
พูดแบบนี้พวกเรียนสูงเงินเดือนน้อยมีร้อนแหละผมว่า
ต่างฝ่ายต่างจี้กันไปมา
พวกจบไม่สูง รวย vs พวกจบสูงไม่รวย
ส่วนพวกที่จบไม่สูงจน ติดยา vs พวกจบสูงรวย

มันก็เหมือนคนได้เกรดดีๆ ก็ใช่จะได้เงินเดือนสูงๆ
คนเรียนไม่จบ แต่ไปอ้าง steve job, mark zuckkerberg

คือเอาง่ายๆแค่คนเรียนไม่จบในประเทศไทย สัดส่วนเทียบกับ คนเรียนจบ ใครรายได้สูงกว่า มั่นคงกว่า มันก็อย่างหลังมากกว่า

คือชอบเอาเคส special 1 ในล้าน มาอ้างอิงแบบเหมารวม ทั้งที่กรณี สตีฟ กับ มาร์ค นั่นคือเค้ามีความรู้ ความสามารถเหนือระดับคนสอนไปแล้ว มีความสนใจในบางสิ่ง จนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่มรึงไม่เรียนหนังสือ แล้วอ้างว่ากูจะรวยแบบเค้า โดยไม่ทำอะไรเลย เพ้อฝันไปวัน แต่ไม่ลงมือทำ


ถ้ามีโอกาส ยังไงได้เรียน ก็ดีกว่าไม่ได้เรียนครับ เอาง่ายๆแค่ในประเทศไทย คุณได้ภาษาอังกฤษ อ่านออก เขียนได้ ฟังได้ พูดสื่อสารได้ ก็ได้เปรียบมหาศาลแล้วกว่าคนไม่รู้ภาษาอังกฤษครับ โอเคบางคนทำงานสถานที่ท่องเที่ยวเลยพูดฟังได้ แต่จากประสบการณ์ผม ถ้าคุณได้เจออาจารย์เก่งๆที่ชี้แนะ แนะนำเราได้ดี จะพัฒนาได้เร็วกว่า มาเรียนรู้ด้วยตนเองเยอะเลยครับ ประมาณเหมือนเราเข็นครกขึ้นภูเขา แต่พอขึ้นมาแล้ว เพิ่งรู้ตัวว่า กรูขึ้นเขาผิดลูก ก็เสียเวลาเรียนรู้วิธีผิดๆ ก็ใช่เรื่อง

การศึกษามันเลยสำคัญ โอกาสได้เจอคนเก่งมาสอน สภาพแวดล้อมดีๆ มันเลยต้องเลือกแล้วเลือกอีก ก็ต้องดิ้นรนให้ลูกตัวเองมีการศึกษาที่ดีขึ้น

เห็นด้วยล้านเท่าครับ ควรมีโอกาสและให้ระดับในการศึกษาเท่าๆ กัน เจอแบ่ง tier แบ่งแยก สุดท้ายก็เหลื่อมล้ำอยู่ดี ก็จะเหยียดกันแบบไม่จบสิ้น