ตำนานรัก เจ้าหญิงแห่ง Samsung และบอดี้การ์ดหนุ่มคู่ใจ
อีบูจิน ลูกสาวคนโตของ อีก็อนฮี ที่ทุกคนต่างรู้จักเขาในฐานะ ราชาแห่งอาณาจักรซัมซุงกรุ๊ป
อีบูจิน เป็นลูกสาวที่ อีก็อนฮี รักมาก เวลาไปออกงานสำคัญเขาจะพาเธอไปด้วยเสมอๆ
ด้วยความที่ อีก็อนฮี ทั้งรักทั้งห่วงลูกสาวคนนี้มากเขาจึงจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวที่ชื่อว่า อินวูแจ ให้คอยตามดูแลลูกสาวของเขา และนี้คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ครับ
หลังจากที่ อินวูแจ เข้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้กับ อีบูจิน ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ก็ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนอาจจะเพราะความใกล้ชิด ทำให้ทั้งคู่ต่างมีใจให้กันและกัน
แต่ก็อย่างว่า ครอบครัวฝ่ายหญิงก็ต้องไม่ยอมแน่ๆ ลูกสาวสุดที่รักอนาคตไกลจะมารักกับบอดี้การ์ดจนๆได้ยังไง ?
แต่ก็เหมือนมีคนเขียนบทไว้ครับ สุดท้ายครอบครัวฝ่ายหญิงก็ใจอ่อนและทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 1999 หลังจากที่คบหาดูใจกันมา 4ปี
งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ สไตล์เศรษฐีเจ้าของซัมซุง และนอกจากนั้นสื่อมวลชนและชาวเกาหลีต่างสงสัยว่าเจ้าบ่าวของ อีบูจิน คือใคร ?
ทางซัมซุงเลือกที่จะโกหกคนทั้งประเทศ โดยบอกไปว่า เจ้าบ่าวเคยทำงานเป็นนักวิจัยในแผนกคอมพิวเตอร์ของซัมซุง จบการศึกษาจากต่างประเทศ
และก็แน่นอนครับ มันไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้วกับการที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยของ ราชาแห่งซัมซุง
เพราะ อีก็อนฮี มองว่า อินวูแจ ยังต้องพัฒนาตัวเองอีกมากมายหากจะมายืนเคียงข้างลูกสาวเขา อีก็อนฮี ส่ง อินวูแจ ไปเรียนต่อที่อเมริกาโดยมี อีบูจิน บินตามไปด้วย
การบินไปเรียนต่ออเมริกาครั้งนี้ทำให้ อินวูแจ กดดันตัวเองอย่างหนัก เนื่องจากอายุที่ปาไป 31ปี และความรู้พื้นฐานทางภาษาที่ไม่มีเลย กับการเรียนวิชาเศรษฐกิจและการค้า
จนในที่สุด อินวูแจ ก็เลือกฆ่าตัวตายด้วยการกินยาถึง 2ครั้ง แต่ อีบูจิน ก็เข้ามาช่วยไว้ทันทุกครั้ง สุดท้าย อีบูจิน จึงขอร้องให้พ่อเธออนุญาตให้เขากลับเกาหลี
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ อินวูแจ ถูกตราหน้าว่าไม่สามารถปรับปรุงตัวให้อยู่ในมาตรฐานที่ตระกูลต้องการได้ และไม่คิดที่จะพัฒนาตัวเอง
หลังจากเวลาผ่านไป อินวูแจ ถูกส่งไปเป็นรองประธานบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ แต่ด้วยศักยภาพที่ไม่มากพอจึงทำให้เขาถูกตั้งข้อสงสัยในการทำงาน และเขามักจะบ่นอยู่เสมอว่า ทำไม่ได้ !
ตัดภาพไปที่ อีบูจิน ภรรยาของเขา อีบูจินสามารถสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจโรงแรมในเครือซัมซุงได้มากขึ้นเป็นเท่าตัวถึง 10 ปีซ้อน และเธอยังทำให้มีร้าน Louis Vuitton แบบปลอดภาษีแห่งแรกในเกาหลีใต้อีกด้วย
และนอกจากนั้น เธอยังได้ขึ้นเป็นประธานหญิงคนแรกของซัมซุงกรุ๊ป พร้อมกับครอบครองทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 57,000 ล้านบาท จนขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 17 ของเกาหลี
ชีวิตคู่ก็มาถึงทางตัน
หลังจาก อีวูแจ ได้ขึ้นเป็นรองประธานเขาก็เกิดหลงในอำนาจที่มี นอกจากจะหลงในอำนาจแล้ว ยังมีข่าวว่าเขาไปกิ๊กกับดาราสาว ขณะที่ อีบูจิน ตั้งท้องอยู่อีกด้วย
และที่แย่ที่สุดคือการใช้กำลังทำร้ายร่างกายภรรยาขณะที่ อีวูแจ มีอาการมึนเมา
ในที่สุด ในปี 2014 อีบูจิน ก็ได้ขอหย่ากับ อีวูแจ ถึงแม้ อีวูแจ จะขอคืนดีขนาดไหนก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
อีวูแจ จึงทิ้งขี้ก้อนโตไว้โดยการไปสารภาพกับนักข่าวว่า "ความจริงผมเป็นแค่บอดี้การ์ดธรรมดาๆคนหนึ่ง ตอนคบกันแรกๆเธอก็เป็นคนที่อยากแต่งงานกับผมเอง แม้ผมจะปฎิเสธแค่ไหนก็ตามเพราะความต่างของฐานะ แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมเพราะคำสั่งของท่านประธาน"
หลังจากทิ้งขี้ไว้หนึ่งก้อนโตๆแล้ว อีวูแจ ก็ได้ยื่นฟ้องแบ่งสินสนรสกับ อีบูจิน โดยศาลตัดสินให้ อินวูแจ ได้รับทรัพย์สินไปถึง 243ล้านบาท แต่ อีวูแจ ก็ยังไม่พอใจกับตัวเลขนี้
เขาจึงปล่อยข่าวโจมตี อีบูจิน อีกว่า "อีบูนจิน ใช้ยาระงับประสาทชนิดที่ผิดกฏหมายในเกาหลี" และยื่นอุทธรณ์ต่อศาลขอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของ อีบูจิน คิดเป็นเงินก็ประมาณ 3หมื่นล้านบาท ! เรียกได้ว่าเป็นการฟ้องคดีสินสมรสที่เรียกเงินสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยครับ
แต่สุดท้ายก็ถูกยกฟ้องไป เพราะถูกจับได้ว่าเรื่องที่เขาใส่ร้าย อีบูจิน ไม่เป็นความจริงแต่ทำไปเพราะต้องการเรียกเงินให้มากขึ้น
ปิดตำนานรัก 17ปี ระหว่างเจ้าหญิงแห่งซัมซุงและบอดี้การ์ดคู่ใจ ก็ต้องถูกปิดลงไปตลอดกาล
Spoil
Credit: Kaopoon Talk