BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Oct 2010
ตอบ: 1606
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jul 12, 2021 16:55
[RE: เรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองในอายุ30]
PaNuNu พิมพ์ว่า:
shupachok พิมพ์ว่า:
ก็ต้องคิดโปรเจคเองแล้วทำขึ้นมาให้ได้อ่ะครับ หัดเขียนทุกวันเดี๋ยวก็ชินมือเอง จริงๆผมว่าถ้าอยากทำเวป ไม่ต้องฝึก python นะ ฝึกใช้ react ละ lib ต่างๆของมันก็พอ ฝั่ง backend ในไทยสาย java ก็หางานง่าย แต่เอาจริงๆ โปรแกรมเมอร์ผมว่าเป็นงานเสียสุขภาพมาก ไหนจะสายตา ปวดหลัง บางทีต้อง deploy ดึกๆดื่นๆ ปวดหัวกะ user อีก  


อันนี้ผมว่าไม่จริงครับ ถ้า PM ดีๆคุย requirement รู้เรื่อง เราจะรู้สโคปกับประเมินสกิลเราเพื่อหาเเมนเดย์เราได้โดยที่ไม่ต้องอดหลับอดนอนหามรุ่งหามค่ำทำงานเลยครับ

ส่วนเรื่องสายตาปวดหลังก็เหมือนๆกับพนักงานออฟฟิตทั่วไปที่ใช้คอมเยอะๆแหละครับ

อย่างออฟฟิตผมถ้ามีโปรเจคเข้ามาทามไลน์ 1 week จะทำวันเเรกจนเสร็จหรือจะชิวเเล้วดองไว้ทำวันที่ 6 ก็เเล้วเเต่เราจัดการตัวเองเลยครับ  


ที่คุณพูดผมก็ว่าไม่จริงเช่นกัน ต่อให้คุณคุย requirement ดีแค่ไหน มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

แมนเดย์ที่คุณประเมินก็จะพลาด และถ้าคุณจะคิดBudgetเพิ่ม คุณจะถูกลูกค้าตั้งแง่ แล้วอาจจะไม่ได้งานอีก

แล้วการทำงานหามรุ่งหามค่ำก็จะตามมา เพราะเนื้องานเพิ่ม แต่ Deadline เดิม


การทำงานที่ดีคือการวางแผน แต่ส่วนมากทำตามแผนได้มีไม่ถึง 10% คำว่า "งานงอก" ไม่ได้พูดขึ้นมาเล่นๆ มันมีจริง 555

แก้ไขล่าสุดโดย TheBasic เมื่อ Mon Jul 12, 2021 16:56, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 100
ที่อยู่: localhost
โพสเมื่อ: Mon Jul 12, 2021 17:08
[RE: เรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองในอายุ30]
ผมแชร์แนวทางที่ผมใช้ส่วนตัวฮะ แม้บริบทอาจจะต่างกัน คือผมเริ่มเรียนสายคอมพ์มาเลย ผมเข้าใจว่าความเข้าอกเข้าใจในด้านเทคนิคจะต่างกัน แต่วิธีการในการไปถึงเป้าหมายน่าจะแชร์กันได้
.
1. ท่านลองดูก่อนว่าท่านอยากจะไป tech สายไหน เอาตลาดแรงงานนำเลย ลองไปคิดตกผลึก หรือสแกนดูเบื้องต้นก่อนว่าใน job description แต่ละแบบใช้อะไร อันนี้ google หนักๆฮะ พอตัดสินใจเบื้องต้นได้แล้ว ท่านจะมีแผนทีของ tech มาเลยครับ เพราะสายงานนั้นๆจะต้องการ programming skill ต่างกันออกไป รวมถึงบางทีจะบอกรายละเอียดถึงเทคโนโลยีที่ใช้มาด้วย พอเป็นแบบนี้ท่านน่าจะพอมองเห็นภาพฮะ ว่าจะต้องศึกษาอะไรเพิ่มบ้าง เป็นการวางขอบเขตการเรียนรู้ให้เราเห็นหลักก่อน ว่าเราจะเดินไปทางไหน
.
2. หลังจากท่านมีแผนที่ละ ว่าท่านจะไปทางไหน ต่อมาน่าจะเป็นกำแพงของ programming skill, ความรู้และวิธีการต่างๆที่จะเอาไว้ใช้ทำงานให้เกิดขึ้นได้จริง ผมแชร์วิธีการที่ผมทำแบบนี้ฮะ
.
เวลาที่ผม RnD (research and development) เรื่องใหม่ๆ ผมจะแบ่งเป็น 2 เฟสครับ คือรวบรวมข้อมูล และเอา use case มาทำเป็น poc (proof of concept) เพื่อศึกษาและดูขอบเขตมันฮะ ว่าถ้าเอามาใช้งานเนี้ย มันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง หรือสามารถใช้งานหรือประโยชน์อะไรจากมันได้บ้าง
.
2.1 รวบรวมข้อมูล ก็ใน google นี้แหละครับ ในช่วงแรกให้นำหนักไปกับการค้นหา keyword ที่ถูกต้องก่อนฮะ เช่น ถ้าผมต้องการจะศึกษาเรื่อง micro-services ซึ่งก็ google ไปแล้วจะไปเจอเนื้อหาจากแหล่งต่างๆเต็มไปหมด ผมแบ่งไว้ให้คร่าวๆตามนี้ฮะ

github เป็นต้นทางของ code ผมจะเอาไว้สืบต่อว่ามันมี official doc ให้เราอ่านไหม community ของภาษา หรือ library ตัวนี้เป็นยังไง ได้รับความนิยมขนาดไหน

medium และ dev.to เป็นแนว blog ที่ developer เป็นคนเขียนฮะ ความลึกตื้นของเนื้อหาก็จะคละกัน ท่านสามารถไปเลือกอ่านได้

stack overflow / reddit อันนี้เอาไว้อ่านประกอบการใช้งานฮะ ส่วนมากใน 2 site นี้ผมจะอ่านปัญหาที่เจอ แนวทางในการแก้ไขปัญหาฮะ

2.2 หลังจากมีข้อมุลพอประมาณ ก็ขึ้น side project เลยครับ

ซึ่งไอ้วงล้อ 2.1 - 2.2 ผมก็จะทำไปเรื่อยๆครับ จนมันสำเร็จตามโจทย์ที่ตั้งไว้ฮะ อันนี้จะฝึกตั้งโจทย์ด้วย เพราะบางทีในแต่ละรอบที่จะทำ r&d มีเวลาไม่เท่ากัน บางทีน้อย บางทีมาก บางทีต้องนอกเวลา ต้องอาศัยลูกบ้า ลูกฮึดฮะ ฝ่าไปให้ได้ ขอบเขตเวลาเมื่อถึง deadline จะบอกท่านเองว่าท่านตั้งง่ายไป หรือง่ายไป จะตัวชี้วัดว่าครั้งต่อไปจะเพิ่มเนื้อหา หรืออะไรเข้ามาท้าทายเพิ่มไหม
.
3 หลังจากท่านมีแผนที มีกิจวัตของการเรียนรู้แล้ว อันนี้ต้องหมั่นรักษาครับ รักษาวงล้อนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขยายขอบเขตการเรียนรู้ท่านไปเรื่อยๆ เนื่องจากในงาน dev มันมีอยู่หลายระดับเนอะ ตอนแรกอาจจะโฟกัสไปที่ programming skill พอถึงจุดนึงอาจจะเป็น dev operation ละ พอถึงจุดนึง อาจจะเป็นเรื่อง system design หรือ architectural ละ ซึ่งมันมีเรื่องใหม่มาให้เราศึกษาตลอดครับ

edit เพิ่ม

4. เรื่อง workflow ก็สำคัญครับ แต่ผมทิ้งไว้เป็นลำดับสุดท้าย เพราะส่วนมากจะเน้นนำหนักไปที่ programing skill ก่อน เมื่อจับต้นชนปลายได้แล้ว ลองดูเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาเพิ่มดูครับ บางบริษัท บางองค์กร ใน job description เขาจะบอกเลยฮะ ว่าใช้ agile ในการทำงาน เป็นต้น ซึ่งการทำงานเนี้ย มันมีหลายแบบ หลายมาตรฐาน ก็เป็นเรื่องทีดีครับที่เราจะศีกษาเพิ่มเอาไว้

เขียนเยอะละ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บางครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Z00M เมื่อ Mon Jul 12, 2021 17:21, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: ทูตซ้ายเม้งก่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2953
ที่อยู่: KS
โพสเมื่อ: Mon Jul 12, 2021 18:13
[RE: เรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองในอายุ30]
ผมนี่ละครับที่เพิ่งจะเริ่มมาเรียนรู้การเขียนโปรแกรมตอนนี้เอง อายุก็ปาเข้าไปจะเลข 5 อยู่ละครับ แต่ก็สนใจอยู่เป็นทุนเดิม และก็อยากเรียนรู้เพื่อเพิ่มขยายขอบข่ายของงานที่ทำอยู่ด้วยนะครับ

ตอนนี้ผมเริ่มต้นงูๆ ปลาๆ จาก MATLAB แล้วค่อยก้าวต่อไป Python ปลายทางที่มองเอาไว้คือ Machine learning หรือ Deep learning เอาไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่นะครับ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Nov 2010
ตอบ: 1444
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jul 12, 2021 22:22
[RE: เรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองในอายุ30]
สมัครงานเลยครับ ตำแหน่ง junior programmer เลย เงินน้อยแต่น่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่ามาก อย่างน้อยๆ ตรงสุดแล้ว ความรู้ ความต้องการองค์กร ไม่ต้องหว่านแห research บ้าบอคอแตก บางคนบอกรู้นั่นรู้นี่พอ ไม่พอหรอกครับ ความรู้ปีนี้ปีหน้าเอาไปทำไรได้ ต้องแม่น base แม่น architecture โน่นว่าไปอย่าง จะ framework ไหนก็เหมือนๆกัน
แก้ไขล่าสุดโดย ๐หัวโต๐ เมื่อ Mon Jul 12, 2021 22:25, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel