ใครเผาอยุธยา ถ้า ‘พม่า’ ไม่ใช่คำตอบ? เปิดข้อมูลขุดค้น ไม่พบชั้นดิน ‘ไฟไหม้’ คราวกรุงแตก!
ยาวหน่อย เข้าไปอ่านฉบับเต็มกันที่เวปเลย ได้ความรู้ดี
ถือเป็น ‘เซเลบ’ ในวงการประวัติศาสตร์ด้วยเป็นเมืองสำคัญในไทม์ไลน์ความเป็นไทยแลนด์ทุกวันนี้ สำหรับ ‘พระนครศรีอยุธยา’ ซึ่งขยันมีประเด็นวิวาทะแทบไม่เว้น ตั้งแต่เพนียดคล้องช้าง, การสร้างตึกทับคลองโบราณ โดย มรภ.พระนครศรีอยุธยา จนล่าสุดในช่วงค่ำของวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็เกิดดราม่ากันอีกรอบจากภาพรื้อแนวกำแพงเก่าวางแนวสายไฟ บริเวณวัดไชยวัฒนารามที่สุดท้ายนักโบราณคดีประจำสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าเป็นการวางระบบไฟส่องสว่างที่ถูกวางแผนอย่างดีให้กระทบโบราณน้อยที่สุด โดยกำแพงดังกล่าวเพิ่งก่อบูรณะใหม่ไม่เกิน 30 ปี เป็นความ ‘เข้าใจผิด’ ซึ่งหากไม่ได้รับคำอธิบาย เสี่ยงลุกลามกระทั่งกลายเป็น ‘เฟคนิวส์’
เช่นเดียวกับวาทกรรม ‘พม่าเผากรุงศรีอยุธยา’ จนวอดวาย กลายสภาพเป็นเมืองร้าง ซึ่งเป็น ‘ภาพจำ’ ในใจของคนไทย ฝังแน่นในความรู้สึกนึกคิด ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งยังถูก ‘ผลิตซ้ำ’ ครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านทั้งแบบเรียน และวัฒนธรรมบันเทิงแนวปลุกใจให้รักชาติ
ทว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน พุทธศักราช 2310 เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?
เจอ ‘เศษไม้ไหม้ไฟ’ แต่ไม่ใช่ช่วง ‘กรุงแตก’
ศุทธิภพ จันทราภาขจี นักโบราณคดีหนุ่ม สังกัดกรมศิลปากร ผู้ทำการขุดค้นในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ภายในพระราชวังโบราณ เขียนบทความ ‘ร่องรอยพระราชวังหลวงสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง’ ตีพิมพ์ในหนังสือ ‘Ayutthaya Underground ประวัติศาสตร์อยุธยาจาก วัด วัง ชั้นดิน และสิ่งของ’ โดยสำนักพิมพ์มติชนที่เพิ่งวางแผงสดๆ ร้อนๆ ระบุในตอนหนึ่งถึง ‘หลักฐานไฟไหม้พระราชวังหลวงเดิม’ บ่งชี้ว่าพบจริง แต่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการ ‘ปรับพื้นที่’ นอกจากนี้ ยังมีการพบ ‘ชิ้นส่วนไม้ไหม้ไฟ’ ซึ่งนักโบราณคดีสันนิษฐานว่ามีอายุในช่วงก่อนสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา คือช่วงก่อน พ.ศ.1967 ไม่ใช่ช่วงท้ายๆ ของกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด
https://www.matichon.co.th/prachachuen/prachachuen-scoop/news_1636731