BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 May 2021
ตอบ: 1
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 19:41
ถูกแบนแล้ว
เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
"2 เหตุการณ์ 2 วิญญาณ เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..! เรื่องสุดสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ..!"
.
ผมทำงานอยู่ที่ร้านขายโลงศพแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านแห่งนี้ก็จะจำหน่ายทั้งโลงศพ ทั้งให้เช่าโรงเย็น และมีบริการรับจัดงานศพครบวงจร

ผมพักอาศัยอยู่ที่ร้านโลงศพแห่งนี้เลย ซึ่งในร้านก็จะมีโลงศพวางเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ส่วนห้องที่พักจะแยกออกมาอีกต่างหาก เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มีทั้งเรื่องที่เกิดในร้านและเรื่องที่เกิดนอกสถานที่ครับ..

เคยได้ยินกันไหมที่เขาว่า ถ้าคืนไหนได้ยินเสียงไม้เคาะโลงศพดังมาจากโลงใบไหน วันรุ่งขึ้นจะมีลูกค้ามาซื้อโลงใบนั้น..!

วันนั้นหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เดินผ่านโลงศพที่วางเรียงรายกันอยู่ภายในร้านเพื่อจะไปเข้าห้องนอน

ระหว่างที่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงดัง ปัง!! มาจากโลงใบหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องนอน ผมก็หันไปมองตามเสียง แต่ก็ไม่เจออะไร ในใจก็คิดว่าเป็นเสียงไม้ลั่นปกติ จึงเดินเข้าห้องไปนอน

วันรุ่งขึ้นก็มีลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อโลงศพ ลูกค้าเดินวนในร้านอยู่สักพักหนึ่ง จนสุดท้ายก็ตกลงว่าจะเอาโลงใบนี้ ใบที่วางติดอยู่กับห้องผม ที่ผมได้ยินเสียงเคาะไม้เมื่อคืนนั่นแหละ.. เรียกว่ามันน่าแปลกไหม

วันต่อมาผมได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้ประกอบโลงศพ 5 ใบ เพื่อเอามาวางเตรียมจำหน่ายที่ร้าน พวกผมก็พากันประกอบโลงอยู่ด้านหลังจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็พากันยกโลงเข้ามาในร้าน ซึ่งโลงใบที่ 1 ถึงใบที่ 3 นั้นยกมาได้ปกติ แต่โลงใบที่ 4 กับไปที่ 5 นั้นมันแปลกตรงที่ว่าทั้งๆ ที่มันเป็นโลงเปล่า แต่ทำไมรู้สึกเหมือนโลงมันหนักผิดปกติ คล้ายมีคนนอนอยู่ในโลงยังไงยังงั้น

เวลาประมาณ 8-9 โมงเช้า พวกผมก็ยกโลงทั้ง 5 ใบมาตั้งไว้ที่หน้าร้านจนเสร็จ พอช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ก็มีลูกค้าเข้ามาซื้อโลง และลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อโลงใบที่ 4 กับใบที่ 5 ทั้ง 2 ใบ (โลงที่ผมบอกว่ามันหนักผิดปกตินั่นแหละ) และนี่คือเหตุการณ์แปลกๆ อีกครั้งที่ผมเจอภายในร้าน..!

เช้าวันต่อมาผมได้รับสายจากลุงสัปเหร่อที่รู้จักกัน แกโทรเข้ามาบอกว่าได้งานศพหมู่บ้านนี้นะ ให้ผมไปจัดงานได้เลย ซึ่งงานแบบนี้ผมจะมีการดีลงานกับสัปเหร่อตามหมู่บ้านไว้

หลังจากวางสายพวกผมก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นรถเพื่อจะไปบ้านงาน ระยะทางจากร้านไปถึงบ้านงานก็ประมาณ 50 กม. เห็นจะได้

พอไปถึงบ้านงานก็พบว่างานเป็นศพเด็กวัยรุ่นผู้ชาย เสียชีวิตเพราะจมน้ำ พวกผมก็นำศพใส่โรงเย็นที่เตรียมมาแล้วก็แยกย้ายกันไปจัดสถานที่ คนนึงไปประดับผ้ารอบๆ เต็นท์ อีกคนนึงก็ไปจัดดอกไม้ จัดไฟกระพริบ ประดับผ้ารอบโลงเย็น จนจัดงานเสร็จเรียบร้อย ทางพวกผมก็ขอตัวลาเจ้าภาพกลับร้าน ซึ่งงานแบบนี้ก็จะทิ้งอุปกรณ์ไว้จนครบ 3 วัน แล้วค่อยมาเก็บ..

พอขับรถออกมาได้ประมาณครึ่งทาง อยู่ดีๆ เจ้าภาพก็โทรศัพท์เข้ามาบอกว่า ช่วยมาดูโรงเย็นให้หน่อย พอดีโรงเย็นมันไม่มีไอเย็นขึ้นมาเลย

พวกผมจึงตีรถกลับไปที่บ้านงาน ไปถึงก็ขึ้นไปส่องดูตรงกระจกสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านบนโลงเย็น ก็เป็นอย่างที่เจ้าภาพเขาบอก คือไม่มีไอเย็นขึ้นมาเลย

ซึ่งมันแปลก เพราะโลงเย็นใบนี้ถูกใช้งานมาร้อยกว่าครั้งแล้วก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ทำไมคราวนี้มันเริ่มมีปัญหาได้

ผมลองเปลี่ยนปลั๊กไฟเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ทุกอย่าง แล้วรอดูสักพักหนึ่ง พอเห็นว่าเริ่มมีไอความเย็นลอยขึ้นมาเกาะที่กระจกแล้ว จึงไปบอกเจ้าภาพว่าใช้ได้ปกติแล้วและก็ขอตัวกลับ..

รอบนี้ผมขับรถกลับมาจนถึงร้าน ตอนนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม ทุกคนก็อาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอนกันแล้ว อยู่ๆ เจ้าภาพงานนั้นเขาก็โทรกลับมาอีกรอบ แต่รอบนี้โทรกลับมาด้วยน้ำเสียงโมโหว่า ให้รีบกลับมาที่บ้านงานเดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้หลอดไฟในโลงเย็นมันแตก ให้รีบกลับมาแก้ไขด่วน พวกผมก็ต้องพากันวนรถกลับไปที่บ้านงานอีก ไปกันทั้งหมด 4 คน

ในระหว่างที่ขับรถไป ตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้ว ต่างคนก็ต่างง่วง ผมก็เลยพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า อยากกินเหล้าว่ะ.. เหล้าที่เหลือจากการเซ่นไหว้งานศพงานนี้อยู่ที่ไหน ?

ทุกคนก็ต่างมองหน้ากัน ผมเลยถามว่างานนี้ใครเป็นคนเซ่นไหว้ (ซึ่งงานศพที่ผมไปรับแต่ละงานจะต้องมีการเซ่นไหว้ต่างหาก ไม่เกี่ยวกันกับทางเจ้าภาพ เพื่อขอขมาศพก่อนที่จะจัดงานอะไรทุกอย่างภายในงาน)

แต่ปรากฏว่างานศพงานนี้ยังไม่ได้มีการเซ่นไหว้กับศพเลย ผมจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ที่พวกผมเจอ..!

พอขับรถมาถึงบ้านงาน สิ่งแรกที่ผมทำก็คือเอาเครื่องเซ่นมาตั้งไหว้ศพก่อนเลย ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนปลั๊กไฟและอุปกรณ์อะไรใหม่ทุกอย่าง

หลังจากเปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่างหมดแล้ว จนโรงเย็นสามารถใช้งานได้ปกติ และเผื่อมีปัญหาหรือเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นอีก คราวนี้พวกผมจึงกะจะนอนเฝ้าดูสถานการณ์ที่บ้านงานกันจนถึงเช้าซะเลย

ระหว่างนั้นผมก็มองไปที่กระถางธูปที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพ ก็เห็นว่ามีธูปดอกนึงที่ดับไม่สนิท แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรอีกเลยจนกระทั่งถึงเช้า พวกผมก็เลยพากันขับรถกลับร้าน

จนมาถึงวันที่ 3 วันที่เขาจะเอาศพไปเผาที่เมรุเผาศพในป่าช้า พวกผมก็พากันขับรถจากร้านมาที่เมรุเผาศพเลย เพื่อมาประดับผ้า ประดับดอกไม้บริเวณรอบๆ เมรุเผาศพ ซึ่งตอนนั้นก็จะมีชาวบ้านประมาณ 4-5 คน มาตั้งเต็นท์จัดโต๊ะเพื่อรอรับแขกที่จะมาร่วมงาน



หลังจากจัดสถานที่ตรงนี้เสร็จ พวกผมก็ขับรถกลับไปที่บ้านงานเพื่อไปเตรียมพิธีแห่ศพ

พอไปถึงบ้านงานผมก็ใช้รถกระบะคันที่ขับมานี่แหละ เป็นรถที่ใช้ในการแห่ศพ ในการแห่ศพก่อนจะมีการตั้งขบวนรถจะต้องมีเชือกเส้นหนึ่งที่ทำมาจากหญ้าคา ชาวบ้านจะเอาเชือกเส้นนี้ผูกไว้กับโลงศพ จากนั้นก็จะให้แขกในพิธีจับเชือกจูงโลงศพ เดินนำหน้ารถจนไปถึงที่เมรุเผาศพ

ตามความเชื่อของคนแถวนั้น เขาบอกว่าเวลาจูงศพอย่าให้เชือกเส้นนี้ขาดออกจากกันเด็ดขาด เพราะถ้าเชือกเส้นนี้ขาดออกจากกันมันจะเป็นลางร้าย อาจจะทำให้มีศพตายซ้ำซ้อนก็ได้..

แล้วชาวบ้านก็เริ่มจูงศพจากบ้านงานไปยังเมรุเผาศพ พอมาถึงเมรุเผาศพก็ต้องวนรอบเมรุอีก 3 รอบ แต่พอวนได้รอบที่ 1 อยู่ดีๆ รถผมก็ดับกะทันหัน..!

ผมพยายามสตาร์ทเครื่อง แต่สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด คนที่เดินจูงเชือกอยู่หน้าขบวนก็ยังเดินต่อไป ไม่ได้สังเกตว่ารถดับจนทำให้เชือกเริ่มตึง จนคนที่อยู่ข้างหลังต้องตะโกนบอกคนข้างหน้าว่าให้หยุดเดินก่อน ทุกคนจึงพากันหยุดแล้วค่อยๆ ผ่อนเชือกลง

ผมเริ่มสตาร์ทรถไปได้สักพักหนึ่ง แล้วรถก็กลับมาติดอีกครั้ง และเริ่มวนต่อ แต่ยังวนไม่พ้นรอบที่ 1 เลย อยู่ดีๆ ก็มีวัยรุ่นในหมู่บ้าน เดินอีท่าไหนไม่รู้อยู่ดีๆ ก็สะดุดขาตัวเองล้มลงไป ก่อนที่จะล้มมือขวาก็กำเชือกเส้นนั้นไว้อยู่ แล้วพอเอนตัวล้มลงไปก็ยังเอามือซ้ายมากำเชือกเส้นนั้นอีก จนทำให้เชือกขาดออกจากกัน..!

ผมที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย สังเกตเห็นว่าลุงสัปเหร่อสีหน้าแกไม่สู้ดีนัก แล้วลุงสัปเหร่อก็เข้าไปมัดเชือกเส้นนั้นให้ติดกัน แล้วก็ทำพิธีวนศพต่อจนครบ 3 รอบ

พอวนครบ 3 รอบแล้ว ก็เตรียมที่จะยกโลงศพลงจากรถขึ้นไปไว้ที่เชิงตะกอน มันก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นอีก คือตอนที่โลงขึ้น ผู้ตายนั้นน้ำหนักประมาณ 60 กว่าโลเอง แต่ชาวบ้านผู้ชาย 4 คน ช่วยกันยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น..! จนต้องให้แม่ผู้เสียชีวิตมาเคาะโลงบอก จึงจะสามารถยกโลงศพขึ้นไปได้

หลังจากที่ยกโลงศพขึ้นไปไว้ที่เชิงตะกอนเรียบร้อยแล้ว พิธีก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงที่จะต้องวางดอกไม้จันทน์ ชาวบ้านที่มาร่วมงานก็พากันมาต่อแถวเพื่อที่จะเข้าไปหยิบดอกไม้จันทน์ในพานที่ตั้งอยู่ตรงทางขึ้นเมรุ เพื่อขึ้นไปวางบนเชิงตะกอน

ชาวบ้านค่อยๆ หยิบดอกไม้จันทน์เดินขึ้นไปวางทีละคนๆ แล้วผมก็สังเกตเห็นผู้ชายวัยรุ่นคนเดิม (คนที่ทำเชือกขาด) เขาเดินเข้าไปต่อคิวเพื่อที่จะหยิบดอกไม้จันทน์ แต่พอถึงคิวที่วัยรุ่นคนนี้กำลังจะหยิบดอกไม้จันทน์ในพาน อยู่ดีๆ เขาก็ตบพานจนดอกไม้จันทน์ร่วงลงมากระจัดกระจายเต็มพื้นเลย..!



แขกทุกคนที่มาร่วมงานก็ต่างพากันมองหน้าวัยรุ่นคนนี้ แล้วอุทานขึ้นว่า "จะอะไรนักหนา ทำเชือกขาดยังไม่พอ ยังจะเอามือมาตบพานดอกไม้จันทน์จนร่วงกระจายเต็มพื้นอีก.."

จนพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น สัปเหร่อก็ได้นำศพเข้าเมรุและจัดการทำพิธีเผา ซึ่งพิธีการของชาวบ้านแถวนั้นหลังจากที่เผาศพเสร็จเขาจะไม่เก็บอัฐิทันที แต่จะทิ้งไว้อย่างนั้น 3 วัน แล้วค่อยกลับมาเก็บ หลังจากพิธีเผาศพเสร็จสิ้นชาวบ้านทุกคนก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน

ณ. ตอนนี้ก็จะเหลือแค่กลุ่มพวกผม 4 คน เพราะต้องช่วยกันเก็บอุปกรณ์รอบเมรุ พอเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็นำมาไว้ที่หลังรถ ซึ่งตอนนี้ในรถก็จะมีแค่คนขับรถคนนึง ส่วนที่อยู่หลังรถก็จะมีผมและเพื่อนอีก 2 คน กำลังช่วยกันเอาเชือกรัดของทุกอย่างให้แน่น

สักพักผมก็เดินวนมาที่ประตูฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อเปิดประตูรอให้เพื่อนที่มัดของอยู่ข้างหลังอีก 2 คนเดินมาขึ้นรถ แต่รออยู่สักพักก็ยังไม่เห็นเพื่อนอีก 2 คนเดินมาสักที ผมจึงตะโกนบอกว่า "พวกมึงรีบมาขึ้นรถเร็วๆ มันร้อน"

ประจวบเหมาะกับที่ 2 คนนั้นมัดของเสร็จพอดี ก็เดินมาขึ้นรถ พอทุกคนขึ้นรถหมดแล้วก็ปิดประตู ขับรถออกจากเมรุ

ซึ่งบริเวณที่จอดรถอยู่มันจะเป็นพื้นปูน พอขับออกไปสักพักมันก็จะลงไปเป็นพื้นดิน ระหว่างที่ขับมาถึงพื้นดินอยู่ดีๆ เพื่อนคนที่ขับรถก็เอ่ยปากออกมาว่า "เฮ้ย.. ทำไมรถมันหนักผิดปกติวะ ทั้งที่ขามารถมันไม่เห็นหนักแบบนี้เลย..!"

พอรถออกมาจนสุดทางออกป่าช้า กำลังจะขึ้นถนนใหญ่ อยู่ดีๆ ล้อหลังรถก็เข้าไปติดกับหล่มโคลนตรงนั้นพอดี..

พยายามเร่งเครื่องอย่างไรก็เร่งไม่ขึ้น สุดท้ายผมจึงต้องโทรไปหาทางเจ้าภาพ บอกว่าให้ช่วยหารถแทรกเตอร์มาช่วยดันรถขึ้นให้หน่อย เพราะตอนนี้รถติดอยู่ในป่าช้าออกไปไหนไม่ได้เลย แล้วพวกผมก็พากันลงจากรถไปนั่งรออยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ในป่าช้า

ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านขับรถกระบะแคปผ่านมา พอมองดูดีๆก็เห็นว่าเป็นลุงสัปเหร่อที่ผมรู้จักนั่นเอง

พอลุงสัปเหร่อเห็นพวกผม แกก็จอดรถแล้วเดินมาหาพวกผม ถามว่ารถเป็นอะไร แต่มันแปลกตรงที่ว่า ปากแกถามมาที่พวกผม แต่ว่าสายตาแกนั้นมองไปที่ด้านหลังรถน่ะสิ..!

ผมก็บอกว่า “ลุง.. รถมันติดหล่มเร่งยังไงก็เร่งไม่ขึ้น”

ลุงสัปเหร่อก็บอกว่า “มันจะเร่งขึ้นได้อย่างไรล่ะ ก็พวกนั้นนั่งกันอยู่เต็มหลังรถเลยน่ะ..!!!”

แล้วแกก็เดินกลับไปที่รถของแก หยิบเอามีดที่เก็บไว้ด้านหลังแคปออกมาแล้วก็เดินตรงมาที่รถพวกผม และพูดว่า “พวกมึงไม่ต้องตามเขาไป กลับไปในที่ของพวกมึงซะ.."

จากนั้นแกก็เอามีดปักลงไปตรงแคปหลังรถ พวกผมเห็นกับตาเลยว่า จากรถที่ไม่มีคนอยู่ อยู่ดีๆ มันก็โยกไปมาเหมือนกับว่ามีคนกระโดดลงจากรถจริงๆ..!

หลังจากนั้นลุงสัปเหร่อแกก็บอกว่า ไหนลองไปสตาร์ทรถดูอีกทีซิ.. เพื่อนก็เลยลองสตาร์ทรถและเร่งเครื่องขึ้นจากหล่ม ปรากฏว่าคราวนี้สามารถขับออกมาได้ปกติเลย พวกผมก็กล่าวคำขอบคุณลุงสัปเหร่อ แล้วก็ขับรถไปที่บ้านงานต่อเพราะยังมีของอีกอย่างสองอย่างอยู่ที่บ้านงาน

พอมาถึงบ้านนะ ผมก็เห็นว่าวัยรุ่นคนที่ทำเชือกขาดนั้นอยู่ที่บ้านงานด้วย ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าน้องเขาเป็นเพื่อนกับผู้ตาย.. เขามาหาแม่ของน้องคนที่เสียชีวิต ผมสังเกตเห็นว่าเขากำลังร้องไห้ด้วย ผมก็คิดว่าเขาคงรู้สึกผิดที่ทำเชือกขาดแล้วกลัวว่าเพื่อนจะไม่ได้ไปสวรรค์

จากนั้นผมก็เก็บของขึ้นรถแล้วขับรถกลับมาที่ร้านเลย ระหว่างทางผมก็คุยกับเพื่อนในรถว่า มันจริงหรือเปล่าที่บอกว่าถ้าเชือกจูงศพขาดแล้วมันจะมีศพตายซ้ำซ้อน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

พอมาถึงที่ร้านพวกผมก็ทำงานกันเหมือนเดิมปกติ ผ่านไปประมาณ 3 วัน ลุงสัปเหร่อแกก็โทรมาอีก โทรมาบอกว่า ได้งานแล้วนะ ให้มาจัดงานที่หมู่บ้านนี้เหมือนเดิม

พวกผมก็ขนของทุกอย่างไปที่บ้านงาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดิมที่เพิ่งจัดงานไปนั่นแหละ..

พอมาถึงผมก็พบว่าเป็นงานศพของเด็กผู้ชายวัยรุ่นเหมือนเดิม เห็นเขาว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำเหมือนกัน แล้วสถานที่จมน้ำก็เป็นหนองน้ำสาธารณะที่เดียวกันกับศพคนก่อนด้วย..

พอผมเดินไปดูรูปผู้ตายก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นวัยรุ่นคนเดียวกันกับที่ทำเชือกจูงศพขาดในวันนั้นนั่นเอง..!
หลังจากนั้นพวกผมก็พากันจัดงานศพเตรียมพิธีจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปหาลุงสัปเหร่อเพื่อถามหาเรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้..

ลุงสัปเหร่อซึ่งรับทราบเรื่องทั้งหมดก็เลยเล่าให้ฟังว่า..

ย้อนกลับไปในตอนแรก ตอนที่เด็กคนที่ตายคนแรกกับคนที่เพิ่งจะตายยังมีชีวิตอยู่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน

วันที่เกิดเรื่องน้องวัยรุ่นที่เสียชีวิตคนแรกขี่มอเตอร์ไซค์มารับเพื่อนคนนี้ไปเล่นน้ำด้วยกันที่หนองน้ำสาธารณะ



ซึ่งในหนองน้ำสาธารณะแห่งนี้มันจะมีแอ่งกระทะที่ค่อนข้างจะกลมและลึก ชาวบ้านเขาก็เลยพากันเอากิ่งไม้โยนลงไปกลบตรงนั้นไว้ เด็กวัยรุ่น 2 คนนี้ก็ได้ไปดำผุดดำว่ายเล่นกันอยู่ตรงนั้น

ระหว่างนั้นก็เหยียบกิ่งไม้กิ่งนั้นไปด้วย น้ำบริเวณนั้นก็ลึกประมาณคอของพวกเด็กๆ แต่ยังดีที่พวกเขายังเหยียบกิ่งไม้ตรงนั้นอยู่ และด้วยความที่กิ่งไม้ที่มันถูกแช่อยู่ในน้ำนานแล้วมันก็เริ่มผุ พวกเด็กๆ เดินเหยียบไปเหยียบมากิ่งไม้มันก็เลยหักลงไป เด็กสองคนนั้นก็เลยจมลงไปทั้งคู่..

ซึ่งเด็กคนที่รอดชีวิต เล่าให้ฟังว่ามันเหมือนมีลมดูดอะไรจากด้านล่าง พยายามว่ายขึ้นโผล่มาหายใจมันก็ไม่พ้นน้ำสักที จนเฮือกสุดท้ายที่เขาจะขาดอากาศหายใจตาย ก็เลยเอามือไปดันหัวเพื่อนเพื่อให้ตัวเองโผล่ขึ้นมาหายใจได้
พอโผล่ขึ้นมาจากน้ำได้สักพัก ก็เริ่มมีแรง แล้วก็ไหว้ขึ้นฝั่งไป พอหันกลับมาอีกทีก็ไม่เจอเพื่อนแล้ว เพราะเพื่อนได้จมน้ำไปแล้ว..

เด็กคนนี้จึงได้วิ่งไปบอกชาวบ้านแถวนั้นว่าเพื่อนเป็นตะคริวจมน้ำ ตัวเองพยายามช่วยแล้วแต่ช่วยไม่ทัน นี่คือสิ่งที่เด็กคนนี้บอกกับชาวบ้าน และบอกกับแม่ของเด็กคนที่เสียชีวิต..

พองานศพวันแรก เด็กคนนี้ก็มาจุดธูปขอขมาเพื่อน แต่พอปักธูปลงกระถาง อยู่ๆ ธูปมันก็ดับต่อหน้าเด็กคนนี้เลย (มันก็เป็นธูปดอกเดียวกันที่ผมบอกว่า มีธูปดอกหนึ่งที่มันดับไม่สนิท) นี่คือคืนแรกที่เด็กคนนี้เจอ

และหลังจากที่ไปไหว้ขอขมาเพื่อนเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่าเพื่อนน่าจะไม่อโหสิกรรมให้ เด็กคนนี้ก็เลยกลับมาที่บ้าน พอตกดึกก็ฝันว่าเพื่อนคนที่เสียชีวิตมาชวนไปอยู่ด้วย แต่ในฝันเขาได้ปฏิเสธไป

พอคืนที่ 2 เด็กคนนี้ก็ไปจุดธูปขอขมาแบบเดิมอีก แต่ปรากฏว่าธูปก็ดับต่อหน้าต่อตาเหมือนเดิม รอบนี้เด็กคนนี้ทำใจดีสู้เสือนั่งฟังพระสวดจนเสร็จ หลังจากฟังพระสวดจบก็กลับบ้าน พอนอนหลับก็ได้ฝันถึงเหตุการณ์วันที่ไปเล่นน้ำด้วยกันกับเพื่อน ฝันว่าเด็กคนที่เสียชีวิตขี่มอเตอร์ไซค์มาหาที่บ้าน แล้วก็มาเรียกบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำ แต่ในฝันเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ได้ตายไปแล้วก็เลยปฏิเสธว่าไม่ไป

พอวันที่ 3 วันที่จะเอาศพออกไปเผาที่เมรุเผาศพ ในระหว่างที่วนศพรอบเมรุอยู่นั้น จังหวะที่เด็กคนนี้สะดุดล้มจนทำให้เชือกขาด เด็กคนนี้บอกว่าเขาไม่ได้สะดุดอะไรทั้งนั้น แต่มันมีมือคนมากระชากที่ขาเขา จนทำให้เขาสะดุดล้มลงไป จนทำให้เชือกเส้นนั้นขาด..!

แล้วในตอนที่เขาจะไปหยิบดอกไม้จันทน์ที่พาน มือเขายังไม่ได้โดนพานหรือจับดอกไม้จันทน์เลย แต่มันเหมือนกับว่ามีคนมาปัดพานทิ้งไปไม่ให้เขาหยิบ แต่ภาพที่ชาวบ้านเขาเห็นกันคือมือของเด็กคนนี้ไปปัดโดนพานดอกไม้จันทน์หล่น..!

แล้วสักพักเด็กคนนี้เขาก็ได้ยินชาวบ้านคุยกันว่า ถ้าเชือกจูงศพขาดมันจะต้องมีคนตายซ้ำซ้อนอีก เด็กคนนี้ก็เลยคิดว่ามันจะต้องเป็นเขาแน่นอน ก็เลยมาเล่าความจริงให้กับแม่เด็กคนที่เสียชีวิตฟัง เพื่อจะขออโหสิกรรม

ซึ่งแม่ของเด็กคนที่เสียชีวิตเขาก็อโหสิกรรมให้ เพราะถึงจะเอาเรื่องยังไงลูกของเขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่แล้ว

เหมือนเรื่องมันจะจบแล้ว แต่วันต่อมาระหว่างที่เด็กคนนี้กำลังกินข้าวกับพ่อแม่อยู่ อยู่ดีๆ เขาก็ทำหน้าตาเลิ่กลั่กตกใจแล้วชี้ไปที่หน้าบ้าน แล้วบอกพ่อกับแม่ว่า "เพื่อนคนที่เสียชีวิตมากวักมือเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน"..

ต่อมาเด็กก็เริ่มเป็นหนักขึ้น เริ่มร้อนรน เริ่มเพ้อ บอกว่าไม่ไป ๆ

วันที่ 2 มันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพ่อกับแม่ของเด็กคนนี้รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว วันพรุ่งนี้คงจะต้องพาลูกไปหาพระแล้วล่ะ
วันต่อมาวันที่ 3 หลังจากพาเด็กคนนี้ไปหาพระที่วัดแล้ว เขาก็กลับมาเป็นปกติ สามารถพูดจาได้ปกติ ไม่มีความหวาดกลัวอะไรแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คิดว่าลูกตัวเองคงจะหายแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไร

พอตกดึกคืนนั้นทุกคนก็เข้านอนกันปกติ เด็กคนนี้ก็นอนหลับไปตั้งแต่ 1 ทุ่ม คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็นอนหลับประมาณ 2-3 ทุ่ม จนกระทั่งช่วงเช้า ได้มีชาวบ้านมาเรียกบอกให้ไปที่หนองน้ำสาธารณะ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็ขี่รถไป พอไปถึงก็เห็นศพลูกชายตัวเองอยู่ในหนองน้ำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกชายออกจากบ้านไปตอนไหน..!

และวันที่เด็กคนนี้เสียชีวิตก็เป็นวันที่ไปเก็บอัฐิออกมาจากเมรุพอดี ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือป่าว แต่เหมือนกับว่ารอคอยให้เอาอัฐิของเด็กคนแรกออกมาก่อน แล้วก็มีศพใหม่รอไปเผาต่อพอดีเลย..!

หลังจากวันนั้นทุกวันพระก็จะมีชาวบ้านที่บ้านอยู่ติดหนองน้ำนั้น ได้ยินเสียงคนเล่นน้ำบ้าง ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำบ้าง ว่ายน้ำเล่นไปมาบ้าง

เคยมีคนใจแข็งเปิดไฟฉายลงมาส่องดู ก็ไม่เจอน้ำกะเพื่อมหรือเสียงอะไรสักอย่าง แต่พอเดินกลับเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมอีก..เรื่องราวก็มีเท่านี้ครับ

Spoil
เครดิต: สยองขวัญวาไรตี้  
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 23869
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 20:04
[RE: เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"]
ยาวไปเข้ามากดแผล่บให้เฉย ๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jun 2015
ตอบ: 14029
ที่อยู่: Alexandria
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 20:47
เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
ลงชื่อ ว่าอ่านจนจบฮะ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 2994
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 21:09
เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
ผมนึกถึงยูสท่ายนึงที่มาโพสเรื่องลึกลับ ไม่รู้หายไปไหนละ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Oct 2013
ตอบ: 858
ที่อยู่: ขอนแก่น
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 21:32
[RE]เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
อ่านจบแล้วก็กลัว 555
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Jun 2009
ตอบ: 5164
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 21:34
[RE: เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Sep 2010
ตอบ: 1984
ที่อยู่: วินเทอร์เฟล
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 21:45
เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
เป็คนกลัวเรื่องแบบนี้ แต่ก็ยังอ่านจนจบ ขนลุก
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Mar 2020
ตอบ: 474
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 21:59
[RE: เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"]
กลัวแต่ก็อ่านจนจบ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: life is nothing
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jul 2009
ตอบ: 176
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 22:11
เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
สนุกดีครับ ผมชอบอ่าน ชอบฟังมากครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
<<<<จะของดีแค่ไหนสุดท้ายมันก็แค่อิ่ม ที่ต่างกว่าคือเราจะอิ่มเราเสียอะไรไปเท่าไหร่ >>>>>

ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Nov 2014
ตอบ: 164
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jun 11, 2021 23:07
[RE]เรื่องสยองของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับโลงศพ "เพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน..!"
ชอบอ่านเรื่องแบบนี้น่ะ
แต่ที่ไม่คอยชอบคือพวกที่แนบรูปมาให้ตกใจอ่ะ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel