รมว.ศึกษาธิการ ชี้ สอบ-ไม่สอบปลายภาค ให้แต่ละโรงเรียนตัดสินใจเอง เพราะในขณะนี้มีหลายวิธีในการวัด และประเมินผลกับนักเรียนได้



16 ส.ค. 2564 – น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนหลายแห่งงดสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อลดภาระและความเครียดของนักเรียน

น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ศธ.ได้ปรับและหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษามีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนการนับเวลาเรียนใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน เพื่อลดความกดดันของนักเรียนและผู้ปกครอง การวัดและประเมินผลใหม่ จากเดิมที่จะต้องสอบเพื่อวัดและประเมินผลเท่านั้น อาจเปลี่ยนวิธีใหม่ โดยให้ครูมอบหมายชิ้นงาน โครงงาน โปรเจ็กต์งานให้นักเรียนไปทำ และเพื่อวัดและประเมินเด็กว่ามีความรู้อย่างไร เป็นต้น

ดังนั้นในการสอบภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ขึ้นอยู่กับโรงเรียนการตัดสินใจของโรงเรียนว่าจะจัดสอบหรือไม่ เพราะขณะนี้มีหลายวิธีในการวัดและประเมินผลนักเรียนได้

ส่วนที่นักวิชาการเสนอให้หยุดเรียน 1 ปีนั้น ถือเป็นแนวคิดหนึ่ง ตนคิดว่าทุกคนมีความหวังดี แต่ ศธ.มองว่าในสถานการณ์นี้ ไม่สามารถหยุดกระบวนการเรียนรู้ได้ สถานการณ์โควิด-19 จะเป็นโอกาสที่ทำให้เราปรับกระบวนการเรียนการสอนในอนาคต ไปอีกรูปแบบหนึ่ง แทนการเรียนในห้องเรียนแบบเดิม ถือเป็นโจทย์และความท้าทายของศธ. ที่จะพัฒนาการศึกษาในอนาคต

https://www.khaosod.co.th/politics/news_6566163

ถ้าไม่มีสอบมันก็วัดยากจริงๆอะแหละ

พ่อแม่ทำการบ้านให้ลูก เรียนแทนลูกยังมีเลย

ควรรีบทำอะไรให้ดีขึ้น โรงเรียนจะได้เปิดสักที

1-2 ปีที่ปิดไปมันเปลี่ยนอนาคตเด็กได้เลยนะ

สงสาร เด็ก on hand ครับ

การเรียน การส่งงาน ความเข้าใจในการสื่อสาร การสอบ

เด็กพวกนี้ มีความต่างชัดเจนมาก

อ่อน รัฐมนตรี ไม่กล้าตัดสินใจ

โยนให้แบบนี้ สู้ไม่พูด อยู่เฉยๆยังจะดีกว่า

คนปฎิบัติจะไปทางไหนหล่ะทีนี่

แล้วจะมีกระทรวงเพื่อ

คุณว่าเป็นแค่รัฐมนตรีหรือครับ

ถ้าย้อนกลับไปมันเป็นตั้งแต่นายกแล้ว

ในช่วงที่โควิดระบาดใหม่ ๆ หลายคนอยากให้ล๊อกดาวน์

นายกก็โยนมาให้เป็นหน้าที่ของผู้ว่า จนมีหลายจังหวัดผู้ว่าสั่งปิดเองก่อนรัฐบาล

ซึ่งก็ไม่ต่างจากกรณีนี้ รัฐมนตรีก็โยนมาให้เป็นอำนาจของโรงเรียน

คือเกิดอะไรขึ้น รมต.ก็ลอยตัว

ไม่มีการสอบ หรือเด็กมาสอบติดโควิด ก็ไม่เกี่ยวกับ รมต. ฉันไม่ได้บอกให้เปิดสอบนะคุณทำเอง

แล้วเราจะมีนายก มีรัฐมนตรีเอาไว้เพื่ออะไรไม่ทราบ

ทุกวันนี้มีหน้าที่แค่แจกเงิน (ที่ยืมมา)

นายกก็แจกเยี่ยวยาต่าง ๆ กระทรวงศึกษาก็แจกเยี่ยวยาเด็กนักเรียนหัว 2000 บาท

เซ็ง

ก็บอกมาเลยครับว่ามีวิธีไหนบ้าง

วันก่อนผมแอบไปเห็นชีทเรียนหลาน (ป.3) แม่งถามถึงศาสดาของพราหมณ์-ฮินดูงี้ เรียนวิชาต่อต้านการทุจริตงี้

ให้เขียน weather state : sunny, rainy, cloudy งี้

โอเคว่าคำถามมันยากเกินความรู้เด็ก ป.3 จนให้ ผปค. มาช่วยตอบ ซึ่ง ผปค. บางคนเขาก็ไม่มีความรู้มากพอที่จะตอบหรอก

ยังคิดเล่นๆอยู่ว่าตอนเรียนมึงถามขนาดนี้ ตอนสอบมึงไม่ถามว่าสาเหตุของสงครามครูเสดเหรอ

คิดได้แค่นี้ก็ไม่ต้องมีรัฐมนตรีแล้ว

รมว.อุดมศึกษาล่ะว่าไง เอาตามศึกษาไหม

สงสารน้องตัวเองชิหาย อยากเรียนวิดวะ

พอได้เรียนดันได้เรียนออนไลน์ เข้าใจบางไม่เข้าใจบ้าง

อยากให้มันได้สัมผัสบรรยากาศชีวิตในมหาลัย

สุดท้าย เรียน ดูซี่รี่ นอน วนอยู่ในห้อง4เหลี่ยม

ผมสงสารเด็กประถมมากนะครับ
เรียนแบบนี้แทบจะไม่ได้อะไรเลยถ้าพ่อแม่ไม่มาช่วยดู
ซึ่งส่วนมากเค้าก็ไม่มีเวลามาดูลูกได้ตอนเรียน

นับว่าทำงานได้ห่วยแตกสุดในชีวิตผมเคยเห็นมา

ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้ไม่ผิดเลย แต่คุณควรเชิญข้าราชการประจำที่รู้มา

สอบถามข้อคิด ทางออกว่าแนวทางไหนดีที่สุดแล้วตัดสินใจในฐานะผู้นำองค์กร

นี่โยนขี้โคตร แล้วแบบนี้เกรดก็ใช้วัดอะไรไม่ได้ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะใช้หมาเป็นเกณฑ์หรอ

เค้าไม่บังคับก็ถูกแล้วนี่ครับ การเรียนการสอนในเวลาแบบนี้แต่ละโรงเรียนก็ใช้วิธีต่างกัน ก็ควรจะเลือกจัดวิธีวัดผลให้เหมาะกับที่จัดการเรียนการสอนไป
ปัญหามันหนักตั้งแต่การจัดการเรียนการสอนแล้ว พวกเด็กเล็กๆ เอาการบ้านมาทำ แต่การบ้านหรือใบงานหลายอย่างก็ยากเกินระดับของเด็กไปเยอะ มันไม่ส่งเสริมให้เด็กอยากเรียน ตามหลักมันต้องไล่ระดับจากง่ายไปหายาก อันนี้ดูจากการบ้านลูกผมเลยนะ

เอาจริงๆเรื่องนี้สำคัญมากอนาคตของชาติ ให้แต่ล่ะโรงเรียนคิดเอง นี้บ้านเราให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อยมาก

ทั้งนายกลูกน้องโยนขี้หมดเลย ไม่ต้องมีก็ได้มั้งรัฐบาลที่คิดไรไม่เป็นเนี่ย

สรุปครูก็โดนเหมือนเดิม รอบที่แล้วบอกไม่บังคับเด็กสอบโอเน็ต ปรากฎว่าโรงเรียนที่ไม่มีเด็กสอบโดยประจานในที่ประชุม ผอ.ลงกับครูที่ไม่บังคับนักเรียนสอบ รอบนี้คงเหมือนเดิม