มีอะไรถามได้นะครับ ส่วนตัวผมว่ามีข้อดีคนละแบบ
1. ความละเอียดรอบคอบ
- ส่วนใหญ่หมอรพ.เอกชนจะรอบคอบกว่า เพราะจำนวนคนไข้น้อยกว่า และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องง่ายกว่า (แล้วแต่คนนะครับ)
2. ความคุ้มค่า
- รพ.รัฐชนะขาด รพ.เอกชนถ้าไม่รวยจริงก็ต้องมีประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุ
3. ความสะดวกสะบาย
- รพ.เอกชนชนะขาด ผลตรวจเลือด คิวเอ็กซเรย์รวดเร็วกว่ามาก
4. ความรู้ความสามารถ
- สูสีกันครับ มีเก่งมากกว่าเก่งน้อยกว่าปนๆกันไป (กรณีที่เฉพาะทางสาขาเดียวกันนะครับ)
- แต่ถ้าสำหรับโรคที่ยากมากๆ โดยเฉพาะต้องผ่าตัดใหญ่ แนะนำโรงเรียนแพทย์จะดีที่สุดครับ อุปกรณ์และทีมครบกว่า
- รพ.เอกชน เลยมักจะจ้างอาจารย์แพทย์ (หมอโรงเรียนแพทย์) เป็น part time ไว้ครับ
ถ้าผมแนะนำเวลาเจ็บป่วยนะครับ
- ถ้ามีประกัน (หรือรวยเงินเหลือ) ไปรพ.เอกชนก่อนครับ ใช้สิทธิ์ที่เสียเงินไปให้คุ้ม (รวมถึง พรบ.รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ด้วยนะครับ ได้สามหมื่นบาทเลย เสียกันไม่กี่ร้อยต่อปี) กรณีที่รักษาไปบางส่วนแล้วค่ารักษาจะเกิน สามารถทำเรื่องส่งรักษาต่อได้ครับ
- ถ้าไม่มีประกันไปรพ.รัฐหรือคลินิกก็ได้ครับ รักษาหายไม่ต่างกันครับ เป็นเรื่องความสะดวกสบายซะมากกว่า
- กรณีเจอหมอไม่ดี (ทั้งรพ.รัฐและเอกชน)
1. ถ้าพูดจาไม่ดี เปลี่ยนหมอเลยครับ ไม่รู้จะทนฟังไปทำไม
2. ถ้าอาการหรือโรคไม่ดีขึ้น
2.1 ถ้าตรวจอะไรไปหลายอย่างแล้ว แนะนำหาหมอเดิมก่อนครับ เพราะหมอคนแรกจะรู้ผลตรวจเลือดผลเอ็กซเรย์ต่างๆ หรือถ้าอยากไปรักษาที่อื่น ก็ต้องกลับมาขอใบส่งตัวรักษาต่อ เพราะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องมาตรวจบางอย่างใหม่หมด ใฝห้เสียเงินเสียเวลาซ้ำซ้อน
2.2 ถ้าแค่ตรวจเสร็จรับยากลับบ้าน แล้วอาการไม่ดีขึ้น จะเปลี่ยนหมอหรือไม่ก็ได้ตามสะดวกครับ (เอาซองยาเดิมไปด้วย)
ปล.ตอนนี้ผมอยู่รพ.เอกชนนะครับ แต่ผมไม่เคยบอกคนไข้เลยว่าหมอที่ไหนเก่งกว่า เพราะยังไงก็มีเก่งมากกว่าเก่งน้อยกว่าปนๆกันไป บอกแต่ว่ารักษาหายเหมือนกัน ที่เหลือเป็นเรื่องความคุ่มค่าหรือความสะดวกสบาย
ยกเว้นโรคทียากจริงๆ ซึ่งถ้าเกินความสามารถของหมอหรือรพ.นั้นๆ หมอก็จะแนะนำส่งตัวรักษาต่ออยู่แล้วครับ เพราะความปลอดภัยมาก่อนเสมอ