เพื่อนที่เป็นเภสัช (บรรจุรับราชการแล้ว) โทรมาบ่นครับ
มันบอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่เลือกเรียนเภสัช
สอบเข้าก็ยาก เรียนก็ยาก เสียเวลาเรียนตั้ง 6 ปี
เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร
ยิ่งเภสัชรุ่นน้องที่จบใหม่ แทบไม่มีโอกาสได้บรรจุเป็นข้าราชการเลย

และความก้าวหน้าก็สู้ข้าราชการครูไม่ได้
เพราะครูสามารถทำวิทยฐานะได้ การเลื่อนขั้นเป็นลักษณะเลื่อนไหล ไม่ต้องรอตำแหน่งว่าง
มีเงินค่าวิทยะฐานะ มีปิดเทอม
แม้ปิดเทอมจะต้องทำงานบ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามาลงชื่อทุกวัน
สามารถเป็นซี 8 ได้ตอนอายุ 30 กว่าๆได้เป็นเรื่องปกติ ไม่มีคอขวด
แต่สายงานเภสัช และข้าราชการพลเรือนอื่น ต้องรอตำแหน่งว่าง
การเติบโตเป็นคอขวด กว่าจะได้ชำนาญการพิเศษ (ซี8) ก็ยากมาก

แสดงว่าที่ครูบอกว่า รายได้น้อย ก็อาจจะไม่จริงสิครับ

ครูเป็นกลุ่มข้าราชการที่เงินเยอะที่สุดแล้วครับ ถ้า
ไม่นับพวกสายสเปเชี่ยลลิส

ครูจะรายได้เยอะ ผมว่าต้องอยู่ กทม นะ
หรือเมืองใหญ่ๆ รร ใหญ่ๆ
ถ้า รร ตจว โดยทั่วไปก็ยากครับ
ผอ.น่าจะราวๆ4หมื่นเอง เงินเดือน+ตำแหน่ง
ถ้ากทม. รร ผม ผอ ออกเบนซ์ทำตำแหน่งมีสายสะพาย

ครู ตจว ส่วนใหญ่จะกู้แหละครับ ละก็ผ่อนกันเงินเดือนเหลือไม่เท่าไหร่หรอก

มันมาเยอะตอนอายุข้าราชการเยอะ

ตามนั้นทั้งหมดเลยครับ สายงานผมก็เหมือนกัน

ส่วนรายได้ข้าราชการมันก็ตามระดับอยู่แล้ว ไม่ต่างกันครับ

กระทรวงศึกษาธิการมีแต่ครูถึงเวลาก็ทำผลงานได้เรื่อยๆ ต่างจากกระทรวงสาธารณสุขที่มีหมอใหญ่สุดตำแหน่งขึ้นได้เรื่อยๆแต่ เภสัช พยาบาล วิชาชีพอื่นๆส่วนมากจะตันแค่ซี 7 แค่นั้น

รายได้ข้าราชการพลเรือนเรทเดียวกันหมดแหล่ะครับ

แต่คงจริงที่ครูทำวิทยฐานะได้ แบบไม่มีคอขวด เพราะใครเก่งผงงานดีก็ผ่านกันได้หมด ไม่จำกัดด้วยตำแหน่งว่าต้อง

เป็น ผอ. รอง ผอ. คงต่างจากข้าราชการพลเรือนกระทรวงอื่น

เคยได้ยินมาว่าการได้ชำนาญการหรือชำนาญการพิเศษมันไปอิงกับตำแหน่งด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจะยากกว่าครูจริง

ทุกวันนี้คือ มีวิทยะฐานะ ก็ถือว่าโอเคนะ
แต่สิ่งที่ผมอยากให้เงินเพิ่มของครูคือ ใครสอนมากได้มาก ใครสอนสอนดีมากได้ขึ้นเงินเดือนมาก ไม่ใช่ใครทำงานนอกมาก ใกล้ผู้บริหารมาก ได้เงินเดือนขึ้นมาก คนสอนก็คอยแต่สอนไป

ครู ก้าวหน้าไวครับ ฐานเงินเดือนเท่าๆ กับข้าราชการพลเรือนสามัญ แต่มีดีที่สามารถทำวิทยฐานะได้รวดเร็วมาก สามารถได้ คศ.3 (เทียบเท่าชำนาญการพิเศษ) เผลอๆ อายุ 30 ต้นๆ ด้วยซ้ำ พอบวกรายได้วิทยฐานะนี่รายได้เลยเยอะมาก

ข้อเสียคือ "ครู" ที่ผมเจอมาบริหารเงินไม่เป็น เรื่องกู้หนี้ยืมสินนี่ไม่แพ้อาชีพไหน สิ้นเดือนเผลอๆ เงินเดือนไม่เหลือ นี่คือประเด็น

ปล.เมียผมเป็นครู เลยรู้

ผมเป็นครูอยู่ครับ เรื่องการขึ้นเงินเดือน ถ้าไม่มีเส้นสายในเขต หรือไม่ได้เป็นลูกรัก ผ.อ.
สุดท้ายยังไงเปอร์เซ็นเงินเดือนก็ขึ้นยากครับ

ส่วนมากแล้ว เงินมันจะค่อยๆขึ้นเป็นเปอร์เซ็น แล้วจะเยอะไปตามอายุราชการครับ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมครูยุคใหม่ ไฟแรงถึงบ่นท้อกัน และครู อายุเยอะๆ ถึงสอนสบายๆ

ครู ที่เงินเดือนเยอะๆ ต้องรับราชการนานครับ อย่างแม่ผม อีก 5 ปีเกษียญ เงินเดือน หกหมื่นบวกลบ แต่รับราชการตั้งแต่อายุ 25 นะ อยู่มา 30 ปีละ ทำวิทยฐานะเลื่อยๆ ไม่ได้เป็นสายอำนวยการ สรุป ครูยิ่งแก่ยิ่งสบาย เงินเดือนเยอะ งานน้อย 555
ปล. แม่ผมเคยสอบพิเศษ อันนี้สิ เงินดีมากๆ แต่เหนื่อยจัดตอนนี้เลิกไปนานละ

ถ้าในสายข้าราชการ ครูได้เหนือค่าเฉลี่ยครับ
แต่คุณภาพอย่าให้พูดครับ เป็นรองครูเอกชนที่เงินเดือนน้อยกว่าเยอะ
เงินเดือนจะเริ่มมาเยอะตอนแก่ และสบายตอนเกษียณครับ

แต่ครูรุ่นใหม่ผมว่า ROI ไม่ได้สบายแบบรุ่นก่อนๆแล้ว รุ่นหลังๆมาเลยท้อกันครับเพราะไปเทียบกับรุ่นก่อน
แต่ก็ยัง Above Average อยู่ดี

ระบบมันบิดเบี้ยวไปหมด ครูจบใหม่เงินเดือนน้อย
เงินเดือนเริ่มต้นควรเริ่มประมาณ 30 K ให้ใกล้เคียงอัยการผู้ช่วย และผู้ช่วยผู้พิพากษา

ตอนนี้เงินไปเยอะ ตอนอายุมาก งานสอนก็ไม่ค่อยมี ซึ่งบางคนเท่าที่เจอมา คือแย่
ทำผลเลื่อนตำแหน่งกันเก่ง
ถ้าลองให้สอบ GAT PAT กับเด็ก ม.ปลาย เผลอๆจะแพ้เด็กเอา
แต่ได้เงินเดือนนึง 70 K อันนี้ไม่ไหว

เพื่อนคุณเอาที่ไหนมาพูด

สมัยเรียนไปเป็นเบ๊ให้อาจารย์อยู่เวลาเข้าห้องพักครูเข้าแต่เรื่องหนี้สินกับคนโทรมาทวงตังค์อ่าระดับชั้นครูทั้งนั้น