ดูไปเสียวไปว่าจะถูกตีเสมอ

อย่างน้อยก็เก็บ 3 แต้มจากหนึ่งในทีมที่ดุดันที่สุดในอิตาลี่ได้ถือว่าโอเคมาก

ปล.ในที่สุดชคริเนียร์ก็ทำให้คอนเต้ได้รู้ซึ้งว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่มีไว้ขาย!

อีกลูกก็ไม่ได้

เป็นเกมที่ยากสุดๆ

อตาลันต้า โชว์ให้เห็นว่า ทำไมพวกเขาถึงได้มีเกมรุกเป็นอันดับ 1-2 ของลีก
ระบบเพรสซิ่ง ดุดันและโหดเหี้ยมมาก ไล่บี้ยับเยิน
จังหวะเกมรุก ก็วูบวาบสุดๆ ทั้งๆที่เจอโซนป้องกันที่หนาแน่นมาก ก็ยังหาโอกาสเข้าทำได้
การวิ่งเข้าช่อง การสลับตำแหน่ง การจ่ายบอล การเปิดบอล เพื่อสร้างจังหวะยิง ถือว่าทำได้ดีจริงๆ

ส่วนอินเตอร์ มีโจทย์ให้คบคิดอีกเยอะ
แผนใช้เป็น 5-4-1 ตอนรับ / 3-5-2 ตอนรุก ภาพรวมถือว่าเหนียวแน่นใช้ได้ มีพลาดบ้าง ส่วนเกมรุก ลำบากอยู่เหมือนกัน ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเยอะ


เมื่อต้องเจอทีมที่ไล่บี้หนักมากๆ พอจะเปลี่ยนรับเป็นรุก ก็แทบจะแคะบอลไม่ขึ้น หลายครั้งที่ต้องใช้พลังงานและร่างกายของลูกากู ไถหรือชนมาดื้อๆตรงๆ
นี่เป็นโจทย์ที่ว่า ถ้าปีหน้ากลับไป ucl แล้วต้องเจอทีมระดับทอปๆ ที่เพรสโหดระดับนี้หรือโหดกว่านี้ จะทำอย่างไร
ขณะที่เดียวกัน ความพยายามจะเล่นเพรสใส่เขาก็มี แต่มักจะเพรสไม่จน จังหวะที่เพรสสำเร็จมีน้อย
2 ปัจจัยนี้รวมกัน ก่อให้เกิด สถานการณ์ที่ว่า คู่แข่งได้ครองบอลบุกใส่มากกว่า เพราะทีมเสียบอลไว พอจะไปแย่งบอลคืน ก็เอาคืนยาก

แต่ปัจจัยนึงที่ส่งเสริมก็คือ ​วิดัล ที่วันนี้ เชื่องช้ามาก อุ้ยอ้ายมาก (ไม่รู้ว่า มีอาการบาดเจ็บรบกวนหรือเปล่า)
น่าแปลกที่สภาพร่างกาย เขาดรอปลงไวมาก ตอนเล่นกับยูเว่เมื่อต้นปี ยังดูคึกคักกว่านี้
สัญญาณที่บ่งบอกว่า วิดัล อืดอาดมากๆ คือ เกมกับลาซิโอ ที่เพิ่งแข่งไปเมื่อเร็วๆนี้
และในเกมนี้ ต้องมาเจอกับทีมที่มีสภาพร่างกาย/เกมรุก/ระบบเพรสซิ่ง ระดับสุดยอด แผลยิ่งชัดเจน
พอจะเล่นให้ชัวร์ ก็ช้าเกินไป พอจะเล่นไว ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากแปะคืน หรือ โยนบอลยัดๆ
ขณะที่การเคลื่อนที่ หลายครั้งเพื่อนต้องวิ่งสลับตำแหน่งให้ เพราะช้าเกินไป
มีดีบ้าง ตรงจังหวะสกัด แต่มีแค่นิดๆหน่อยๆ

บางที วิดัล อาจจะไม่ใช่กองกลางแนวทรงพลังอีกแล้ว เขาอาจจะปลี่ยนสภาพกลายมาเป็นหมากท้ายเกม เพื่อตัดเกมแค่นั้น
บางที กายาดินี่ อาจจะกลายเป็นคนที่พึ่่งพาได้มากกว่าเขาไปแล้ว


ที่ชัดเจน คือ พออิริคเซ่นลงมา เกมดูกระชับขึ้นมาก ทั้งรับและรุก
แต่ทางนึง ก็พอเข้าใจได้ว่า เพิ่งใช้อิริคเซ่นมาในเกมกลางสัปดาห์ บางทีถ้าไม่มีเกมนั้น อิริคเซ่นอาจจะเป็นตัวจริงในวันนี้
นี่เลยเป็นโจทย์อีกโจทย์นึง คือ ไม่มี mezzala ตัวทดแทน เพราะตัวที่มีอย่างเซนซี่ เด่วฟิต เด่วเจ็บ
เป็นคำถามต่อมาว่า ควรรอเซนซีไปอีกนานแค่ไหน หรือจะซื้อตัวใหม่ เช่น เดอ พอล (ถ้าได้คนนี้มา อาจใช้แทนบาเรลล่าได้ด้วย)

- สคริเนียร์ มีเสียเหลี่ยมนิดหน่อย แต่ภาพรวมคือสุดยอดจริงๆ จังหวะชน จังหวะดัก จังหวะพาบอลออกจากจุดคับขัน เป็นกองหลังที่งานชุกที่สุด เพราะต้องเจอกับซาปาต้่า

- กองหน้า เลาตาโร่ทำได้ดีมากในเกมรับ แต่จังหวะออกบอล พลาดไปหน่อย น่าเสียดาย / ลูกากู ทำได้ดีในหลายๆจังหวะ แต่ยังไม่ดีพอที่จะได้ยิงเน้นๆ เพราะเจอดักก่อนตลอด แต่ก็น่าเห็นใจ เพราะวันนี้ ค่อนข้างยืนเยื้องมาตรงกลาง เจอไล่อัดตลอดเวลา พลิกบอลหนีไปได้ ก็พอโอเคอยู่ / อเล็กซิส ดูจะงงๆ ในเกมรับ มีหลงตำแหน่งอยู่เหมือนกัน เกือบจะเสียหายอยู่ ยังดีที่อิริคเซ่นกระตือรืนล้นมาปิดช่องให้

สคริเนียร์ น่าจะเป็นเรื่องเดียวกันกับการเงินที่ย่ำแย่ของอินเตอร์นะ ที่มันเพิง่ระเบิดออกมาเมื่อต้นปีนี้ และข่าวนี้ น่าจะทำให้ทั้งบอร์ดฝ่ายซื้อขายและทั้งโค้ช น่าจะลอยตัวกับทุกข่าวการซื้อขายที่ผ่านมาได้อยู่นะ

เพราะมันเป็นเรื่องประหลาดที่ทีมที่เพิ่งสร้างใหม่ และเป็นรองแชมป์ 2 ถ้วยในปีแรก แต่ดันมีข่าวเหมือนทีมจะแตกตลอดตลาดซื่้อขาย เด่วจะขายคนนั้น ขายคนนี้

แต่ก็ยังน่าแปลกที่คอนเต้ รับอะไรพวกนี้ อยู่คนเดียว
ทั้งๆที่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง คือ ขายสคริเนียร์+ซื้อตัวทดแทน มันก็จะเป็นการเล่นกับ ffp แบบดีลปานิช-อาร์ตู

แม้แต่อตาลันต้าก็หยุดไม่อยู่ ตอนนี้ไม่มีใครหยุดงูได้แล้ว ฟอร์มเข้าฝักจริงๆ

แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่แล้วเพื่อนงู

ขอบคุณนะงู ที่ช่วยหยุดอตาลันต้าให้

ฟอร์มแชมป์ต้องแบบนี้แหละ วันไหนเล่นไม่ดี แต่มีแต้ม

ยูเว่ปีนี้ลุ้นไป UCL ก็ดีละ 555+

ยอมเลย
มาดุจริงๆ งูปีนี้

ตามนี้ครับ ซุหนิง น่าจะรู้ตัวแต่แรกแล้วแหล่ะว่าการเงินมีปัญหาแน่ ๆ เพราะจะโดนทาง รบ จีนห้ามลงทุนเพิ่ม

เลยจำเป็นต้องขายตัวที่พอจะขายได้ราคา สคิเนียร์ นี่พอเข้าใจเลย มีแววขายได้มากสุดเท่ากับ บาสโต เลย แต่บาสโตเองหนุ่มกว่า เป็นคนอิตาลีด้วย แล้วมีแนวโน้มว่าจะเก่งขึ้นเลยไม่น่าจะอยากขาย หายเลยมาตกที่ สคิเนียร์ นี่แหล่ะ ถ้าตั้งราคาไว้น่าจะมีคนยอมจ่าย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะที่ 50 ล้านยูโร ราคามันก็เท่า เดอ ไพร์น อ้่ะแต่รายหลังอายุเยอะกว่าเกือบจะ 30 ละ ดังนั้น 50 ล้านยูโร นี่ทีมที่มาซื้อน่าจะคิดหนัก อ่ะ

แต่อย่างว่าแหล่ะออกก็ต้องมีเข้า ถ้า สคิเนียร์ ย้ายตามข่าวบอกน่าจะเอา มิเลนโควิช ของฟิออมาแทน ได้ข่าวว่า 30ล้านยูโร + + ก็มันจะทำให้ อินเตอร์ มีเงินเหลืออยู่บ้าง แต่ สเปอ ที่ติดต่อต้องการซื้อที่ 30 ล้านกว่า ๆวึ่งมันจะน่าพอดีกับค่าตัวที่จะต้องนำไปซื้อ มิเลนโควิช แทน แต่ถ้ากรณีนี้อินเตอร์จะไม่มีเงินไว้สำรองเลย ดีลก็ล่มตามระเบียบ

ส่วนตัวอื่น ๆที่มีข่าว ผมพอจำ+ราคาได้นะ
โบโซ่ โบรโซวิซ เองก็โดนนะเห็นว่าต้องการที่ 40 ล้านยูโร อันนี้เข้าใจสัญญาเหลือน้อย + กองกลางตัวเลือกมีเยอะ ถ้าขายได้ก็กำไรละ
เปริซิค+เนียงโกรัน นี่ บาเยิร์น + กาญารี่ ยื่นมาและ แต่ข่าวบอกซุหนิงไม่เอาเพราะได้ถูกไป น่าจะยื่นมาคนละ 10 ล้านยุโอมั้ง แต่ซูหนิงต้องการมากกว่านั้น

ชวนคุยต่อ

ตอนนั้น กระแสข่าว รายงานข่าว เยอะแยะ ตีกัน มั่วไปหมด อยากได้คนนั้น / อยากขายคนนี้ / ขายอีกคน เพื่อซื้ออีกคน
แต่มีรายงานข่าวนึงที่ยังจำได้ มีความแหวกแนวและน่าสนใจ ก็คือ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คอนเต้ ห้ามให้ทีมขาย 4 คนต่อไปนี้ (แปลว่า จะขายหรือไม่ขายคนอื่นๆก็ได้ ซึ่งไม่ได้หมายถึงอยากให้ขายคนอื่นๆ)
และ 4 คนนั้นก็คือ เดอ ไฟจ์ / บาสโตนี่ / บาเรลล่า / ลูกากู

จุดน่าสังเกตคือ พอมีข่าวซื้อขาย เกี่ยวกับ 4 คนนี้ทีไร ข่าวปฏิเสธจะตามหลังมาไวมากๆ ต่างจากตัวอื่นๆ ที่ดูเงียบๆ ไม่ก็แบ่งรับ แบ่งสู้


ส่วนการคิด FFP มันจะพิสดารนิดหน่อย ไม่ได้หักกันตรงๆ จะเป็นประมาณนี้
สมมุติว่า ขายสคริเนียร์ได้ 60 ล้าน แล้วซื้อมิเลนโควิช 40 ล้าน ถ้าหักกันตรงๆ จะกลายเป็นว่า 60-40 = + มาแค่ 20 ล้าน
แต่ ffp มันจะคิดแบบนี้ จากค่าตัวมิเลนโควิช 40 ล้าน เป็นการผ่อนจ่าย 4 ปี โดยที่เขาได้รับค่าเหนื่อยปีละ 3 ล้าน
ffp จะเอา 40/4 = 10 ล้าน แล้วบวกค่าเหนื่อย 3 ล้าน = 10+3 = 13 ล้าน

13 ล้าน ตรงนี้ คือรายจ่ายที่จะเอามาหักออกในแต่ละปี ส่วนรายรับจะเข้าเต็มๆ ต่อให้ทีมที่มาซื้อ จะซื้อแบบผ่อน (รายรับ จะไม่ได้หารเป็นปีๆ แบบรายจ่าย)

ดีลนี้ ก็จะกลายเป็น 60-13 = +47 ล้าน ที่เพิ่มเข้ามาเป็นรายรับประจำปีนี้ (บางที อีกตัวเลขที่ต้องบวกเพิ่มไปด้วย ก็คือ ค่าเหนื่อยของสคริเนียร์ ที่จะหายไป ฉะนั้น บางที รายรับ อาจยิ่งเป็นบวกมากขึ้นเข้าไปอีก)


ดีลอาร์ตู-ปานิช ก็อยู่ในวิธีคิดประมาณนี้ ตัวเลขดีลสูงมาก 60-70 ล้านยูโร