Top Comment [RE: "เมสซี่" ทำได้แล้ว! "ฟ้าขาว" เฉือน "แซมบ้า" สุดเดือด 1-0 คั่วแชมป์โคปาฯ สมัย 15]
ย้อนไปช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลกจนทำให้พรีเมียร์ลีกต้องหยุดการแข่งขัน พร้อมทำให้บรรดานักเตะต้องถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน แต่ มาร์ติเนซ กลับยังฝึกซ้อมหนักที่บ้านตัวเอง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้รับโอกาสลงเล่นในช่วงที่เหลือหรือไม่ โดย มาร์ติเนซ ได้เปิดเผยบทสนทนาระหว่างเขากับภรรยาไว้ว่า "ผมฝึกซ้อมอย่างหนักระหว่างช่วงล็อคดาวน์จนภรรยาถามว่า 'เธอเป็นผู้รักษาประตูสำรองทำไมถึงต้องฝึกซ้อมหนักขนาดนี้?' ก่อนที่ผมจะตอบไปว่า 'ผมต้องทำให้ตัวเองพร้อมอยู่เสมอ และเชื่อว่าเมื่อมีโอกาสผมจะทำมันได้ดีที่สุด' และเมื่อฟุตบอลกลับมาลงแข่งขันได้อีกครั้งโชคชะตาก็เข้าข้างเขาเสียที หลังจาก แบรนด์ เลโน่ นายทวารมือหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนักจากเกมพบ ไบรท์ตัน ซึ่งนับตั้งแต่เกมนั้นเป็นต้นมา มาร์ตินเซ ก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ พร้อมกลายเป็นนายประตูที่มีเปอร์เซ็นต์เซฟลูกยิงตรงกรอบได้เกิน 80% นับตั้งแต่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเป็นสถิติมากสุดกว่าผู้รักษาประตูรายอื่นๆ จนกลายเป็นฤดูกาลที่เขาได้โอกาสลงเล่นมากที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ อาร์เซน่อล จากสถิติลงเล่น 23 เกมทุกรายการ ซึ่งปัจจัยสำคัญก็เป็นเพราะการที่เขาฟิตซ้อมและรักษาสภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อพร้อมสำหรับโอกาสที่ไม่รู้จะเข้ามาตอนไหน ส่วนผลงานในถ้วยเอฟเอ คัพ มาร์ติเนซ ได้ลงเล่นตั้งแต่รอบ 3 ในเกมที่เอาชนะ ลีดส์ 1-0 เป็นต้นมา และช่วยทีมกรุยทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จ “ผมเชื่อว่าวันนี้พวกเราได้ทำให้แฟนๆอาร์เซน่อลภาคภูมิใจแล้ว แน่นอนผมทำงานอย่างหนักกับสโมสรมาตลอด 10 ปีเพื่อโอกาสนี้ ผมโทรคุยกับครอบครัวมาตลอดทั้งสัปดาห์ และผมกล้าพูดได้เลยว่าทุกคนในครอบครัวที่อาร์เจนติน่ากำลังร้องไห้อยู่แน่นอน"
แน่นอนว่าหลังจบเกมดังกล่าวสปอร์ตไลท์ต่างฉายแสงไปที่ มาร์ติเนซ โดย แดน วอล์คเกอร์ นักข่าวจากบีบีซี สื่อจากอังกฤษได้ถามถึงความรู้สึกและครอบครัว ซึ่งทำให้เขาต้องหลั่งน้ำตาออกมาและพูดเพียงสั้นๆว่า "เรื่องครอบครัวของผม ผมไม่สามารถพูดได้จริงๆ ขอโทษด้วยครับ" ก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปพร้อมน้ำตา และภาพอันแสนอบอุ่นที่เขานั่งเงียบๆคนเดียวที่ข้างสนามกำลังวีดีโอคอลคุยกับครอบครัว และร่ำไห้ออกมาด้วยความปลื้มปิติ วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ครอบครัวและแฟนบอลเห็นแล้วว่า 10 ปีที่เขาอดทนรอคอยมันไม่ได้สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย..
Respect for Emiliano Martínez