อาชีพนี้เทียบกับสายงานอื่นในวิศวะเป็นไงบ้างครับ ความก้าวหน้าเทียบกับพวก ไซต์งาน ได้ไหม
เห็นส่วนใหญ่จบมา ไม่ค่อยมีใครสนใจสายงานนี้กันเท่าไหร่
แล้วมันใช้ความรู้ด้านไหนบ้างครับ ผมเรียนเครื่องกลอยู่
เห็นส่วนใหญ่คนทำงานสายนี้เป็น วิศวะไฟฟ้า กัน

แต่เอาจริงผมไปนั่งฟัง job fair ของมอมา แล้วโคตรสนใจเลย กลัวโดนขายฝัน
ดูมีอิสระดี แถม ได้ติดต่อคนอื่น สร้าง conection เผื่อสักวันจะได้มีบริษัทเป็นของตัวเองบ้าง
ท่านใดมีความรู้เกี่ยวกับสายงานนี้มาบอก ข้อดี ข้อเสีย ผมหน่อย

ข้อดีก็รายได้ไม่มีเพดาน ขายได้เยอะ ก็ได้เยอะ
ข้อเสียถ้าขายไม่ได้ก็เครียดเลย

ก็ดีนะ แต่ภาวะแบบนี้ จะขายอะไรให้ใครครับ พูดแล้วเซ็ง รบหค.!!

คนละเรื่องกับ engineer ตามโรงงานเลยครับ

ความจริงมันก็คือ sales เนี่ยแหละ ต้องไปพบลูกค้า ติดต่อลูกค้า เพียงแค่ว่ามีความรู้ด้าน engineer มากขึ้นแค่นั้นเลย scope งานอื่นๆผมไม่ทราบ

เงินเดือน+ ค่าคอมก็เยอะอยู่ จากที่คุยกับ sales engineer มาหลายๆคน แต่ก็ยังสู้พวก site ไม่ได้


ความมั่นคงยังไงก็สู้สายงานประจำไม่ได้ เรียกว่าคล้ายๆ sales เลยล่อนไปทั่ว ย้ายบริษัทเป็นว่าเล่น ( แต่ที่มั่นคงก็อาจจะมีมั้ง ) เพราะ sales engineer มันก็คือเซลที่ต้องทำยอด ถ้าบริษัทไม่มีกำไร ก็อาจจะเริ่มโละคนออก หรือลดเงินเดือน ลดโบนัส


ข้อดีข้อเสีย sales engineer คงไม่ต่างกับ sales ทั่วไป ( คหสต )

ข้อดี
- อิสระเพราะเป็น sales มีเวลาว่างเยอะกว่างานประจำที่ on site
- ได้ค่าน้ำมันต่อเดือนแล้วแต่บริษัท ส่วนใหญ่น่าจะเดือนละ 10000+
- ทำยอดได้มากก็เป็นผลดีกับค่าคอม
- หางานง่าย รับคนง่าย

ข้อเสีย
- ต้องได้ยอด กดดัน
- ไม่มั่นคง เช่น สถานการณ์ covid แบบนี้ ทำให้พบปะลูกค้ายาก กำไรบริษัทลดลงส่งผลโดยตรงต่อเรา

จากประสบการณ์ตรงผมเป็นจัดซื้อ sales ทุกคนและ sales engineer ย้ายบริษัทกันเป็นว่าเล่น ไม่ค่อยเห็นคนที่อยู่นานถึง 5ปีเลย

ผมว่า Sales Engineer ที่เป็นสาย IT นี่ขาดตลาดนะ เงินดีด้วย มั่นคงนะ สำหรับผมอ่ะ

ช่วงโควิดก็จะยากหน่อยสายงานsale

ผมมีคนรู้จักเป็น Sales Engineer สองคน และทุกวันนี้ทั้งคู่เป็นระดับ Director แล้วนะครับ เป็นสายงานที่เหนื่อย กดดัน ไล่ตามเป้า แต่รายได้ดีครับ

โดยคนนึงเป็น Sales Eng สาย IT มีปีๆนึงที่ดีมากๆ ขายปีเดียวค่าคอม+โบนัส ถอยเบนซ์ป้ายแดงเงินสดได้เลยครับ แต่กับอีกคนนึง อันนี้เซลล์สายโรงงาน รายได้ดีสู้อีกคนไม่ได้ แต่กินเหล้าดีเที่ยวดีตลอด เพราะบ.มีงบเอนเตอร์เทนลูกค้าให้ค่อนข้างเยอะ ก็ถือว่าได้คุณภาพชีวิตครับ

การทำงานมันก็คือเซลล์ครับ ขายเครื่องจักร ขายระบบ แต่ต้องพ่วงความรู้วิศวะเข้าไป รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ช่วยลูกค้าคิดว่าโจทย์แบบนี้เราควรจะ offer อะไร และ/หรือเสนอระบบที่แก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ครับ

ส่วนตัวแล้ว ถ้าให้เลือกเป็นวิศวะโรงงานกะเป็นเซลล์ฯ ผมเลือกสายเซลล์ครับ ต่อยอดไม่ยาก คุณขาย A ได้ คุณก็ขาย B ได้เหมือนกัน (อาจจะดีไม่เท่าหรือดีกว่า แต่มันขายได้ทั้งนั้นถ้ามีสกิล)

Career Path คนละแบบกันเลยครับ

คุณชอบงานขายไหมล่ะครับ แค่นั้นเอง

ข้อดีข้อเสีย ก็คือโครงสร้าง นั่นแหละครับ

สายโรงงาน

ข้อดีคือ Career Path ชัดเจน แต่การก้าวหน้า ชัดแจน แต่ จำกัด จะถูกซื้อตัวก็ยาก เพราะเศรษฐกิจไม่ดี

ก้าวหน้า ชัดเจน แต่จำกัดคือ สมมติ คุณจบใหม่ ได้ทำงาน PTTGC, SCG คุณก็คงประเมินได้ว่า อายุประมาณเท่าไหร่ คุณจะได้เงินเดินประมาณเท่าไหร่ ตอนไหนน่าจะได้เลื่อนเป็นผู้จัดการ ส่วน ฝ่าย


สำหรับสาย Sales ข้อดีคือ ก้าวหน้าเร็วตามผลงาน แต่ก็เป็นข้อเสียด้วย ถ้าทำผลงานได้มาตรฐาน ก็จะถูกระบบกลืนหายไป ข้อดีอีกอัน ไม่มีเพดานรายได้ ข้อเสียหลักๆคือ เรื่องของเวลา ถึงแม้เป็นวันลา วันหยุด ถ้าลูกค้ามีปัญหา ก็ต้องแก้

ส่วนตัวผม อยู่สาย Sales ขายงานเกี่ยวกับ ระบบ Utility ในโรงงานอุตสาหกรรม ทำรายได้เกิน 1 ล้านบาท ตั้งแต่อายุ 25

โปรโมท ขึ้นมาตามขั้น เงินเดือนเพิ่ม แต่รายได้จากค่าคอมจะลดลง (ิิดวิ่งงานเองน้อยลง)

ตอนนี้ 32 ผมไม่ออกวิ่งแล้วครับ 5555 นั่งนิ่งๆให้ลูกน้องออกวิ่งแทน

เท่าทีรู้รายได้ดีเลย แต่ต้องพูดเก่งๆเลยอะ
ผมรู้ตัวว่าไม่ค่อยชอบพูด ถ้าต้องทำมันฝืนตัวเองมากๆ เลยไม่เอาดีกว่า

คนส่วนใหญ่ไปเน้นสาย ไซต์งาน กับ โรงงานมากกว่า

โอทีกระจุย เด็กจบใหม่ๆ สตาท 20000 ได้อยู่โรงงานนิคมดีๆ รวมโอ+นั่นนี่ เฉียดๆ 50000ได้อยู่


ส่วนไซตที่เคยทำอยู่แค่นิดเดียว โอทีไม่จำกัดเลยเลิกตอนไหนก็ได้


ปล.แต่เซลล์ก็โดนซื้อตัวได้ง่าย เพราะ ถ้าซื้อตัวเซลล์เก่งๆมาก็ได้คอนเนคชั่นที่เซลล์คนนั้นมีมาด้วย

ผมทำสาย Engineer อยู่สิบปีครับ ไม่มีแบบไหนไม่กดดันนะครับ เริ่มต้นลองเลือกที่ตัวเองสนใจก่อนครับ แล้วประเมินคร่าวๆก่อนว่าเนื้องานแบบนี้เราจะทำได้ดีมั้ย ถ้าไม่ใช่ให้เปลี่ยนครับ ไม่ต้องยึดติด

ที่บริษัทยังรับเซลล์ไหมครับ ผมอายุ 36 เป็นเซลล์มา 10 กว่าปี ถ้าสายโรงงานเคยขายน้ำมันหล่อลื่นมา2ยี่ห้อครับที่ดีลกับโรงงานโดยตรง (ที่เหลือขายด้านยานยนต์ พวกอู่รถ อู่สีครับ)

ตอนนี้กำลังกลับมาหางานประจำทำครับ ลองสอบถามดูเผื่อมีช่องทางครับ

ส่วนใหญ่ที่รู้จักจะขายตามไซต์งานหรือไม่ก็ขายบริษัทด้วยกัน คอมดีอยุ่น้าา

ช่วงนี้ พูดกันตามตรง บ.ไม่รับคนเพิ่มเลยครับ ทีมใครลาออก คนในทีมต้องมาซัพพอร์ตแทนครับ

ส่วนตัวจบมาก็ทำสายงาน Sales Engineer อยู่เกือบๆ 5 ปี ในบริษัทชื่อดังแห่งนึง

ยังไงจะลองแชร์ประสบการณ์ให้ฟังคร่าวๆละกันครับ

Sales Engineer จริงๆ มีหลายแขนงมาก มันขึ้นอยู่กับว่าท่านสนใจบริษัทไหน ขายอะไร

บางบริษัท เน้นปิดดีลใหญ่ ดีลกันทีนึงหลัก 10ล้าน 100ล้าน 1000ล้าน แต่ขายได้ไม่บ่อย
โดย nature แล้ว ก็ต้องตีซี้ลูกค้า มีงบเอนเตอร์เทน เน้นคอนเนคชั่น ส่วนใหญ่แนวนี้บริษัทใหญ่จะได้เปรียบ
การทำงานโดยภาพรวมๆ บริษัทแนวนี้จะออกแนวสบายๆ อิสระเยอะมาก
แต่ด้วยความที่ดีลนึงมันใหญ่มาก ลูกค้าก็มักจะ demanding มากๆเหมือนกัน ก็อาจจะมีความกดดันตรงนั้น
ข้อเสียคือ เด็กจบใหม่จะได้โอกาสไม่มาก แน่นอนว่าเงินเดือน ค่าคอมต่างๆก็เช่นกัน
ข้อดีคือ ถ้าอยู่ไปนานๆจนได้โอกาส โอกาสการเติบโตก็ไกลมากๆ รายได้ก็เช่นกัน

บางบริษัทเน้นขายของจุกจิก มีแบรนด์ คนในโรงงานรู้จักกันดี
แบบนี้เซล ก็ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจอะไรก็ขายได้ พวกนี้เงินเดือนจะไม่สูง คอยกินค่าคอมเอา
อนาคตถ้าอยู่ไปนานๆก็โอเค แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ขึ้นไปในระดับสูงๆซักเท่าไหร่
เค้าจะไปถึงตัวของบริษัทดังๆมาเป็นระดับ Manager หรือ Director ขึ้นไป
เหตุผลเพราะพอทำงานชิวๆไปนานๆจนชิน ก็จะไม่เกิดการพัฒนา วินัยเสีย ต่างๆ
จนไม่เก่งเท่า Sales บริษัทใหญ่ๆ

บางบริษัท เช่นบริษัทญี่ปุ่นที่ดังๆ หรือบริษัทฝรั่งหลายๆบริษัทที่ดังๆ
พวกนี้เงินเดือนสตาร์ทเด็กใหม่ มีตั้งแต่ 30,000 ไปจนถึง 50,000
บริษัทญี่ปุ่นบริษัทนึงเบ็ดเสร็จเด็กจบใหม่จะได้ราวๆ 6X,XXX ขึ้นไป
บริษัทฝรั่งบางบริษัท เด็กจนใหม่มีโอกาสได้ตั้งแต่ 3X,XXX ไปจนถึงหลักแสน
พอสั่งสมประสบการณ์ไปซัก 3 ปี ถ้าฝีมือถึง ย้ายงานก็เงินเดือนแตะแสนได้สบายๆครับ
ข้อดีคือ มีโอกาสได้เงินเดือนหลักแสน หรือหลายแสน ตั้งแต่อายุน้อยๆ
ข้อเสียคือ งานหนักมากๆ ลูกค้าก็จะ Demanding มากๆเหมือนกัน
ต้องเดินทางต่างจังหวัดบ่อยๆ พอถึงจุดอาจจะโดนย้ายไปไกลๆ เช่น ชลบุรี ระยอง
ซึ่งถ้ามีแฟน หรือต้องการอยู่กับครอบครัวอาจจะไม่ง่าย

โดยสรุป ผมขอเทียบบริษัท Sales Engineer ที่เป็นระดับท้อปๆหน่อย กับ พวกไซด์งานระดับท้อปๆละกัน

Sales Engineer
ข้อดี
- เงินดีกว่ามากในระยะสั้น และส่วนใหญ่จะในระยะยาวด้วย
- งานมีอิสระ ค่อนข้างมาก (ถึงแม้จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ดังๆ อิสระก็ยังมากกว่าพนักงานออฟฟิส หรือไซด์งานเยอะ)
- ทำงานดีได้เงินเยอะ ทำงานแย่ได้เงินน้อย KPI ชัดเจน
ต่างกับพนักงานทั่วไปที่ ทำดีทำแย่ เงินเดือนพอกัน (ในระยะสั้นๆ 3ปี 5ปี)
- การเติบโตก้าวกระโดดเร็วกว่าพนักงานโรงงานมาก
เฉลี่ย 3 ปีแรก ถ้าทำงานได้ เบสเงินเดือนขยับเฉลี่ยปีนึงต่ำๆ 4-5 พัน
ถ้าใครได้ต่ำแหน่งก็บวกไปอีก 2หมื่น 3หมื่น บริษัทฝรั่งบางบริษัทมีโอกาสได้ถึง 4หมื่น
- งานสนุกไม่จำเจ ได้ออกไปที่ต่างๆ ถึงแม้จะทำงานไปหลายปี แต่มีอะไรใหม่ๆเสมอ
ไม่ใช่ทำแต่เรื่องเริ่มๆ ซ้ำๆ เป๊ะๆ ตลอด
- Skillset ของ Sales สามารถเอาไปใช้ต่อยอดได้ตลอด แม้จะเปลี่ยนสายงาน ไปงานไหนก็ตาม
- ถ้าอยู่ในบริษัทระดับท้อปแล้วมีฝีมือ ย้ายงานเพิ่มค่าตัว ทำได้ตลอดเวลา บริษัทมีให้เลือกเยอะแยะ
ข้อเสีย
- งานมีความกดดัน ต้องทำยอด
- ลูกค้า 70% 80% น่ารักไม่มีปัญหา แต่อีก 20% 30% ปัญญาอ่อน
ซึ่งแรงกายแรงใจ 80% จะต้องไปทุ่มกับไอ่พวก 20-30% นี้แหละ ซึ่งจะปวดหัวมากกกๆ
- ต้องเดินทางบ่อย อาจจะต้องเดินทางกันวันนึง 300 400 กิโล หรือมากกว่านั้นบ้างเป็นบางครั้ง
- ความมั่นคงไม่สูงมาก บริษัทฝรั่ง ถ้าทำไม่ได้ก็เด้งเลย
ยกเว้นบริษัทญี่ปุ่น ที่ถ้าขายแย่ยังไง เค้าก็เลี้ยงไว้ แต่จะกดดันหนัก จนส่วนมากถ้าแก้ไม่ได้ เดี๋ยวก็ออกไปเอง
- ในระยะยาว ส่วนใหญ่ ยังไงก็ต้องขายอยู่ดี ทำให้ต้องเหนื่อยไปเรื่อยๆ
มีไม่มากนัก ที่ขึ้นไปจนไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการขายเลย ทำแค่การคุมทีม วางกลยุทธ การตลาดอะไรทำนองนั้น

ไซด์งานระดับท้อปๆ หรือ วิศวกรโรงงาน
ข้อดี
- งานสบายกว่าโดยเนื้องาน ความกดดันต่ำกว่ามาก
- ความมั่นคงสูงกว่ามาก
- Career path ชัดเจน
- ในระยะยาว 10ปี+ ถ้าเป็นพนักงานตัวท้อปๆ กับเซลตัวท้อปๆ
พนักงานมีโอกาสรายได้ใกล้เคียงกับเซล และฉีกไปเรื่อยๆได้ ในขณะที่งานสบายกว่า
แต่เซลยังต้องวิ่งหายอดกันอยู่ เพื่อให้รายได้สูงๆ แต่พนักงานแทบจะเป็น fixed
ข้อเสีย
- รายได้ต่ำกว่าสาย Sales เยอะมาก โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น 10 ปีแรก
- โอกาสโตเร็วๆ เป็นไปไม่ได้ (นอกจากจะมีเส้นสาย หรือเกิดมาพร้อมดวง หัวหน้าลาออกหมดไรงี้)
- การวัดระดับการทำงาน เป็นไปได้ยาก ทำงานดี ทำงานแย่ ส่วนใหญ่ผลตอบแทนก็พอกัน
กว่าจะฉีกจากกันได้ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ต่างจากเซล ที่วัดกันที่ยอด เห็นกันชัดๆ
- งานส่วนใหญ่จะจำเจ น่าเบื่อ
- ส่วนใหญ่มักจะตกอยู่ในภาวะแวดล้อมที่สบายๆ จนการพัฒนาตัวเองไม่มากนัก
คนที่ไม่พัฒนาเงินเดือนจะกระดึ๊บเป็นเต่า ซึ่งคนส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดนี้
แต่คนพัฒนา ถึงจุดนึง พอได้โอกาส จะไต่เต้าได้เร็วเป็นจรวดเลย

โดยรวมๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง และประสบการณ์ของเพื่อนๆ พี่ๆ คนรู้จักก็จะประมาณนี้

ซึ่งผมว่ามันก็มีข้อดีข้อเสีย ท่านต้องลองเวทเอาเองว่า ท่านเหมาะกับแบบไหน

คำถามที่สำคัญคือ ท่านอยากเป็นคนแบบไหน อยากทำงานแบบไหน (เพราะมันฝึกกันได้ ถ้าเอาจริง)

เพราะสุดท้าย ทั้ง2สายงาน ถ้าท่านเก่งงาน เก่งคน สุดท้ายสำเร็จเหมือนกัน