[RE: เมื่อแฟนต้องกลับไปทำงานกับที่บ้าน จะตามแฟนกลับไปด้วยไหมครับ]
Cha_Lamp พิมพ์ว่า:
pOrcHz พิมพ์ว่า:
JISOO4D พิมพ์ว่า:
Spoil
pOrcHz พิมพ์ว่า:
เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองเลยนะครับ ผมอยากให้ลองเคลียปัญหาเหล่านี้ก่อน เพราะผมกับแฟน ก็เคยมีปัญหาเรื่องนี้กัน แต่ของคุณแต่งงานกันแล้ว น่าจะไม่ได้มีปัญหาหนักเท่าผม
1.ทางบ้านแฟนคุณมองคุณยังไง บางทีเค้ามองว่า เค้ายกให้ลูกสาวเค้า เค้าตั้งตัวกันมาตั้งนานเราจะไปชุบมือเปิบได้ไง หรืออันนี้ผมยังไม่ได้แต่งงานก็ไม่รู้ แต่ว่าก็คุยกันแล้วว่า ต่อให้แต่งงานก็แยกกันทำ ต่างคนต่างทำ ไม่เกี่ยวกัน แยกเงินคนละกระเป๋า
2.เรื่องรายได้ผมไม่แน่ใจว่า ปัจจุบัน รูปแบบธุรกิจหรือการจัดการภายในของที่บ้านแฟนคุณเป็นยังไง และหลังจากนี้จะเป็นยังไง คุณกลับไปช่วยในฐานะอะไร รายได้คุณมาจากไหน คุยให้ชัดและเคลียนะครับ เพราะว่าคุณจะไม่มีรายรับทางอื่นเลยนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยพื้นฐานของแฟนคุณด้วยแหละ
3.เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวและในบ้าน บ้านที่กรุงเทพใครผ่อน หรือคุณต้องมีรายจ่ายหรือรายช่วยเหลืออะไรยังไงบ้าง
ผมอาจดูคิดมากไป แต่เรื่องเงินนี่คือ ถ้าเราไปอยู่แล้ว เราอยากได้อะไรสักอย่าง ไม่มีรายได้เข้ามาเราจะทำยังไง แต่ถ้าปกติ ใช้กระเป๋ารวมกันอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ลองคุยกันตั้งแต่แรก น่าจะเคลียไปได้เยอะครับ
ถ้าให้แนะนำ ผมคิดว่า ทางที่ดีที่สุดคือ กลับไปด้วย แต่ไปหางานแถวๆนั้นทำก่อน ให้เรียนรู้ธุรกิจของแฟนคุณ และถ้าเกิดว่าเห็นช่องทางขยาย หรืออะไรแบบนี้ ค่อยออกมาช่วย มันก็เหมือนเรามีคุณค่า มากกว่าอะครับ
ปล.สำหรับผม อาจมองว่าถ้ากลับไปบริหาร แล้วไม่ได้กิจการใหญ่จริงๆ มันจะเป็นรายได้เท่าเดิม แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นนะครับ เงินจะเข้าพ่อแม่แฟนเหมือนเดิม แล้วจ่ายเงินเดือนแฟนกับคุณ หรือเงินจะเข้าแฟนคุณ แล้วให้พ่อแม่ใช้ หรือเค้าอาจไม่เอาอะไรเลย เพราะมีอยู่แล้ว อะไรพวกนี้ มันต่างวาระกันออกไป
ผมลองให้ข้อคิดดูอะครับ เพราะผมเห็นบางคนแต่งไป แล้วย้ายไปอยู่ สุดท้ายไม่มีรายได้ จะซื้ออะไรต้องเหมือนมาขอ หรือรายจ่ายเช่นกินอาหารหรืออะไรแบบนี้ สุดท้ายทะเลาะกันใหญ่โตก็มีครับ
ขอตอบเป็นข้อ ๆ นะครับ
1.ผมกับแม่ยายสนิทกันดีครับแต่กับพ่อตานี้แทบจะติดลบเลย ผมคบกับแฟนมา 8 ปีก่อนแต่งแม่ยายผมรับรู้ตลอดว่าเราคบกันแต่พ่อตาเพิ่งรู้เมื่อก่อนแต่งงานปีเดียวครับทางบ้านแฟนค่อนข้างเข้มงวดเรื่องแฟน คือญาติแฟนทุกคนรู้หมดว่าเราคบกันยกเว้นพ่อตาครับ ผมเคยคิดจะบอกเขาว่าเราคบกันเหมือนกันตอนคบกันแรก ๆ แต่ทั้งแม่ยายและญาติทางแฟนห้ามไว้ไม่ให้บอก
2.ธุรกิจของแฟนเป็นกิจการเจ้าของคนเดียวครับ ไม่ใช่กงสี ธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร ทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่ปรับพื้นที่เพราะปลูก ขายเมล็ดยันเคมีเกษตร เก็บเกี่ยว รับซื้อ อบแห้ง ขนส่ง ปั้มน้ำมัน ซึ่งผมมองไม่เห็นทางที่จะเข้าไปช่วยได้เลยครับ ถึงเข้าไปทำจริงผมก็คงอึดอัดน่าดูเพราะมันม่ใช่แนวทางของผมเลย รายได้ที่มองออกตอนนี้คือการลงทุนให้หุ้นครับ นอกนั้นมืดตึบเลย
3.บ้านในกรุงเทพฯ ตอนนี้มีเงินที่สามารถผ่อนได้จนหมดครับ ส่วนรายจ่ายอื่น ๆ ไม่มีแล้วครับภาระหนี้มีแค่บ้านอย่างเดียว
ปล.เคยคุยกันก่อนแต่งงานแล้วครับว่าเราจะทำงานที่กรุงเทพฯและมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้กันตอนนั้นทางบ้านแฟนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอมาอาทิตย์ที่แล้วไม่รู้พ่อตาเป็นอะไร ชอบระบายให้แม่ยายผมฟังว่ากิจการที่เขาทำมาถ้าไม่มีคนมารับช่วงต่อเราก็ขายกินไปเลยละกันอยู่กันแค่ 2 คนอะไรทำนองนี้อะครับเหมือนตัดพ้อพอแฟนผมได้ยินแม่เค้าเล่าให้ฟังแบบนั้นก็เครียดอยากกัน้านขึ้นมาทันที ต้องบอกว่าพื้นฐานแฟนผมเป็นคนรักครอบครัวมาก ๆ โทรทุกวันวันละ 3-4 ครั้งเป็นอย่างน้อยเลยครับ
ผมว่าสร้างบ้านแยกก็โอเคครับไม่น่าต้องเจอพ่อตาบ่อยขนาดนั้น
ผมไม่รู้ว่าพื้นฐานท่านมีเงินแค่ไหน แต่ถ้าเกิดว่าคิดว่าหุ้นคือทางออก ผมก็เห็นคนที่ออกมาเทรดแล้วโอเค ก็เยอะนะครับ ก็อาจลองดูมั้ย
ส่วนเรื่องพัฒนาร้าน ผมคิดว่าเรื่อง สมาร์ทฟาร์มน่าจะกำลังมานะครับ เช่น โดรนพ่นยา หรือปุ๋ย หรือเซนเซอร์รดน้ำ หรือทำอะไรแบบนี้ ลองหาข้อมูลเพิ่มดูนะครับ
แต่สุดท้าย ลองดูครับ ว่าพอจะหางานแถวนั้นได้มั้ย ครอบครัวสำคัญจริงๆ ไม่อยากให้แยกครับ
นี่แหละ สามารถต่อยอดได้เลย มีทั้งปั๊มน้ำมัน อุปกรณ์การเกษตร
แถวๆ บางน้ำเปรี้ยว ลำลูกกา ยันบ้านสร้าง(ปราจีนฯ) ใช้โดรนพ่นยากันแล้ว เห็นมากับตา
เอาเทคโนโลยีลงไปขายเลย อาจจะเป็นผู้บุกเบิกของจังหวัดแฟนคุณ จขกท
เคยคิดไว้เช่นกันครับแต่ไปดูหน้างานจริง ๆ แล้วยังไม่เหมาะครับ เพราะส่วนมากชาวบ้านชอบทำเองครับ อะไรที่เขาทำแล้วค่าใช่จ่ายมันน้อยหรือไม่มีเขาจะทำแบบนั้นมากกว่า พื้นที่ที่เขาทำไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น หรือจะไปติดพวกอุปกรณ์อะไรไว้แถวไร่นารับรองว่าหายแน่นอนครับ ขี้ยาแถวนั้นก็เยอะ

ส่วนพื้นที่ของแฟนผมอาจจะทำได้เพราะมันใหญ่และมีคนเฝ้าแต่พูดไปพ่อตาผมก็คงไม่อินครับ เศร้าเลย
คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ แฟนผมเนี่ยถือว่าเป็นลูกรักเลยเพราะเป็นคนช่วยงานธุรกิจของทางบ้านเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วเรียกได้ว่าช่วยสร้างมาเลย ต่างจากน้องอีก 2 คนที่ไม่ได้หยิบจับธุรกิจตรงนี้เลย เป็นเด็กที่อยู่ในกรอบของพ่อตลอด เรียกว่าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยแหละครับ มีเรื่องเดียวที่เขาไม่ยอมทำตามใจพ่อก็คือ มาอยู่กับผมที่กรุงเทพฯนี่แหละครับ ตอนเรียนจบช่วงประมาณ 6 เดือนแฟนก็กลับไปช่วยงานที่บ้านปกติเลย แต่พอผมเรียนจบ (จบช้ากว่าแฟน 1 เทอม) เขาก็ ขอร้องทางบ้านว่าจะขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ โดยที่ก็บอกไปว่าอยากเรียนรู้ และอยากหาประสบกาณ์ อะไรประมาณนั้น ซึ่งพ่อตาผมมารู้ทีหลังว่ามาอยู่กับผมที่นี้แหละครับ สำหรับคนเป็นพ่อมันคงเหมือนเราไปเหยียบกล่องดวงจเค้าเลยแหละครับ หลังจากนั้นก็ได้มีการคุยกันของทางผู้ใหญ่และก็นัดหมายวันแต่งงานกันตามลำดับเลยครับ
ปล.หลายท่านคงสงสัยว่าพ่อตาผมหวงลูกขนาดนี้ผมไปจีบได้ยังไง

ตอนนั้นลงทุนไปสมัครเป็นเด็กปั้มเพื่อไปจีบเลยครับผม (บ้านตายายผมอยู่หมู่บ้านเดียวกับแฟน) ช่งที่ได้หยอดแบบไม่มีคนอื่นมาให้เกรงใจคือตอนเปิดไอ้แท่งวัดน้ำมันยาว ๆ เพื่อเช็คน้ำมันในถังใต้ดินอะครับ แฟนผมเป็นคนจดเพราะดูเรื่องสต็อก ก็คุยก็จีบอยู่ ทั้งช่วงปิดเทอมใหญ่