ทั้งเรื่อง ราคา แถมต้องมาเอาใจแฟนlocalอีก จะมีคนสนใจซื้อหรอ
ต้องเป็นมูลนิธิแล้วหละ

เศรษฐีจากไทยแลนด์

เสี่ย


















บ่อน้ำมัน

คนสนใจซื้อมันมีแหละครับ แต่ในภาวะแบบนี้มันเสี่ยงเกินไปที่จะเสียเงินขนาดนั้น

เงินระดับ 2 แสนล้านบาทนะครับ

4พันล้านปอนด์คือแพงไปมากสำหรับทีมกีฬา อาจต้องใช้เวลา20ปีอะกว่าจะคืนทุน หวังจะให้คนมาเทคแล้วลงทุนต่ออีกมันยาก

แฟนโลคอลไง รวมตังกันไปซื้อสิ

ไม่ต้องขายแบบ Ownership ก็ได้ แค่เอาหุ้นที่มีส่วนในการตัดสินใจมาวางขายดูสิ

ตอนนี้ที่ขายๆอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์กมันแค่หุ้นกลุ่ม A ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ

อีกข้อที่แฟนคลับเรียกร้องมันก็คือ 50 + 1 แบบของบุนเดสนั่นแหละ (50% + 1 หุ้น)

ถามว่าทำไมทำแบบนี้ก็เพราะอย่างน้อยมันจะให้เห็นหัวแฟนบอลบ้าง ไม่ใช่เงินไม่ควักแต่สูบเอาผลประกอบการกลับไปทุกที

เศรษฐีตะวันออกกลาง ไม่ก็พวกอภิมหึมามหาเศรษฐีแฟนพันธ์แท้แมนยูเท่านั้นหละมั้ง ไอพวกที่ออกมาด่า ออกมาประท้วง

ออกมาทำลายข้าวของ หรือแม้กระทั่งกูรูปากหมาตำนานสโมสร พวกนี้ไม่มีเงินซื้อหรอก เงินระดับนั้น

คนสนใจมีเยอะแหละ แต่ไม่มีใครกล้าสู้ราคาหรอก


ถ้ามีคนกล้าสู้ราคาก็คงซื้อไปนานแล้ว ไม่มารอช่วงเศรษฐกิจโลกพังแบบนี้

ที่เคยมีข่าวก็เซอร์จิม แร็ตคลิฟฟ์ เศรษฐีอันดับ 1 ของอังกฤษ กับเจ้าชายซาอุ

ถ้าประกาศชัดเจนเลยว่าขาย แต่งตั้งนายหน้าจริงจังเลยผมว่ามี

เรามาหารกันมั้ยครับ ผมมีให้ 69 บาท

ใครจะซื้อต่ออันนี้ไม่รู้นะ ..... แต่ผมมองว่ามันต้องทำธุรกิจให้เกิด Sustainability อะ .... คือ ควรจะฟังผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่เอาใจคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ... แน่นอนไม่เถียงว่าการซื้อแมนฯยูฯ ของเกลเซอร์เป็นการทำธุรกิจที่คุ้มค่าเอามาก ๆ ในมุมมองของนักลงทุน ... แต่ก็เถียงไม่ได้นะว่า แฟนบอลไม่มีส่วนในการขับเคลื่อนทีมให้มาถึงจุดที่แข็งแกร่งได้อย่างในปัจจุบัน เป็นส่วนสำคัญด้วย เงินแฟนบอลทั้งนั้นที่ซื้อของ จ่ายค่าตั๋ว ...

ผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มมันขัดกันได้อยู่แล้ว ... แต่ถ้ามันขัดกันมาก ๆ มันก็ทำธุรกิจยากไง เหมือนโรงงานปล่อยน้ำเสีย จะบอกว่าเรื่องของโรงงานก็ไม่ได้ มันมีคนที่ได้รับผลกระทบทั้งทางกายและทางใจ ... ตอนนี้แฟนบอลเค้าเสียใจ เค้าอยากระบายออก วิถีทางมันอาจจะดูแรงไปในมุมมองของใครหลายคน แต่ก็มีเหตุจากที่เจ้าของไม่เคยรับฟังอะไร การเรียกร้องแบบเดิม ๆ มันก็ใช้ไม่ได้ ... สุดท้ายก็อย่างที่เห็น

โอ









.
.
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
.

.
...
.
ละน้ออออ

ถ้าซัก 10-15 ปีที่แล้ว โทนี่ วูดซั่ม น่าจะสนใจอยู่