ดอลเบิร์กแจ้งเกิด! ซัดเบิ้ล 'โคนม' โคตรแรงถีบเวลส์ร่วง 4-0 ทะลุ 8 ทีม
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ที่ได้โอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริง แจ้งเกิดเลย เมื่อจัดการยิง 2 เม็ดจากลูกยิงไกลช่วงครึ่งแรก ก่อนรับส้มหล่นจากเนโก วิลเลี่ยมส์ กดตุงตอกอีกดอกแล้ว โยอาคิม เมห์เล และมาร์ติน เบรธเวต บวกท้ายเกมอีกคนละลูก พา เดนมาร์ก ถล่ม เวลส์ ยับเยิน 4-0 ผ่านเข้าไปรอเจอฮอลแลนด์ หรือ เช็ก ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
เวลส์
Starting Formation: 4-2-3-1
14.
คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์

40'
6
16.
โจ มอร์เรลล์

60'
6
13.
คีฟเฟอร์ มัวร์

78'
6
20.
แดเนี่ยล เจมส์

78'
6
ตัวสำรอง
19.
เดวิด บรู๊กส์

78'
6
8.
แฮร์รี่ วิลสัน

60'
5
9.
ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์

78'
6
3.
เนโก วิลเลี่ยมส์

40'
5
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบ 16 ทีม
สนาม โยอัน ครอยฟฟ์ อารีน่า
เสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2564
กรรมการ แดเนี่ยล ซีเบิร์ต
เวลส์
0
4
เดนมาร์ก
0-1 แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก 27'
0-2 แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก 58'
0-3 โยอาคิม เมห์เล 87'
0-4 มาร์ติน เบรธเวต 90+3'
เวลส์ มีปัญหาตำแหน่งเดียวคือเอธาน เอ็มบาดู ที่ติดโทษแบนจากใบแดง ตำแหน่งอื่นไม่มีปัญหา แกเร็ธ เบล และอาร่อน แรมซี่ย์ คือแกนหลักของทีม ด้านเดนมาร์ก ไม่มีคริสเตียน อีริคเซ่น ที่กลับมาลงสนามไม่ได้แล้ว ขณะที่ยุสซุฟ โพลเซ่น แนวรุกหายหน้าไปแบบไม่ทราบสาเหตุ
โดยแมตช์นี้เป็นการเจอกันหนแรกของทั้งสองทีมนับตั้งแต่ที่นักเตะแดนโคนม เบียดชนะ 2-1 ในศึกเนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2018 ส่วนสถิติการเจอกัน 10 เกมหลังนั้น ยังเป็นเดนมาร์ก ที่ชนะ 6 แต่ก็แพ้ไป 4 หนเรียกว่าสูสีเหมือนกัน
ดอลเบิร์กทักทาย
เดนมาณ์กได้ลองส่องประตูครั้งแรกของเกมเป็น ดอลเบิร์กทดลองส่องไกลกว่า 25 หลานอกกรอบเขตโทษแต่บอลยังโด่งออกหลังไปไกลไม่ได้ลุ้นอะไร
โปรเบลซัดหลุดเสาเสียววาบ
โอกาสทองของเวลส์ที่น่าได้ประตูขึ้นนำ เดนมาร์กไปปล่อยให้ เบลลากบอลจี้เข้าหากรอบเขตโทษก่อนตะบันด้วยซ้ายระยะ 20 หลาบอลพุ่งหนีแคสเปอร์ไปแล้วแต่พุ่งหลุดเสาไกลไปชนิดได้ลุ้น
เวลส์ขึงเกมบุก
โปรเบล คราวนี้สลับมาอยู่ด้านซ้ายแล้วได้ลองส่องอีกหนหนึ่งแต่คราวนี้บอลหลุดออกหลังไป โดยก่อนหน้านั้นแรมซี่ย์ก็ส่องไกลไปติดบล็อคเหมือนกัน
เจมส์ซัดไม่ผ่านแคสเปอร์
ยังคงเป็น เวลส์ที่คุมเกมได้ดีกว่าแล้วมีโอกาสเรื่อยๆ คราวนี้สลับเป็น เจมส์ ลองส่องจากนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลพุ่งตรงกรอบแล้วแต่แคสเปอร์พุ่งเซฟไม่มีกระฉอก
เสียบเสา!ดอลเบิร์กส่องไกลโคนมนำ 1-0
แต่กลายเป็นเดนมาร์ก ได้ประตูขึ้นนำก่อนจากการยิงเข้ากรอบหนแรก ดอลเบิร์กรับบอลมาจากแดมส์การ์ดก่อนลากหนีตัวประกบแล้วอัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งเรียดหนีมือของวอร์ดเข้าไปซุกก้นตาข่ายทางขวามือ 1-0!!!
โรเบิร์ตส์เดี้ยงส่งน้องเนโกลงแทน
เวลส์มีปัญหาแล้ว โรเบิร์ตส์พยายามสับหน้าตั้งขึ้นมาก่อนยืดขาสุดไปเกี่ยวบอลแล้วเหมือนกล้ามเนื้อกระตุกต้องให้หมอลงมาดูอาการก่อน สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวให้เนโก วิลเลี่ยมส์ลงมาแทน
มัวร์เหวี่ยงศอกโดนเหลืองจนได้
เกมต้องหยุดลงมาอีก มัวร์กองหน้าร่างใหญ่กระโดดเทคตัวโขกก่อนจังหวะลงไปศอกหลังใส่เคียร์ที่ยืนค้ำอยู่ กรรมการแจกใบเหลืองทันทีทำให้เขาพลาดลงสนามในเกมหน้า
เมห์เลเติมซัดเสาแรกไม่ผ่านวอร์ด
สตรายเกอร์ ครอสบอลจากริมเส้นด้านขวาแล้วลึกเลยมาทางเสาไกล เมห์เลเติมขึ้นมาจับบอลก่อนยิงยัดมุมแคบไปเลยแต่ วอร์ด ไม่ยอมปัดบอลทิ้งออกหลังไปก่อน
น้องเนโกพลาด!เคลียร์ไม่ดี ดอลเบิร์กขอบคุณ 2-0
ลงมาไม่ทันไร เดนมาร์ก ได้ประตูหนีห่าง เป็นความผิดพลาดของเนโก วิลเลี่ยมส์ที่สกัดบอลเปิดของเบรธเวตไม่ดี เตะไปติดตัวของดอลเบิร์กเกี่ยวได้ก่อนตะบันด้วยขวาเปรี้ยงเดียวผ่านวอร์ดเข้าไปไม่เหลือ 2-0!!!
เบลโขกยังไม่ตรง
วิลเลี่ยมส์พยายามแก้ตัวเติมขึ้นมาเปิดสุดเส้นหลังด้านขวาได้สวยแล้ว เบลพยายามกระโดดขึ้นโขกแต่โดนไม่ดีบอลไม่ตรงกรอบ
เจมส์ซัดติดบล็อคคริสเตนเซ่น
เจมส์รับบอลที่เพิ่อนโขกตั้งมาให้ก่อนจับลงนิ่งๆ แล้วยิงด้วยขวาแถวๆ จุดโทษ แต่บอลพุ่งไปชนตัวของคริสเตนเซ่นที่ขวางทางเอาไว้อยู่
เคียร์เจ็บอันเดอร์เซ่นลงแทน
เกมต้องหยุดลงอีกเมื่อ เคียร์มีปัญหาบาดเจ็บแล้วพยายามฝืนสุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอาโยอาชิม อันเดอร์เซ่น ลงสนามมาเล่นเกมรับแทนในช่วงท้ายเกม
เมห์เลโฉบยิงเสาแรกแฉลบบล็อค
เดนมาร์กสวนกลับมาเกือบได้ประตูอีก เมห์เลไหลออกทางขวาให้ เบรธเวตบรรจงเปิดกลับมาทางเสาแรกให้ เมห์เลโฉบเข้ามายิงแล้วบอลแฉลบออกทางเสาแรก
เมห์เลเติมมายิง!เดนมาร์กสบาย 3-0
เดนมาร์ก มาบวกประตูที่สามจนได้ เมห์เล เติมมาด้านขวาเหมือนเดิมก่อนเกี่ยวบอลลงในกรอบเขตโทษแล้วซ้ายด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งแสกหน้าวอร์ดเข้าไปไม่เหลือ 3-0
วิลสันแดง!
ช่วงก่อนจบเกม แฮร์รี่ วิลสันไปเสียบด้านหลังตัดเกมโยอาคิม เมห์เล กรรมการแจกใบแดงไปเรียบร้อย
เบรธเวตอีกดอก!โคนมถล่ม 4-0
ก่อนจบเกม เบรธเวตมายิงเข้าไปอีกตุง โดยตอนแรกกรรมการให้ล้ำหน้า แต่ VAR ดึงคืนมาให้เป็นประตูทำให้จบเกมด้วยสกอร์ 4-0
เดนมาร์ก
Starting Formation: 3-4-2-1
8.
โธมัส เดลานี่ย์

60'
7
23.
ปิแอร์-เอมิล ฮอยแบร์ก
6.5
5.
โยอาคิม เมห์เล

90+2'
8.5
17.
เยนส์ สตรายเกอร์ ลาร์เซ่น

76'
7
12.
แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก

69'
8.5
14.
มิคเคล แดมส์การ์ด

60'
7
ตัวสำรอง
26.
นิโคไล บอยเลเซ่น

76'
6
21.
อันเดรส คอร์เนลิอุส

69'
7
15.
คริสเตียน นอร์การ์ด

60'
6
2.
โยอาชิม อันเดอร์เซ่น

90+2'
6
24.
มาติอาส เยนเซ่น

60'
6.5
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sun Jun 27, 2021 01:02, ทั้งหมด 14 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ