[RE: แอมมี่ สารภาพผ่านไอจีว่าเผาเอง]
มันมีคดีตัวอย่างมาแล้ว
https://prachatai.com/journal/2018/01/75202
คดีหมายเลขดำที่ อ.1267/2560 โจทก์ นายบุญช่วง สุโพธิ์ พนักงานอัยการจังหวัดพล จำเลย นายไตรเทพ (นามสมมติ) และพวกรวม 6 คน ผู้พิพากษา นายเพิ่มศักดิ์ สุริยวนากุล ข้อหา เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112) พฤติการณ์ วางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ใน ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ จนซุ้มได้รับความเสียหายบางส่วน คำให้การของจำเลย รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คำพิพากษา จำเลยทั้ง 6 มีความผิดตามฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 217, 358, 209 วรรคแรก, 210 วรรคสอง) การกระทำของจำเลยทั้ง 6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ขณะกระทำผิด จำเลยที่ 1, 3-6 มีอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐานเป็นอั้งยี่ จำคุกจำเลยที่ 1, 3-6 คนละ 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี, ฐานเป็นซ่องโจร จำคุกจำเลยที่ 1, 3-6 คนละ 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี, ฐานร่วมกันวางเพลิงฯ, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาทฯ พระมหากษัตริย์ฯ เป็นกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานหมิ่นฯ พระมหากษัตริย์ฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1, 3-6 คนละ 4 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 7 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3-6 คนละ 5 ปี 20 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 รวมจำคุก 10 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3-6 คนละ 2 ปี 16 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 5 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจเห็นว่า จำเลยทั้ง 6 ร่วมกันวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย นับเป็นการกระทำที่อุกอาจร้ายแรง ไม่มีเหตุรอการลงโทษ คำพิพากษาส่วนแพ่ง อบต.หินตั้ง ได้รับค่าเสียหายจำนวน 3,000 บาท จากจำเลยทั้ง 6 แล้ว จึงถอนคำร้องที่ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
คดีหมายเลขดำที่ อ.1268/2560 โจทก์ นายธนสิทธิ์ สีดา พนักงานอัยการจังหวัดพล จำเลย นายไตรเทพ (นามสมมติ) และพวกรวม 4 คน ผู้พิพากษา นายสรายุทธ อุทุมพร ข้อหา เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ พฤติการณ์ วางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 จำนวน 2 ซุ้ม ใน ต.ชนบท อ.ชนบท จนซุ้มได้รับความเสียหาย ไม่สามารถใช้การได้อีก คำให้การของจำเลย รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คำพิพากษา จำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 217, 209 วรรคแรก, 210 วรรคสอง) การกระทำของจำเลยส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทย จำเลยกระทำความผิดโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย พฤติการณ์มีความร้ายแรง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างจึงสมควรให้ลงโทษสถานหนัก การกระทำของจำเลยทั้ง 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ขณะกระทำผิด จำเลยที่ 1, 3 และ 4 มีอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐานเป็นอั้งยี่ จำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี, ฐานเป็นซ่องโจร จำจำคุกเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี, ฐานร่วมกันวางเพลิงฯ และหมิ่นประมาทฯ พระมหากษัตริย์ฯ เป็นกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานหมิ่นฯ พระมหากษัตริย์ฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 6 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 10 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 7 ปี 20 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 รวม 13 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 3 ปี 16 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 คงเหลือจำคุก 6 ปี 6 เดือน ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 1267/2560 ริบของกลางคราบน้ำมันดีเซล 1 กระป๋อง คำพิพากษาส่วนแพ่ง เห็นควรกำหนดค่าเสียหายตามสัญญาจ้าง ที่จำเลยต่อสู้ว่า ค่าเสียหายไม่เป็นความจริง ต้องนำค่าเสื่อมราคามาคิดด้วยนั้น เห็นว่าการกำหนดค่าเสื่อมราคาต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างประกอบด้วย เมื่อซุ้มฯ ดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเคารพสักการะ ย่อมไม่อาจนำค่าเสื่อมราคามาพิจารณาได้เยี่ยงวัสดุหรือสิ่งปลูกสร้างทั่วไป ไม่มีเหตุลดหย่อนค่าเสียหายทางแพ่ง ให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 958,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. 60 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่เทศบาลตำบลชนบท