'ลาปอร์ต' จัดให้!!! โหม่งน.82 เรือหักอกไก่ 1-0 คว้าลีก คัพ 4 สมัยรวด
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
แชมป์แรกของฤดูกาลมาแล้วหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องลุ้นอยู่นานโดยทำได้เหนือกว่าแต่เฉียดไปมาหลายทีแถม อูโก้ ญอริส เซฟได้ก็หลายหน กระนั้นท้ายที่สุด อายเมอริค ลาปอร์ต ก็เป็นฮีโร่ด้วยการโหม่งประตูในนาที 83 เรือใบสีฟ้า เฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไปได้ 1-0 คว้าแชมป์ลีก คัพ 4 สมัยติดต่อกัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
25.
แฟร์นานดินโญ่

84'
17.
เควิน เดอ บรอยน์

87'
ตัวสำรอง
20.
แบร์นาร์โด้ ซิลวา

87'
16.
โรดรี้

84'
ฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ
สนาม เวมบลีย์
วันที่ 25 เมษายน 2564
กรรมการ พอล เทียร์นี่ย์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1
0
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
แมนฯ ซิตี้ สลับให้ สเตฟเฟ่น มาเฝ้าเสาเพราะเป็นฟุตบอลถ้วย ส่วนแนวรับก็เป็น ลาปอร์ต ลงเล่นเพราะ สโตนส์ ติดโทษแบนและแดนหน้าให้ สเตอร์ลิ่ง ยืน
ขณะที่ สเปอร์ส มีข่าวดีได้ เคน หายเจ็บกลับมาเป็นตัวจริงเลยและ มูร่า ได้ลงก่อน เบล ส่วนแดนกลาง วิงค์ส ได้เป็นตัวจริง
เรือมาทักทาย โฟเดน ยิงหลุดออกหลัง
จังหวะทักทายหนแรกเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนด้วยการจ่ายให้ สเตอร์ลิ่ง ควยมาเอาบอลทันที่สุดเส้นหลังทางซ้ายก่อนจี้เข้าเขตโทษล็อกมาซ้ายอีกทีแล้วจ่ายให้ โฟเดน ที่โดนประกบอยู่ยิงตรงเสาแรกหลุดออกหลัง
เรือมาอีก สเตอร์ลิ่ง โหม่งก็ยังออกหลัง
แมนฯ ซิตี้ บุกต่อเนื่องเลยหลังบอลครอสหลุดมาถึง มาห์เรซ ทางขวาต้องคืนไปที่ วอล์คเกอร์ ก่อนรับบอลกลับมาแล้วเปิดไปเสาแรกจบด้วย สเตอร์ลิ่ง โหม่งออกหลัง
โฟเดน หักมาถึง สเตอร์ลิ่ง ยิงเจอบล็อกอีก
ยังเป็นเกมของฝั่งเดียวและเกือบจะมีประตูให้กับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว จากลูกทุ่มทางซ้ายเข้าเขตโทษให้ โฟเดน ทะลุไปเปิดจากสุดเส้นหลังมาถึง สเตอร์ลิ่ง ยิงจากแถวๆจุดโทษแต่โดนบล็อกได้
ไก่ลุ้นบ้าง! อัลเดอร์ไวเรลด์ ยิงหน้าเขตโทษบดออกเสา
สเปอร์ส มาหาโอกาสจบได้บ้างจากเตะมุมที่เปิดเข้ามาไม่มีอะไรแต่จังหวะสองยังได้อยู่ อัลเดอร์ไวเรลด์ มีช่องให้สับไกจากหน้าเขตโทษแต่ก็พุ่งเรียดออกเสาแรก
ได้ลุ้น! โฟเดน ยิงโดนบล็อกชนเสา
หวิดจะมีประตูให้กับ เรือใบ แล้วหลังบีบจนทำให้ ไดเออร์ จ่ายเสีย เดอ บรอยน์ พาบอลโต้กลับมาทางขวาเปิดเข้าเขตโทษโดนดักไว้แต่ยังเข้าทาง โฟเดน ยิงระยะไม่ถึง 10 หลาแต่โดนบล็อกแล้วเด้งไปชนเสา
แฟร์นานฯ แทงถึง สเตอร์ลิ่ง ชิพออกเสาสอง
แมนฯ ซิตี้ บุกมาอีกระลอกจาก แฟร์นานดินโญ่ แทงเข้าเขตโทษทางซ้ายให้ สเตอร์ลิ่ง สอดมาสวยแต่ก็มี ญอริส ออกมาปิดมุมด้วยสุดท้ายเลยชิพข้ามตัวลอยหลุดเสาไกล
เรือมาอีก! มาห์เรซ กดลูกสูตรยังโค้งๆเฉี่ยวเสาไกล
ยังเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่หาโอกาสได้อยู่เรื่อยๆ จังหวะนี้ก็จากบอลเปลี่ยนแกนซ้ายไปขวาให้ มาห์เรซ เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษโยกเปิดมุมเท้าซ้ายแล้วยิงโค้งๆเฉี่ยวเสาสองไปหน่อย
มาห์เรซ ลองยิงหน้าเขตโทษก็ออกเสาสอง
เกือบอีกแล้วสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เก็บบอลลอยโด่งในเขตโทษได้ย้อนออกมาหน้าเขตโทษแล้ว แฟร์นานดินโญ่ เบิ้ลให้ มาห์เรซ ขวามือแตะเข้าซ้ายก่อนยิงโค้งๆออกเสาสองอีกครั้ง
เรือมาอีกที คันเซโล่ ซัดเสาแรกเจอปัดทิ้ง
ก่อนหมดครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ได้จังหวะลุ้นเอาประตูกันอีกแล้วด้วย มาห์เรซ เลี้ยงตัดมาหน้าเขตโทษแล้วส่งให้ คันเซโล่ ทางซ้ายยิงจากนอกกรอบแต่ ญอริส บินปัดมือเดียวออกไปได้
ไก่กลับมาลุ้น โล เซลโซ่ ยิงโดนปัดทิ้ง
กลับมาครึ่งหลัง สเปอร์ส มีจังหวะได้ลองเพิ่มเมื่อ มูร่า ส่งให้ โล เซลโซ่ หน้าเขตโทษมีพื้นที่ได้ยิงแต่ สเตฟเฟ่น พุ่งปัดออกหลังไปได้
เรือสวนกลับ มาห์เรซ ยิงแฉลบไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ญอริส
สเปอร์ส ต่อบอลกันดีขึ้นและไปขึงถึงเขตโทษได้แต่ยังไม่มีจังหวะลุ้นเพิ่ม ส่วน แมนฯ ซิตี้ ได้โต้กลับ มาห์เรซ มาเองทางขวาเข้าเขตโทษล็อกจนได้ยิงด้วยขวาแต่ก็ติดแฉลบกลิ้งให้ ญอริส รับเข้ามือไปง่ายๆ
มาห์เรซ เปิดให้ กุนโดกาน โหม่งได้ก็ข้ามคาน
ผลัดกลับมาเป็น ซิตี้ หาจังหวะจบได้อีกครั้งจากลูกเปิดของ คันเซโล่ โนสกัดออกมาหา มาห์เรซ ทางขวาได้ตักเข้าไปใหม่แล้ว กุนโดกาน สอดมาโหม่งได้แต่ก็แค่ออกหลังไปอีก
เรือยังไม่เฮ! KDB โยนโด่ง แฟร์นานฯ โหม่งโดนรับ
หนนี้ของ ซิตี้ ได้ลุ้นเลยกับจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุมแถวสองเก็บได้ เดอ บรอยน์ โยนโด่งเข้าไปใหม่แล้วที่เสาไกลมี แฟร์นานดินโญ่ พยายามสอดมาโหม่งกดลงพื้นแต่ ญอริส ก็ทิ้งตัวรับได้อีก
เรือได้ง้างอีก สเตอร์ลิ่ง จ่ายมาให้ กุนโดกาน ซัดออกหลัง
เรือใบ บุกมาอีกทีน่ากลัวจากการชิ่งกันกลางสนามแล้ว กุนโดกาน แทงให้ สเตอร์ลิ่ง รีบตามไปเอาในเขตโทษแล้วดึงรอก่อนจ่ายกลับมาให้ กุนโดกาน ยิงไม่จับยังออกหลัง
เรือยังไม่หยุด มาห์เรซ ลากมายิงเองก็ถูกปัดอีกหน
ช่วงนี้ แมนฯ ซิตี้ มาเป็นชุดเลยเมื่อบอลมาอยู่กับ มาห์เรซ ทางขวาแล้วติดเครื่องพาบอลมาเองค่อยๆตัดเข้ามาหน้าเขตโทษหลบจนหาช่องเจอแล้วยิงแต่ ญอริส พุ่งปัดเอาไว้อีกครั้ง
เรือมาแล้ว!! ลาปอร์ต โหม่งฟรีคิกออกนำ
แล้วในที่สุดท้ายเกม แมนฯ ซิตี้ ก็เอาประตูออกนำเข้าจนได้ ด้วยลูกฟรีคิกเกือบมุมธงทางซ้ายที่ เดอ บรอยน์ เปิดเข้ามาตรงกรอบ 6 หลามี ลาปอร์ต วิ่งมาขึ้นโหม่งส่งบอลเข้าประตูไปได้ แมนฯ ซิตี้ นำแล้ว 1-0
จบเกม แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยเหนือ สเปอร์ส 1-0 ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีก คัพสมัยที่ 4 ติดต่อกันและยังทำให้พวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดร่วมกับ ลิเวอร์พูล ที่ 8 สมัย
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
Starting Formation: 4-3-3
24.
แซร์จ โอริเยร์

90'
5.
เอมิล-ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก

84'
18.
โจวานี่ โล เซลโซ่

67'
27.
ลูคัส มูร่า

67'
ตัวสำรอง
9.
แกเร็ธ เบล

67'
17.
มุสซ่า ซิสโซโก้

67'
20.
เดเล่ อัลลี

84'
23.
สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น

90'
แก้ไขล่าสุดโดย redenzo เมื่อ Mon Apr 26, 2021 01:08, ทั้งหมด 8 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ