ขอบคุณทุกความคิดเห็นจะทำตามที่ทุกๆท่านแนะนำมาครับ

จากประสบการณ์ตัวเองนะครับ

ผมย้ายจากโรงเรียนไทยทั่วไปไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษตอนป.4 จบ จำได้เลยว่าตอนสอบย้ายไป ผมต้องไปเรียน Grade 4 อีกรอบนึง เพราะเราไปไม่ไหวในเรื่องภาษาจริงๆ (ซึ่งในกรณีของลูกคุณไม่น่าจะทำได้) ก็เลยเหมือนต้องมาซ้ำชั้นก่อน

แต่อย่างที่มีคนแนะนำครับ เรียนพิเศษครับ หาลงเรียนกับลูกไปเลยครับ เพราะป๊าผมก็จบปวส.ภาษาอังกฤษไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยังเรียนกับผมและยังสอนผมรอดเลยครับ

และสุดท้าย อย่ากดดันเด็กและอย่ากดดันตัวเองนะครับ ถ้าลูกเราเรียนไม่ไหวก็ลองพยายามดันดูนิดนึง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็พาออกมาครับ กดดันเด็กมากไปเด็กจะพาลเกลียดการเรียนไปเลยครับ หรือถ้าตัวเราไม่ไหวก็ลองพยายามดูด้วยเช่นกันนะครับ ทำ self-check บ่อยๆ ช่วยได้เยอะมากครับ

ข้อแรก พยายามปรับตัวช่วยลูกครับ อย่ากลัวอย่าหนี(อย่างผมก็ไม่เก่ง พยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษการ์ตูนวอลดิสนี่ย์ให้ลูกฟังก่อนนอน ลูกยังเถียงเลย พ่อแปลผิด55 แต่ผมก็ไม่อายนะ) พยายามงูๆปลาๆช่วยเขาไปก่อน


ข้อสอง ส่งลูกเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เน้นกลุ่มที่คนน้อยมากๆ และเน้นสนทนามากกว่าอ่านเขียน (พยายามหาครูไทยที่สำเนียงดีๆ เหมือนๆ ก่อนครับ อย่าเพิ่งส่งไปเรียนกับเจ้าของภาษา เพราะเราสามารถสื่อสารกับครูได้ด้วย ถึงพัฒนาการของลูกและสิ่งที่ต้องปรับปรุง พอลูกเราเก่งค่อยส่งเรียนกับเจ้าของภาษา)

ข้อสาม อย่าไปสงสารเขาครับ เขาต้องเจออะไรอีกเยอะ ต้องช่วยให้เขาผ่านจุดลำบากไปได้บ่อยๆ เขาจะชินกับความกดดันไปเอง ที่สำคัญอย่าไปซีเรียสเรื่องเกรด และผลการเรียนของเขา อันดับเขาไม่ดีแน่ๆ ดูพัฒนาการสำคัญกว่า


สุดท้าย เป็นกำลังใจให้ครับ พ่อที่มีความคิดแบบท่าน จะช่วยให้อนาคตมีสังคมดีๆ ประเทศดีๆ มีสังคมคุณภาพครับ



ปล.ผมมีข้อแม้กับลูก ถ้าอยากดูการ์ตูน ต้องดูที่เป็นภาษาอังกฤษ จากเมื่อก่อนดูแต่ภาพแล้วงอแงบอกไม่รู้เรื่อง ผ่านไปสามปี ดูการ์ตูนเนื้อหารู้เรื่องหมดแล้ว

ยกเว้นหนังโรง พวกนี้รัวจัด ศัพท์เฉพาะเยอะ เด็กยังงง ผมก็จะให้ดูพากย์ไทยครั้งแรกก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ให้ดูเสียงอิ๊งไปตลอดที่อยากดูซ้ำ

อ่านคอมเม้นทุกคนแล้วผมมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณจริงๆ

อย่าลืมให้ลูกดูการ์ตูนแต่ภาษาอังกฤษนะครับ ห้ามดูภาษาไทย

คือผมก็ไม่ได้มีลูกนะครับ เเต่ผมว่าเเค่สร้างสภาพเเวดล้อมที่มีภาษาอังกฤษให้เด็ก อย่าไปยัดวิชาการเยอะครับเด็กมันจะเบื่อ สื่อเดียวนี้มันเยอะหาอย่างง่ายสมัยนี้ การ์ตูน หนัง ซีรีย์ เกม เปิดการ์ตูนภาษาอังกฤษให้ลูกนั่งดู หรือเปิดทิ้งไว้ให้มีเสียง เด็กมันจะซึมซับเอง

นึกถึงตัวเอง ป.1ยังไม่ได้เรียนENGเลย กว่าจะเรียนจริงๆป.3เปล่าผมไม่เเน่ใจ การ์ตูนนี่ไม่มีหรอกครับภาษาบ้านไม่ได้ติดเคเบิ้ล วันหยุดดูช่อง9การ์ตูน วันธรรมดาเช้าดูเจ้าขุนทอง เย็นดูอิคคิวซัง 5555+ เน็ตตอนนั้นก็64k บ้านผมพ่อเเม่ไม่ใช้เน็ตด้วย

ขอเเค่ให้เด็กซึมซับภาษาไว้ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล โตมาฟังพูดได้เเน่ ต่ำๆเลยพอสื่อสารได้เเน่ผมว่า
เรียนภาษาต้องเริ่มจากฟัง-พูด ยิ่งเริ่มตอนเด็กง่ายกว่ามาเริ่มตอนโต

ถ้าเป็นผมจะปรึกษาโรงเรียนก่อนเลยครับ
อย่างน้อยคือให้เค้ารู้ปัญหาของเราก่อน

ส่วนตัวเรียน EP บอกได้เลยว่าคุ้มสุด

แต่ต้องดูด้วยว่า รร จัดโครงการมีมาตรฐานมั้ย

อาจารย์ผู้สอนคัดมาแบบไหน ผลการเรียนนักเรียนก่อนๆเป็นไงบ้าง

ถ้าลูกไม่ได้เริ่มตั้งแต่เตรียมอนุบาล บอกเลยว่าต้องเหนื่อยหน่อย
ลูกผมเริ่มตั้งแต่ สองขวบแล้ว ตอนนี้ 3 ขวบครึ่ง วันนี้เรียนออนไลน์วันแรก สบายๆเลย แต่ต้องนั่งคุมนิดหน่อย

พ่อแม่ต้องพร้อมเรียนไปกับลูกครับ

ผมว่าพยายามเรียนไปกับเค้าครับ หยิบหนังสือเรียนเค้ามาอ่านทำความเข้าใจบทเรียนก่อนเค้าครับ ทั้งตัวท่านและภรรยาจะได้คล่องก่อนไปสอนลูกอีกที เพราะจากที่อ่านเหมือนลูกท่านเรียนตามเพื่อนในชั้นไม่ทัน ผมว่ามันจะเป็นแค่ช่วงชั้นปีแรกเท่านั้นแหละครับ แต่ท่านต้องออกแรงเยอะเลย

การ์ตูนเด็กภาษาอังกฤษน่าจะช่วยได้นะครับ

แล้วก็พยายามหากิจกรรมพวกเล่นเกมที่เป็นภาษาอังกฤษแบบเปิดภาพ ทายรูปศัพท์ภาษาอังกฤษอะไรแบบนี้

แล้วจขกทก็เรียนตามไปด้วยเลยในตัว เรียกว่าช่วยกันเรียนกันสอนละกันครับ

หาเวลาเรียนคู่ไปกับลูกเลยครับ เค้าจะได้กดดันน้อยลง
พวกสื่อต่างๆ ให้ดูได้ แต่ให้ดูภาษาอังกฤษล้วนๆเท่านั้น

เด็กปรับตัวและเรียนรู้เร็วครับ เราต้องช่วยเค้าให้เต็มที่
เราเองก็ต้องอ่านฟังพูดกับเค้าด้วย งงงงกันบ้าง ก็ค่อยๆไปครับ

ไม่ต้องไปเร่ง - ไปเปรียบเทียบกับใครนะครับ แค่ไหนแค่นั้น ทำทุกวันเดี๋ยวคล่องเองครับ

ตอนนี้ลูกสาวผม 7 ขวบ เลยผมไปไกลแล้ว
- ทุกวันนี้สอนผมออกเสียงให้ถูกต้อง + ช่วยแปลคำที่ผมรู้ซะด้วยครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ