ช่วยอธิบายให้เข้าใจง่ายๆหน่อยครับ
ยกตัวอย่างเลย
สมมติ ฮาลันด์ 130m ค่าฉีกสัญญาอีกกี่ m เงินแต่ละก้อนนี้ไปอยู่ที่ใครเท่าไรบ้าง
สมมติผู้ร่วมวงมี พ่อ มิโน่ ดอร์ทมุน (หรือมีใครอีก)
รวมถึงการได้คอมมิชชั่น ต่างๆ จากสโมสร (เข้าใจว่า agent ได้จากสโมสรด้วย ?)

คืออยากเข้าใจภาพรวมของ 1 ดีล
ว่ามีใครมีส่วนร่วมแล้วแบ่งสัดส่วนกันยังไง แล้วมันมีค่าเงินส่วนอื่นอีกมั้ย

รบกวนผู้รู้อธิบายให้เข้าใจง่ายๆทีครับ
ขอบคุณครับ

อยากรู้เหมือนกันว่าค่าพวกเอเย่นต์ที่มันเรียกกันเยอะๆมันจะถูกบันทึกรวมอยู่ในบัญชีงบดุลสโมสรด้วยไหม

สมมติ
ดอทมุนขาย 120 ลป. เชลซีจ่าย 120 ลป. เข้าดอทมุนเต็มๆ

ค่าเอเจ้น (ประสานงานระหว่างนักเตะ กับ สโมสรทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย) 20 ลป. เข้าไรโอล่า (แพงเพราะเป็นไรโอล่าคนอื่นไม่แพงแบบนี้)

ค่าซื้อใจ (พ่อฮาแลนด์) ในกรณีนี้ราวๆ 10 ลป. เหมือนเป็นการซื้อใจนักเตะ (แล้วแต่กรณี แต่กรณีฮาแลนด์ต้องจ่าย)

รวมแล้ว 150 ลป. คือต้องจ่ายแล้วให้ไปแบ่งกันเอา ผมคิดแบบนี้นะ

ผมว่ามันรวมนะ คือรวมเป็นเงินซื้อขายก่อนแล้วค่อยแบ่งอีกที มันจะได้ไม่ต้องทำหลายบัญชี

ถ้าเป็นสมัยก่อน นักฟุตบอลคนนึงคือทรัพย์สินของสโมสรอย่างแท้จริงครับ

ขายไปได้เท่าไร ก็ได้เงินมาเท่านั้น

แต่สมัยนี้ บางคนมันจมีลักษณะคล้ายๆกับเป็นเจ้าของร่วมครับ

อีกอื่นอาจไม่ค่อยเจอ แต่ถ้าเป็นลีกอิตาลี่ อันนี้จะปกติมาก

ทีนี้เวลาจะหารค่าตัวที่ขายได้ ก็จะแล้วแต่เปอร์เซ็นที่แต่ละฝ่ายถืออยู่

เดาจาก FM คือตอนซื้อตัวนักเตะจากสโมสรนึง ค่าซื้อตัวทั้งหมด เข้าสโมสรผู้ขายครับ

ตอนซื้อมีให้เลือกแค่ออฟชั่นการผ่อนจ่ายต่างๆ กับ แอดออนแบบทำเควสครบก็จ่ายเงินให้สโมสรเก่าเพิ่มตามที่กำหนดไว้

กับออฟชั่นพิเศษพวกออฟชั่นซื้อกลับ หรือแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการขายนักเตะคนนี้ต่อไปอีกทีมนึง อะไรประมาณนี้

ทีนี้พอซื้อกับสโมสรผู้ขายผ่านละ ก็จะเป็นเข้าสู่หน้าของการเซ็นสัญญากับนักเตะ แบบในรูปนี้




ตรง Signing on fee นี่คือจ่ายกินเปล่าให้นักเตะ ( หรืออาจจะรวมถึงครอบครัว )
ส่วน Agent Fee ก็คือจ่ายให้เอเยนต์

ผมเลยเดาว่า เวลาซื้อเงินที่จ่ายให้สโมสรผู้ขายคือเข้าสโมสรหมด ส่วนเงินกินเปล่าที่ต้องจ่ายเอเยนต์
หรือ ครอบครัวน่าจะเป็นการตกลงต่างหาก ระหว่างสโมสรใหม่กับตัวนักเตะในตอนเซ็นสัญญาส่วนตัวครับ
( การต่อสัญญานักเตะก็เหมือนกัน มันจะมี signing on fee กับ Agent fee ด้วย เอเยนต์ก็จะได้ตรงนี้ทุกครั้งที่ต่อสัญญาด้วย )

ยกตัวอย่างก็เชลซี ฮาลันด์ สมมุตินะ เชลซีซื้อ 120 ลป ดอร์ทมุนต์โอเค ก็รับไป 120 ลป เข้าสโมสร

แล้วเชลซีก็ต้องไปเจรจาสัญญาส่วนตัวกับฮาลันด์และเอเยนต์ต่างหาก เช่น ให้เงินเดือน 350k/week
แล้วจ่าย Signing On Fee 10 ลป ( อันนี้ของพ่อ ) Agent Fee 20 ลป ( อันนี้ไรโอล่า )
น่าจะอะไรแบบนี้ ( ซึ่งถ้านักเตะหรือเอเยนต์ไม่พอใจในการเจรจาตรงนี้ ดีลก็ล่มได้ครับ )

ส่วนเปอร์เซ็นต์จากการขายนักเตะอันนี้ไม่แน่ใจแต่ถ้า เอเยนต์เทพๆแบบไรโอล่าก็อาจจะตกลงกับสโมสรตั้งแต่แรกเลยก็ได้ มันเพิ่มลงไปในสัญญาได้หมดแหละถ้าทั้ง 2 ฝ่ายยินยอม

แล้วเอเยนต์ก็น่าจะได้เงินเดือนจากนักเตะในการดูแลต่างหากด้วย ( อารมณ์แบบจ้างผู้จัดการส่วนตัว )

กำลังจะอ้างอิง FM โดนท่านบนตัดหน้าไปละ เงินค่าตัวเอเยนท์ไม่ได้นะครับ จะมาได้ตรงส่วนของสัญญานักเตะครับ

แยกกันอ่ะครับ..

ค่าตัวก็ส่วนค่าตัว เช่นตกลงกันที่ 100 ล้าน (หรือมีค่าฉีกสัญญาที่ 100 ล้าน) ก็จะถูกบันทึกเป็นค่าตัว

มูลค่าในบัญชีของทีมที่ขายก็คือรายได้ 100 ล้าน ส่วนมูลค่ารายจ่ายในบัญชีของทีมที่ซื้อคือ 100 ล้านหารด้วยจำนวนเวลาสัญญาของนักเตะ

เช่น เซ็นสัญญากัน 5 ปีก็จะทดรายจ่ายไว้ที่ปีละ 20 ล้านจนครบ 5 ปี..(อันนี้คือมูลค่าในทางบัญชีนะฮะ ซึ่งมันจะไปเกี่ยวข้องกับ FFP..ไม่ใช่การผ่อนจ่าย)

ทีนี้รายได้ของทีมที่ขายก็จะจบที่ตรงนี้ (ยกเว้นมีเงื่อนไข add-on อื่นๆในสัญญาซื้อขาย ก็รับเพิ่ม ณ วันที่ทีมซื้อจ่ายมา)

แต่รายจ่าของทีมที่ซื้อยังไ่หมด นอกเหนือจากที่ทดไว้ 20 ล้าน x 5 ปี ที่เป็นค่าตัวแล้ว..ยังมีค่าเอเยนต์ และค่าเงินกินเปล่าของนักเตะ

เช่น ไรโอล่าเรียกเงิน 20 ล้าน และตัวนักเตะเรียกอีก 5 ล้าน..รายจ่ายก็จะรวมเป็น 25 ล้าน ไม่รวมค่าเหนื่อย สัปดาห์ละกี่แสนก็ว่าไป

(เคยมีข่าวว่าหงส์เสียเงินตรงนี้มากที่สุดในพรีเมียร์..คาดว่าน่าจะเพราะต้องการกดเพดานค่าเหนื่อย เลยจำเป็นต้องให้เงินกินเปล่า ณ วันที่เซ็นสัญญา หรือวันที่ต่อสัญญาเยอะหน่อย ทดแทนกับค่าเหนื่อยที่ตรึงเอาไว้...ไม่งั้นก็ดึงดูดนักเตะไม่ได้)

ดังนั้นจะเห็นว่ารายจ่ายที่แท้จริงของทีมซื้อมันคือค่าตัวนักเตะ + ค่าอื่นๆ(เอเยนต์และเงินกินเปล่า) + ค่าเหนื่อยนักเตะ..

ซึ่ง คหสต. ผมเลยมองว่า spread (gap ช่องว่าง) ที่เยอะพอสมควรระหว่างรายรับ กับ รายจ่ายในการซื้อนักเตะแต่ละครั้ง ทำให้ตลาดซื้อขายนักเตะ

มีแนวโน้มเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ..เพราะ สมมติคุณขายนักเตะได้เงิน 100 ล้าน คุณไม่สามารถเอาเงิน 100 ล้านนี่ไปซื้อนักเตะใหม่(ตัวแทนคนเก่า) ได้ทั้งก้อน

กลายเป็นว่าขายนักเตะ value 100 ล้านแต่กลับไปหาซื้อตัวแทนได้แค่ value 70-80 ล้าน เพราะต้องเผื่อ 20-30 ล้านเป็นค่าเอเยนต์ในดีลใหม่

ดังนั้นมันก็มีแนวโน้มให้คนขายเรียกเงินจากทีมซื้อมากขึ้นตาม..เช่นตัวอย่างด้านบนแทนที่จะขาย 100 ล้านก็บวกเผื่อไปอีกเรียกราคาเป็น 120 ล้าน

แล้วมันก็ติด loop แบบนี้เป็นโดมิโน่ไปเรื่อยๆ ค่าตัวนักเตะมันเลยเฟ้อขึ้นตาม

ค่าฉีกสัญญาคือได้หลายกรณี คือราคาขั้นต่ำที่จะทำให้สัญญานั้นมีผลยกเลิก ทำได้ทั้งนักเตะฉีกสัญญาตัวเอง สโมสรต้นสังกัดฉีกสัญญาและสโมสรที่สนใจฉีกนักเตะสัญญา เงินจะเข้าต้นสังกัดที่ทำสัญญากับนักเตะ

ส่วนแรก
ในการซื้อขาย เป็นวงกว้างขึ้นอยู่ว่าจะระบุที่ใครได้รับ
- ค่าตัว มูลค่าที่ตกลงระหว่างสโมสร A กับ B
- เอเย่นต์ ทำหน้าที่ต่อรองค่าเหนื่อย นำเสนอข้อมูลสโมสร B พรีเซ้นต์ ดูแลพัฒนาปกป้องผลประโยชน์นักเเตะตนให้สูงสุด
- เงื่อนไขสัญญาส่วนตัวนักเตะ :
เกิดได้หลายกรณี ขึ้นกับการระบุว่าใครจะได้อะไร เงื่อนไขอะไรถึงจะได้ เมื่อใด และเท่าใด
(สโมสรต้นสังกัด นักเตะ หรือเอเย่นต์ก็ได้ ขึ้นกับที่ระบุไว้) ประกอบด้วย
ค่าให้กับนักเตะโดยตรง หรือแล้วแต่จะระบุให้ใคร
ค่าเอเย่นต์ xบาท เอเย่นต์ได้ ยิ่งให้เยอะดีลยิ่งง่ายเพราะเอเย่นต์จะไปกล่อมนักเตะเอง แต่เยอะไปสิ้นเปลือง
ค่าลงเล่นครบ x นัด กำหนดนักเตะรับไป หรือโบนัสเมื่อได้แชมป์
ค่าลงเล่นครบ x นัด กำหนดให้สโมสร A รับไป xบาท
ยิงประตูได้กี่ลูก ได้กี่บาท (อันนี้เป็นตัวอย่างเงื่อนไข ประเภท ดึงดูดเป็นการมัดใจนักเตะให้อยากมาย้ายอยู่)
แบ่งขายในอนาคต ให้สโมสร A ต้นสังกัดเดิมกี่ % (แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใส่ยกเว้น 1.ซื้อจากทีมยักษ์ใหญ่ไม่มีอำนาจต่อรองโดนบังคับให้ใส่ 2. ทีมไม่ค่อยมีตังหวังลดราคาค่าตัวลงแล้วเพิ่มส่วนนี้แทน)
ต้องระบุค่าฉีกสัญญาว่าจะมีหรือไม่มี ถ้ามีที่เท่าไร
การยกเลิกสัญญา ระบุว่าทดลองไหม? (แต่ระดับลีกใหญ่ๆไม่น่ามี) ถ้าทดลองครบวันไม่ต่อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากรณีทั่วไปต้องเสียค่าชดเชยให้นักเตะตามที่ระบุไว้
-------------------------------------------------------
เสร็จแล้ว ในส่วนที่ 2
เอเย่นต์ จะแบ่งเปอร์เซ็นต่ออีกที ทำได้สองทาง
1. แบ่งจากค่าเหนื่อยนักเตะ
2. แบ่งจากการค่าเซ็นสัญญา
ทั้งนี้ ต้องไม่เกินตามข้อกำหนดของ FIFA ที่ 10% แต่ปัจุบันได้มีการเปลี่ยนนำระบบคนกลาง (Intermediaries) มาแทนระบบเอเย่นต์นักฟุตบอล (agents) ได้ประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา ระบบคนกลางที่ทำให้ พ่อแม่พี่น้องเพื่อเข้ามาแทนเอเย่นต์ทำงานคล้ายๆกัน แต่จะได้รับค่าคอมมิชชั่น ไม่เกิน 3% แต่ไม่มีข้อบังคับผูกมัดจะมากจะน้อยกว่านี้ได้หมดเป็นตัวเลขที่ FIFA กำหนดมาลอยเฉยๆ (พูดจ่ายตามใจจะจ่ายให้เท่าไร) แต่คนกลางต้องลงขึ้นทะเบียนกับทั้งสโมสรและ FIFA ถึงจะครบถ้วนสมบูรณ์

งงเลย