ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
หน้าแรกบอร์ด >> Office 39 แหล่งทำเงินของเกาหลีเหนือ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 5123
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 31, 2021 22:53
Office 39 แหล่งทำเงินของเกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือ / North Korea เป็นประเทศที่มีรัฐพรรคการเมืองเดียวภายใต้สหแนวร่วมนำโดย พรรคกรรมกรเกาหลี
ปกครองตามอุดมการณ์จูเช่ (Juche) ว่าด้วยการพึ่งพาตนเอง

คิม จ็อง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน เขาเป็นประมุขแห่งรัฐที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัย 28 ปี
ปัจจุบันท่านผู้นำ ได้ประกาศใช้ นโยบายซอนกุน (Songon) หรือ "ทหารต้องมาก่อน" เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศและรัฐบาล

สำหรับประเทศที่ถูกมาตราการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจตามมติของสหประชาชาติ
การจะนำเงินตราเข้าประเทศจึงเป็นเรื่องยากมาก ถึงแม้จะมีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากจีน เกาหลีใต้ และ UN
แต่เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ต้องใช้ของเกาหลีเหนือแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เกาหลีเหนือจะยืนได้อย่างมั่นคง
แล้วสิ่งใดที่จะหาเงิน งบประมาณให้กับประเทศในยามที่ถูกโดดเดี่ยวแบบนี้ ??

ออฟฟิศ 39, ห้อง 39 (แล้วแต่จะเรียก)
องค์กรอาชญากรรมใต้ดินของเกาหลีเหนือ ซึ่งรู้จักกันในนามออฟฟิศ 39 เป็นองค์กรที่ลึกลับที่สุดของเกาหลีเหนือ
จุดประสงค์หลักของ ออฟฟิศ 39 คือ หาเงินโดยเฉพาะเงินในสกุล us ดอลล่าร์ เข้าประเทศให้มากที่สุด
โดยไม่สนวิธีการ ก่อตั้งในสมัยท่านผู้นำคิมจองอู ปี 1970
ปัจจุบัน สามารถนำเงินดอลลาร์เข้าประเทศได้มากกว่า 5 พันล้าน US

แผนที่ตั้งของ ออฟฟิศ 39 อยู่ไม่ไกลจากที่พักของท่านผู้นำมากนัก
โดยได้รับการปกป้องคุ้มกันที่แน่นหนาที่สุดเทียบเท่าผู้นำ

สำหรับธุรกิจหลักๆ ของ ออฟฟิศ 39 ประกอบด้วย

การปลอมแปลงธนบัตรปลอม โดยเฉพาะแบงค์ดอลลาร์ ชนิด 100 ดอลลาร์
การผลิตยาเสพติด ประเภทยาไอซ์ หรือสารเมทแอมเฟตามีน (อดีต มอร์ฟีน เฮโรอีน)
การลักพาตัว เรียกค่าไถ่, การฉ้อโกงประกันภัยระหว่างประเทศ
จำหน่ายและส่งออกอาวุธทำลายล้างสุง

ธุรกิจที่ทำเงินให้กับองค์กรมากที่สุดคือ ธุรกิจยาเสพติด
ปัจจุบัน เปียงยางก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากอัฟกานิสถานและพม่า

ออฟฟิศ 39 ซึ่งทำงานร่วมกับออฟฟิศอีกสองแห่ง มีหน้าที่ในการหา "รายได้เป็นเงินตราต่างประเทศให้แก่ชนชั้นผู้นำแกนหลัก
และดูแลเงินส่วนหนึ่งของพรรคและของครอบครัวของคิม"

กิจกรรมนี้ทำให้เปียงยางสามารถท้าทายผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
มาเป็นเวลากว่าทศวรรษและได้สร้างรายได้ซึ่งเป็นความลับและไม่ชอบด้วยกฎหมายมากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อปี
จากการผลิตและจำหน่ายยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมทแอมเฟตามีน ธนบัตรปลอมคุณภาพสูง การค้าอาวุธ และแม้กระทั่งบุหรี่

ออฟฟิศ 39 ได้ปฏิบัติการโดยประสบผลสำเร็จภายใต้การจับตามองของสื่อของโลกมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
แต่เอื้อมมือของออฟฟิศ 39 นั้นกว้างใหญ่ ในข่าวซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555
โครงการเฝ้าติดตามกลุ่มผู้นำเกาหลีเหนือ [เอ็นเคแอลดับเบิลยู] ได้อธิบายถึงออฟฟิศว่าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานบนชั้นสาม
พร้อมด้วยออฟฟิศ 35 และออฟฟิศ 38 ซึ่งดำเนินงานโดยตรงภายใต้สำนักเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ

แต่แล้วเหมือนมุมเบอรแรงที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

นักเคมีหลายคนของออฟฟิศ 39 ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากสามเหลี่ยมทองคำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ได้กลายเป็นผู้ประกอบกิจการ และค้าขายยาเสียเอง
ทำให้สังคมภายในประเทศของเกาหลีเหนือ เต็มไปด้วย เมทแอมเฟตามีน ที่วางจำหน่ายเพื่อผลกำไร

“หน่วยปฏิบัติงานของสำนักงานชั้นสาม ซึ่งประจำการอยู่ในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งซื้อสินค้าหลากหลายชนิดให้กับผู้นำของดีพีอาร์เค และรวบรวมข่าวกรอง โดยอยู่นอกเครือข่ายข้อมูลที่กำหนดให้ใช้เฉพาะกิจของดีพีอาร์เค” โครงการดังกล่าวระบุ

เอ็นเคแอลดับเบิลยู อธิบายถึงหน้าที่การทำงานของออฟฟิศ 39 ว่าเป็น
“ผู้จัดการขั้นแรกของเครือข่ายบริษัททั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่หารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ เพื่อเศรษฐกิจที่สามของประเทศ”
ออฟฟิศ 39 ในเบื้องต้นจำหน่ายทองคำและแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ จากเหมืองของดีพีอาร์เคในช่วงทษวรรษที่ 1970 รายงานระบุ

เหมืองนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายให้แรงงาน เพราะทุกคนที่ทำงาน คือคนที่ถูกลงโทษโดย DPRK
ภาพโฆษณาชวนเชื่อของเหมืองแห่งหนึ่งในเกาหลีเหนือ

ออฟฟิศ 39 “ได้กลายมาเป็นแผนกอิสระของพรรคอย่างเป็นทางการในพ.ศ. 2531 [ตั้งแต่นั้นมา] บริษัทภายใต้ออฟฟิศ 39
ได้เกี่ยวพันกับขบวนการค้าบุหรี่ การฉ้อโกงด้านเอกสารและการประกันภัย การปลอมแปลงธนบัตร
และการผลิตและลักลอบจำหน่ายยาเสพติด [ฝิ่นและเมทแอมเฟตามีน]” เอ็นเคแอลดับเบิลยู ระบุ

“ผู้อำนวยการคนสุดท้ายของออฟฟิศ 39 ที่เป็นที่รู้จักกันคือจอนอิลชุน” เอ็นเคแอลดับเบิลยู ระบุ “ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 จนกระทั่งพ.ศ. 2553
คิมทองอึนทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานออฟฟิศ 39 นายคิม [นักธรณีวิทยาโดยอาชีพ] เป็นผู้จัดการตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งสำนักงานในทศวรรษที่ 1970 ในพ.ศ. 2553 จอนอิลชุนได้รับตำแหน่งแทนนายคิม นายจอนเป็นรองผู้อำนวยการอาวุโสของออฟฟิศ 39 ตั้งแต่พ.ศ. 2541 ถึง 2553
นายคิมและนายจอนเป็นประธานและรองประธานของกลุ่มเศรษฐกิจแทซองตามลำดับ”

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่คิมจองอิลได้เลือกนักอุตสาหกรรมระดับสูงสุดของประเทศสองคนเพื่อมาบริหารหน่วยงานรัฐบาล
ซึ่งซ่อนเร้นและเป็นความลับขั้นสุดยอดแห่งนี้

ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา กิจกรรมของออฟฟิศ 39 ยังคงดำเนินอยู่และยังขยายตัวต่อไป
ดูเหมือนว่าสำนักงานนี้กำลังปล่อยเมทแอมเฟตามีนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนรวมทั้งในตลาดญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

แต่กิจกรรมเหล่านี้ก็กำลังสร้างผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นตามมาสำหรับเปียงยาง
กิจกรรมเหล่านี้อยู่เบื้องหลังมาตรการของโตเกียวที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งต่อต้านธนาคารและบริษัทของเกาหลีเหนือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการผิดกฎหมาย

ในขณะที่จีนก็กำลังเข้มวงดกับเรื่องความมั่นคงตามแนวพรมแดนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการไหลบ่าของยาเสพติดร้ายแรง
ที่ผลิตในเกาหลีเหนือเข้ามาในดินแดนของจีน

นั่นคือการบีบให้ผู้ผลิตยาเมทแอมเฟตามีนต้องปล่อยผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ผู้คนชาติเดียวกัน
ปัจจุบัน เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์ กำลังบ่อนทำลายสังคมที่ครั้งหนึ่งเคยมีความภาคภูมิใจและเป็นสังคมที่เคร่งครัดของเกาหลีเหนือ
มีการประเมินกันว่าประชากรเกาหลีเหนือมากถึงสองในสามของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ราว 25 ล้านคนใช้เมทแอมเฟตามีน
หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า “ยาไอซ์” หรือ “บิ๊กดู”

นักเคมีชาวเกาหลีเหนือรู้จักการปรุงยาไอซ์มานานกว่าทศวรรษและได้แอบส่งยาเสพติดชนิดนี้เข้าไปยังแมนจูเรีย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนซึ่งมีพรมแดนติดกัน
นักเคมีส่วนมากเหล่านี้เรียนรู้การค้านี้จากการทำงานให้กับโครงการอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งส่งออกยาเสพติดร้ายแรง
เป็นสินค้าส่งออกเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด

รัฐบาลเปียงยางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นการค้าลับ ๆ อันผิดกฎหมายนี้ตลอดระยะเวลาส่วนใหญ่ของทศวรรษที่ผ่านมา
เนื่องจากสินค้าผิดกฎหมายชนิดนี้ทำรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม นโยบายอันแอบแฝงนี้ได้ส่งผลตรงกันข้ามต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ จีนในช่วงหลายปีมานี้เริ่มที่จะเข้มงวดกวดขัน
กับการควบคุมตามพรมแดนมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่การลักลอบนำเข้าทั้งผู้คนและสินค้าผิดกฎหมายออกจากเกาหลีเหนือ
เข้าไปยังแมนจูเรีย ในการตอบโต้มาตรการนี้ บรรดาผู้ผลิตยาไอซ์ลับ ๆ ทั้งหลาย
จึงจำหน่ายสินค้าของพวกเขาให้ตลาดในประเทศของเกาหลีเหนือเอง
พ่อค้ายาเสพติดได้ค้นพบตลาดขนาดมหึมาและมีความต้องการอย่างมาก

รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการถึงการยอมรับว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการติดยาเสพติด
และไม่ได้เปิดเผยตัวเลขของการแพร่ระบาดดังกล่าวแต่อย่างใด
แหล่งข่าวกล่าวว่าที่จริงแล้วผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือเกือบจะทุกรายในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาที่เธอเคยพูดคุยด้วยนั้น
ได้อธิบายถึงธรรมชาติของปัญหานี้ซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง


หนังสือพิมพ์ โชซุน อิลโบ ของเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมว่าการค้ายาเสพติด
ซึ่งไม่เคยเป็นที่รู้จักในเกาหลีเหนือมาก่อนเลย the 1997-98 กำลังแพร่ระบาด
การศึกษารายละเอียดทางสังคมของการค้าประเวณีและการใช้ยาเสพติดที่แพร่ไปทั่วมักจะมาด้วยกันและสนับสนุนซึ่งกัน

หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลเปียงยางได้ดูแลการผลิตยาเสพติดร้ายแรงมาเป็นเวลานานสำหรับส่งออก
เพื่อหารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศสกุลหลักที่ต้องการ

“มีโรงงานผลิตยาเสพติดในเขตซูนันในเปียงยางและมุนชอน จังหวัดกังวอน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายเพื่อการจำหน่ายในต่างประเทศเฉพาะ
เพื่อหารายได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับระบอบ” หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวระบุ


“สังคมเกาหลีเหนือทั้งสังคมกำลังได้รับผลกระทบจากยาเสพติดผิดกฎหมาย” ผู้แปรพักตร์อีกรายหนึ่งกล่าวกับหนังสือพิมพ์ โชซุน อิลโบ โดยไม่เปิดเผยชื่อ “คนรวยบางคนใช้มันเพื่อลดน้ำหนักและคนอื่น ๆ ใช้มันเพื่อรักษาไข้หวัดและความเหนื่อยล้า ผู้คนมองยาพวกนี้ว่าเป็นยามหัศจรรย์ในเกาหลีเหนือ”

การใช้ยาเสพติดผิดกฎหมายนั้นมีอยู่ทั่วไปในบรรดาชนชั้นนำของสังคมเกาหลีเหนือ รายงานของเกาหลีใต้ระบุ

“แหล่งข่าวกล่าวว่าในการแข่งขันกีฬาครั้งหนึ่งในพ.ศ. 2555 เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของคิมจองอิล ผู้นำผู้ล่วงลับ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์นั้น
ในการตรวจการใช้สารกระตุ้นมีการตรวจพบสารเสพติดในนักกีฬามากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์” รายงานของเกาหลีใต้ระบุ

“คนที่ทำเงินได้ [จากการส่งออกยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย] พวกเขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี หลังจากนโยบายปรามปรามที่เข้มงวดของญี่ปุ่นและจีน
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจำหน่ายยาเหล่านั้น … ภายในประเทศเกาหลีเหนือ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวเกาหลีเหนือจำนวนมาก ก็เริ่มใช้ยาไอซ์”

สรุปแบบสั้นๆ เหตุการณ์ที่ชาวเกาหลีเหนือติดสารเสพติดจำนวนมาก เพราะมาจากสินค้าที่ไม่สามารถส่งออกได้
จึงทำให้ต้องระบายยาในประเทศแทน

ยิ่งคนติดยา ยิ่งเสริมความมั่นคงให้ตระกุลคิม กับลัทธิบูชาบุคคลรอบคิม จ็อง-อึน ดั่งประโยคที่ชาวเกาหลีเหนือคุ้นเคยกันดี

"บุคคลยิ่งใหญ่จุติจากสวรรค์ เราสัญญาทั้งน้ำตาที่หลั่งไหลเรียกคิม จ็อง-อึนว่า ผู้บัญชาการสูงสุดของเรา ผู้นำของเรา"
แก้ไขล่าสุดโดย Caramel Macciato เมื่อ Sat Sep 04, 2021 22:52, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกบอร์ด >> Office 39 แหล่งทำเงินของเกาหลีเหนือ
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel