เชื่อว่าอารมณ์ของแฟนบอลชาวไทย ณ เวลานี้ คงเต็มไปด้วยคำถามมากมายหลังจากที่ต้องผิดหวังกับผลงานของทัพ “ช้างศึก” เพราะมาตรฐานเมื่อครั้งก่อน เราสามารถเข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย

การเข้ามาของ “อากิระ นิชิโนะ” เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ผู้มีโปรไฟล์สวยหรูดูโก้ เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้แฟนบอลต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นทัพ “ช้างศึก” ประสบความสำเร็จ

อย่างน้อยๆ ในศึกคัดบอลโลกหนนี้ ก็ไม่น่าด้อยไปกว่าครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในกลุ่มที่มีเพื่อนร่วมสายจากอาเซียนถึง 3 ทีม แต่ผลงานที่ปรากฏกับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

นิชิโนะ ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ จากการเสมอ เวียดนาม 0-0 ทั้งสองนัด และบุกไปแพ้ มาเลเซีย 1-2 โดยเฉพาะทำได้แค่เสมอ อินโดนีเซีย 2-2 หลังจากเคยบุกไปถล่มมาแล้ว 3-0 นั้น ทำให้ผิดหวังกันทั้งประเทศ

พานย้อนนึกถึงคำที่ นายกสมาคมฟุตบอลชุดนี้ เคยถามแฟนบอลก่อนไม่ต่อสัญญา “โค้ชซิโก้” ว่า “อยากเห็นไทยก้าวข้ามระดับอาเซียนหรือไม่ ถ้าอยากให้ฟุตบอลทีมชาติก้าวหน้า ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง”

แต่ผลงาน ณ ตอนนี้ มันเหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่า “ทำไม่ได้อย่างที่พูด”

เมื่อ สมาคมฯ ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ คำถามถึงการเปลี่ยนแปลงโค้ชจึงดังขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนม้ากลางศึก คงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะการหาโค้ชใหม่ ก็ไม่ต่างจากการนับหนึ่งใหม่ ซึ่งทีมชาติไทยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

ตลอดเวลากว่า 100 ปีของฟุตบอลทีมชาติไทย มีเฮดโค้ชชาวต่างชาติจากมากมายหลายประเทศ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทั้ง บราซิล, เยอรมัน หรือ อังกฤษ อันล้วนเป็นมหาอำนาจในวงการลูกหนังทั้งสิ้น

แต่เราต้องอย่าลืมว่า ทีมชาติไทย ไม่ใช่ทีมที่สมบูรณ์แบบ เรายังมีข้อบกพร่องให้แก้ไขอีกเยอะ และยากที่โค้ชคนไหนมาหยิบจับแล้วจะประสบความสำเร็จในทันที

การให้โอกาส อากิระ นิชิโนะ สานงานต่อไป จึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้ ด้วยประสบการณ์ด้านโค้ชของเขายังมีประโยชน์กับฟุตบอลไทย และจิตวิทยาที่ถ่ายทอดสู่นักเตะ รวมถึงความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ยังเป็นจุดแข็งที่หลายคนพูดถึง



แต่ปัญหาที่สัมผัสได้คือ นิชิโนะ มีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป หากมองการจัดตัวผู้เล่นลงสนาม จะมีความรู้สึกว่าผิดคาดหลายตำแหน่ง เช่น เอกนิษฐ์ ที่เพิ่งหายเจ็บ แทบไม่ได้ลงเล่นกับเชียงรายเลย แต่ได้ลงตัวจริงทั้ง 2 นัด หรือ เอร์เนสโต้ ที่พลิกโผได้ลงยืนแบ็คซ้ายแทน “อุ้ม” ขณะที่ สุภโชค เล่นริมเส้นทั้งปีให้กับบุรีรัมย์ แต่โดนจับมาเล่นเป็นตัวกลาง ส่วนนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุดในลีกคนหนึ่งอย่าง เจริญศักดิ์ กลับไม่ได้รับโอกาส

สิ่งนี้แหละคือ “จุดอ่อน” ของโค้ชต่างชาติ ที่อาจไม่ได้รู้จักนักเตะจริงๆ หรือทีมสตาฟฟ์ก็อาจไม่กล้าให้คำแนะนำ เพราะกลัวว่าจะก้าวก่ายงานระดับโค้ชมืออาชีพ

หากแต่ในเมื่อทุกอย่างมันจบลง และผ่านไปแล้ว นี่คงไม่ใช่เวลาที่เราจะย้อนกลับมาจับผิดใคร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดนั้นก็คือ การมองไปข้างหน้า และก้าวต่อไป

ฟุตบอลไทยไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์หรอก นักเตะบางคนยังไม่รู้หน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง สโมสรบางแห่งยังไม่มีความเป็นมืออาชีพในการจัดการ หรือแม้แต่สมาคมฟุตบอลเองก็ยังมีการบริหารงานที่ขาดตกบกพร่อง

ในเมื่อความไม่พร้อมของฟุตบอลไทยยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง ถึงเวลาแล้วที่ นิชิโนะ จะต้องตัดสินใจ ถ้าคิดจะไปต่อ ก็คงต้องทำความเข้าใจ และทำงานให้หนักมากขึ้นกว่าเดิม

ยังไงตอนนี้เหลืออีก 1 แมตช์ ขอให้เอาชนะเพื่อนบ้านอาเซียนอย่าง มาเลเซีย คืนให้ได้ก่อน…อย่างน้อยจะได้ไม่อาย

หลังจากนั้นค่อยไปรอลุ้นในรอบเพลย์ออฟ “เอเชียน คัพ” กันต่อไป อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของ "ช้างศึก" ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก็ได้

“ไทยแลนด์...สู้สู้”

ผลงานไม่ได้ รูปแบบการเล่นไม่ได้ ก็ต้องรับผิดชอบแหละ ถึงแม้จะยังซัพพอร์ทก็เถอะ

ความหวังเราคือเบสิคและความฟิต เกมรับไล่บอลได้ทั้งเกม ไม่ใช่เอาแต่เดินมอง

ปัญหาคือความฟิตของนักเตะ นักเตะเราเดินเล่นกันเยอะมากๆ ส่งให้เพื่อนแล้วก็ยืนดู ตัวเล็กๆแบบเราก็ต้องอาศัยทีมเวิร์คกับการวิ่งเยอะๆเข้าแลก

รอบนี้ความฟิตเราบวกกับการได้ซ้อมร่วมกันมันไม่ดีจริงๆ อุตส่าห์ได้เวลาในการเก็บตัวนานๆ ดันกลายเป็นกักตัวซะงั้น แถมผู้เล่นที่เป็นหัวใจของทีมถอนกันหมด รอบนี้ปัญหามันเยอะแยะไปหมด เข้าใจกลุ่มแฟนบอลที่ผิดหวังแล้วอยากให้นิชิโน๊ะลาออกนะ แต่ถ้าผมเป็นนายกสมาคมผมจะให้นิชิโน๊ะทำต่อผมให้เสริมทีมงานญี่ปุ่นมาช่วยอีกซักสองสามคน

โควิด 50%
โปรแกรมไทยลีก 30%
โค้ช 20%

ส่วนตัวยังสนับสนุน แต่อะไรจะเกิดก็ต้องให้เกิด
ทีมชาติไทย ยังไงก็เชียร์

นักบอลตัวไม่ใหญ่ ไม่ค่อยมีแรง ต่อบอลตามช่องน่าจะตอบโจทย์กว่า โยน หรือมุ่งไปหน้าอย่างเดียว เจาะไม่เข้าก้อจะไปหน้าอย่างเดียว เห็นทีต้องพึง คิงพาเวอร์ละ ให้รอดเจอร์มาแนะนำให้โค้ชไทย เป็นบางช่วงบางเวลา ตามสไตล์ที่น่าเข้ากับทีมที่มีผู้เล่นไม่ใหญ่มาก

เอาโค้ชซุปไก่กลับมาได้มั้ย หนนี้แกมีบทเรียน คงไม่เอาเรื่องการตลาดส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกะฟุตบอลละ

ผมกะลังรอชุดเล็กแกอยู่ ลองดูไปก่อนก้ได้เปลี่ยนโค้ชก้ยังไม่ได้อะไรหรอก

ดูคลาสนักเตะเราแต่ละคน จะโทษโค้ชทั้งหมดก็ไม่ได้ ผมว่าแผนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ไทยเราตัวผู้เล่นตอนนี้ตามแทคติคได้ร้อยเปอร์เซ็นที่ไหน แพ้หรือชนะได้หมดกับทีมแถบอาเซียนแหละชุดนี้อ่ะผมว่า จ่ายบอลสั้นๆยังเป๋เลย บางช็อตหลังโคตรล๊ก นั่งดูโคตรหงุดหงิด โค้ชคนไทยนักเตะชุดนี้ก็เละ ผมว่าบางคนเห็นเล่นไทยลีคดีอวยกันมากไป พอเห็นฟอร์มเวลาต้องไปเทียบกันชาติอื่น ไม่อยากยกตัวอย่างเดี๋ยวดราม่าแต่ต้องบอกว่า ดูเป็นนักเตะธรรมดาๆ ไม่ได้หวือหวาไรเลยออกจะไปทางไม่เข้าขาคนอื่นด้วยซ้ำ ดูแล้วน่าเบื่อ ไม่ก็โละทั้งระบบเอาซิโก้มาคุมใหม่ดู แผนนิชิโนะ นะเตะบ้านเราตามไม่ทันหรอก เดินเล่นกันแบบนั้น

ภาพสุดท้าย มุมบนขวา น่าดูชม

ไม่ต้องปลดหลอก เผลอๆ แกจะชิงออกเองมากกว่า ตามสไตร์คน ญป ถ้าแกรู้ว่าไปต่อไม่ได้

เท่าที่ดูเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลด้วย + ความฟิต แผนกับแทคติกผมถือว่าไม่ได้แย่เลยนะ

ส่วนตัวผมหวังกับชุดเด็กมากกว่า อยากให้แกมาวางระบบเยาวชนให้แน่นๆ ก่อน

เชียร์กาม่าคุมไทย แกอยู่กับบอลไทยนาน แกเป็นพวกเน้นผลการแข่งขัน

นักเตะปรับตัวเข้ากับแทคติกแกไม่ได้ อยู่ต่อก็คงมีแต่ทรงกับทรุด น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว

แต่ละคนกลายเป็นเชียร์บอลปลงๆ เลิกหวังอะไรไปแล้ว ทีมชาติไทยจะเป็นยังไงก็ช่าง แพ้อาเซียนก็ช่าง ทรงกากก็ช่าง หวังถ้วยหน้า บอลเด็กซะงั้น ไม่หือไม่อือ จำยอมทน อะไรเนี่ย