มู้นี้เนื้อหา เป็นเรื่องอนาคตอีกหลายปีข้างหน้านะครับ ผมแค่อยากทราบคร่าวๆ ตอบแบบที่พี่ๆเพื่อนๆพอมีประสบการณ์แชร์ ไม่ต้องข้อมูลเป๊ะอะไรก็ได้ครับ ให้ผมมีข้อมูลในหัวไว้อะไรงี้

เรื่องที่คิดตอนนี้คือเรื่องบ้านครับ ผมเป็นคน ตจว ตอนนี้ทำงาน กทม เช่าคอนโดอยู่กับน้องสาว
ส่วนที่บ้าน ตจว น้องคนกลางเพิ่งซื้อ ผมคงไม่จำเป็นต้องทำบ้านที่ ตจว แล้ว เพราะแม่ก็ไปอยู่กับน้องแล้ว

ผมเลยกำลังคิดถึงอนาคตของผม 55 ที่บอกอนาคตของผมในอีกหลายปีครับ เพราะตอนนี้ผมมีหนี้ ธ หนี้บัตร
เป็นหนี้เสีย บูโรครับ ผมคิดว่ากว่าจะหมด + เคลียประวัติให้กู้ได้ คงราวๆ อีก 3-5 ปีครับ ตอนนั้นผมน่าจะอายุ 33-35

ผมมีความฝันอยากมีบ้านเดี่ยว2 ชั้น ไม่มีเหตุผล 555 คงไม่ซื้อคอนโด เพราะผมอยากเลี้ยงหมา และจากอ่านมู้ในนี้มาเรื่อยๆ อนาคตมีครอบครัวมีลูก บ้านเดี่ยวมีพื้นที่น่าจะดีกว่า

ทีนี้ผมไม่แน่ใจ กทม เดี๋ยวนี้บ้านเดี่ยว 2 ชั้นโอเคๆ มันกี่ล้าน ผมเคยตอนขับไลนแมนไปส่งหมู่บ้านชานเมืองนอกเมืองหน่อย บ้านโครงการสวยๆดีอ่ะ

ผมแพลนไว้คร่าวๆแบบเล่นๆในหัวนะ ตอนนี้ผมโสด เงินเดือนปจบ+งานพิเศษ รวมๆ 35-37k ณ เวลาที่ผมอายุบอกด้านบน คงเงินเดือน 40-50k อย่างต่ำๆมั้ง ผมไม่รู้ว่ามันพอซื้อไหมซึ่งไม่น่าพอเลยคิดว่าจะซื้อตอนนั้นโดยกู้ร่วมกับเมีย (ซึ่งใช่ครับตอนนี้โสด55555555) ถ้าหาแฟนทำงานประจำมีเรายได้ต่ำๆ 30k รวม 2 คน 8-90k มันน่าจะพอกู้ซื้อไอที่ผมว่าได้มะครับ แบบคร่าวๆก็พอ หรือแม้ไม่มีเมียต้องสักเงิเนดือนเท่าไรถ้ากู้แยก

คำถามเล่นๆเพิ่มเติมอีกนิดคือกว่าจะเวลานั้น บ้านดีๆ มันจะขายหมดไปก่อนรึเปล่า เพราะที่ดินพื้นที่มันมีจำกัดหมดไปไม่งอกเงย จะยังเหลือให้ซื้อไหมเนี่ย


คำถามผมมู้นี้อาจจะไม่มีสาระเท่าไร หรือทำให้ใครเสียเวลาก็ขออภัยครับ ผมอยากได้ไอเดีย หรือเป้าไว้ในหัว แม้มันจะอีกหลายปีก็ตาม ขอบคุณครับ แล้วจะแผล่บๆครับ

ผมว่าผมสิงอยู่ SS เยอะไปแล้ว

เชื่อมั้ย ตอนแรกอ่านหัวมู้ ปรึกษาอ...

ผมเข้าใจเป็น ปรึกษาอาบอบนวดหน่อยครับ ผมนี่รีบกดเข้ามาเลย

ดูพื้่นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเยอะๆเวลาที่น้ำหนุนสูงก่อนเลย (และพื้นที่นั้นท่านต้องมีงานทำด้วย)

เนื่องด้วยจากข้อมูลด้านบนคนดูดน้ำบาดาลมาใช้เยอะ แปลว่า มีโอกาสที่แผ่นดินจะทรุด

ตรงไหนก็ได้ ถ้าซื้อบ้านแล้วทรุด ชีวิตคือจบ เพราะทั้งดาวทั้งผ่อน ถ้าเงินเราไม่มากพอ

ผมว่ามันจะเป็นทุกมากกว่าสุข ผมไม่ซื้อบ้าน เพราะเหตุนี้ แต่ถ้าใครจะซื้อก็แล้วแต่ไม่ได้ห้าม

ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าโลกร้อนถึงจุดนึง ทุกคนจะพยายามย้ายไปอยู่ประเทศที่หนาวกว่าไม่ว่า

ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมเลยไม่คิดลงหลักปักฐานที่ไทย เพราะคิดว่าอีกไม่กี่ปีหน้าร้อน

ก็คง45-50องศาแล้ว ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย แต่ก็อยากให้มองอีกมุม ผมเมา

เฉียบครับ

ตีไปล้านละ 7000 บ้านเดี่ยว 2 ชั้นชานเมือง ประมาณ 2 ล้านพอหาได้อยู่แต่เข้าไปลึกหน่อย

เงินเดือน 4-5 หมื่นก็ผ่อนได้แล้วครับ ส่วนเงินเมียก็เอาไปผ่อนรถสักคน

หลาย ๆ อย่างของผมคล้าย ๆ จขกท เลยครับ

ผมก็ยังคงให้คำแนะนำอะไรไม่ได้มากหรอกมั่ง

แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ภาคเศรษฐกิจเรา ไม่เอื้อให้รากหญ้าโต

มีแต่นายทุนที่โตเอา ราคาอสังหาก็ยังคงไม่ไปไกลหรอกครับ

ยังไงก็สู้ ๆ ครับ

มันต้อง Scope พื้นที่ทำงานมาก่อน แต่ถ้าถาม กทม. เอาจริงๆ ผมไม่เคยทำงานใน กทม. คงตอบละเอียดไม่ได้ แต่ถ้าตอบในฐานะสถาปนิก จะแนะนำคร่าวๆ ว่า กรณี กทม. ถ้าเป็นไปได้ให้เลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากไว้ก่อน เช่น ดอนเมือง หลักสี่ จตุจักร สายไหม บางเขน คลองสามวา และโซนตะวันตก บางพลัด ตลิ่งชัน ภาษีเจริญ บางแค ทวีวัฒนา หนองแขม อะไรพวกนี้เลี่ยงได้เลี่ยง จริงๆ โซนตะวันออกก็ใช่นะ แต่ไม่หนักเท่าเขตที่พูดไป พื้นที่สโคปน่าสนใจ และไม่ใช่เขตตัวเมืองมาก ก็คือ วังทองหลาง สวนหลวง พระโขนง บางนา บางคอแหลม ราษฎรบูรณะ ทุ่งครุ พวกนี้โอเค ประวัติน้ำท่วมซ้ำซากไม่ค่อยมี

แนะนำไม่ต้องเลือกบ้านที่เป็นโครงการเพราะราคาก็ค่อนข้างเอาเรื่อง แนะนำให้หาบ้านมือสอง อาจจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮมก็ได้ สภาพ 60-80% เอามารีโนเวต จะเป็นทางเลือกที่ดี มีโอกาสลองมองหาพวกบ้านที่โดนบังคับคดีบังคับขาย หรือพวกธนาคารเอามาเร่ขาย เน้นปรับปรุงเฉพาะพื้นที่ใช้งานไปก่อน แล้วค่อยๆ ปรับเอา ผมว่าดีกว่ามองหาบ้านเดี่ยวในโครงการ แต่หลักๆ ที่สำคัญมากที่ต้องดูก่อนตัดสินใจซื้อก็คือเพื่อนบ้านนะ มีเพื่อนบ้านดีบ้านคุณจะปลอดภัยจากปัญหาขโมยขโจรได้มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับพวกกล้องวงจรปิดหรือตำรวจในพื้นที่

ต้องดูว่า...

ตอนนั้น ท่านยังอยากจะอยู่กรุงเทพฯอีกไหม อนาคตของท่านใช่กรุงเทพฯหรือเปล่า

เรื่องเงินเดือน ส่วนมากธนาคารยึดหลัก หนี้สิน 40% ของรายได้ครับ แต่มันก็ไม่เป๊ะๆ หรอกครับ ธนาคารดูหลายอย่าง ทั้งประวัติเครดิต ทรัพย์สินที่เรามี การงานมั่งคงไหม ฯลฯ

ผมยื่นเงินเดือน 8,100 บาท กู้ซื้อบ้านมือสอง 950,000 บาท ราคาขาย 1.5 ล้านบาท 3 วัน ผ่าน

มันก็ได้ครับ แต่ชีวิตท่านจะตึงๆหน่อยครับผม

ลองลดขนาดเป็นทาวเฮาส์ดู ก็จะสบายมากขึ้นครับผม

หาคู่ชีวิต แล้วช่วยๆกันไป อายุยังไม่เยอะนะครับ

คล้ายผมมาก ผมกำลังจะหาบ้านสักหลังปีนี้

มองเป็นทาวน์โฮมชานเมือง กะว่าจะเก็บเงินดาวน์ไปสัก 20% จะได้ผ่อนไม่ตึงมาก

คิดว่าปีนี้น่าจะได้เงินดาวน์ ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องทำเล

ทำทุกอย่างคนเดียวหมด เพราะโดนทิ้งไปจะสามปีแล้ว ยังไม่มีคนใหม่สักที ใจไม่กล้าพอ

แต่เรื่องงานก็ทำให้น่ากังวลเหมือนกัน เพราะปัญหาโควิดก็เริ่มทำให้ชีวิตพนักงานเอกชนอย่างเราๆ เริ่มไม่ค่อยมั่นคงอย่างเมื่อก่อน

โชคดีครับ

เรื่องซื้อบ้านแนะนำตามนี้ครับ
1. ปกติแบงค์จะให้ผ่อนล้านละ 7000บาทต่อเดือน เช่นบ้านราคา 3 ล้านบาท
ก็ผ่อนเดือนละ 21,000 บาท
2. แบงค์จะให้สัดส่วนหนี้เราไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน ถ้าเรามีหนี้ผ่อนรถหรืออื่นๆ
อาจจะต้องกู้ร่วม
3. แบงค์ไม่ปล่อยวงเงิน 100% นะครับ อาจจะได้60-70% (ถึงแม้เศรษฐกิจไม่ดีราคาอสังหาจะตก
แต่แบงค์ก็ระวังตัวมากขึ้นนะครับเพราะกลัวหนี้จะเสีย) เตรียมเงินดาวน์ไว้ด้วยครับ
เช่น บ้าน 3ล้าน อาจจะขอกู้ได้เพียง 1.8ล้าน
4. ผมแนะนำให้ลองเช่าอยู่ก่อนครับ บางสิ่งที่คิดก็ต่างจากสิ่งที่ฝัน เคยเป็นมั้ยคิดว่าหนังเรื่องนี้ต้องสนุก
พอไปดูจริงกลับไม่ชอบ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ บางทีผมเห็นหลายคนมากเลยบอกว่าชอบอยู่บ้าน
ชอบพื้นที่ อยากมีลูก พอไปอยู่จริงเบื่อรถติด ไม่มีเวลาอยู่เพราะกลับมานอนอย่างเดียว ไกลที่ทำงาน
ทำไมเราถึงต้อง ไปทำเรื่องกู้บ้าน หาเงินดาวน์ เพื่อมาเฉลยว่าเราไม่ได้ชอบการเป็นอยู่แบบนี้ล่ะ ?
5. มองความเสี่ยงก่อนเสมอ บ้านราคาขึ้นเราหาเงินเพิ่มได้ แต่ผ่อนไม่ไหวตายลูกเดียวครับ
6. มุมมองส่วนตัวนะครับ แค่ความคิดของผมอย่างเดียว คือ เรามักจะโดนปลูกฝังว่าต้องมีอันโน้น อันนี้
อารมณ์แบบ inception อ่ะครับ มีความคิดฝังหัวว่าการมีบ้านมีรถคือเป้าหมายในชีวิต
แต่ตัวผมกลับกันเลย ผมไม่อยากมีบ้าน เพราะผมมองว่าการมีเงินใช้ในตอนเกษียณ และมีเงินใช้ใน
ยามฉุกเฉินสำคัญที่สุด รวมถึงเจ็บป่วยเป้นโรคร้ายแรง ผมจึงเลือกลงทุน ออมในหุ้นเพื่ออให้มีเงินใช้หลัง
เกษียณ ซื้อประกัน แล้วถ้าผมถึงเป้าได้เร็วเรื่องบ้านจะเป้นเป้าหมายรองๆมาครับ
ทั้งหมดนี้จะบอกว่า ทำอะไรให้เหมาะกับตัวเองแล้วจะดีเองครับ (สิ่งที่ดีที่สุดไม่ได้เหมาะกับเราที่สุด)

ขอบคุณครับ ผมไม่ได้นึกถึงเลย จะเก็บไว้เป็นข้อคิดนะครับ