เคยฟังคุณต่อพงษ์ในรายการภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์

ตอนบอลโลกปี 1982 ที่แกเทพๆเนี่ยในไทยยังไม่มีถ่ายทอดสด ภาษาทีวีเรียกว่ามีถ่ายทอดสดย้อนหลังให้ดู โรงเรียนหลายๆที่ถึงกับหยุดให้ดูบอลโลกเลย
ส่วนปี 1986 นี่เริ่มมีถ่ายทอดสดให้ดู ตอนนั้นแกแบกทีมคว้าแชมป์โลก (ปีนั้นแกทำ hand of god ด้วยมั้ง)
ตอนปี 1990 นี่แกเพิ่งหายจากเจ็บยาวแต่ก็ยังแบกทีมชาติคว้าแชมป์โลกได้อยู่

ถ้าเทียบช่วงเวลาค้าแข้งของกันและกัน ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนบนโลกที่ยิ่งใหญ่ไปกว่ามาราโดน่าครับ

พ่อผมอายุ 54 ปี มาราโดน่าเป็นไอดอลในการดูบอลเตะบอลของแก

แต่ก็บอกว่าเมสซีเก่งกว่านะถ้าเทียบตัวๆ แต่เทียบยุคสมัย มาราโดน่าดูมาก่อนกาลและเหนือนักเตะคนอื่นเยอะมาก มันอเมซิงมากในยุคสมัยนั้น

ผมทันดูมาราโดน่าครับ ปี 1986 เชียร์อาร์เจนตินาเพราะมาราโดน่ามาตั้งแต่ตอนนั้น
เป็นนักเตะมหรรศจรรย์จริงๆ เทียบกับสมัยนี้ผมยังมองว่ามาราโดน่าเก่งกว่าเมสซี่หรือโรนัลโด้
เป็นวันแมนโชว์ของแท้ มีลูกมหรรศจรรย์ให้ลุ้นได้ตลอด
พอปี 94 ที่คอมโบกับคานิกเกียทั้งๆที่ร่างกายแทบจะหมดสภาพไปแล้ว
ยิ่งทำให้นึกถึงตอนแกพีคๆ
สำหรับผมแล้ว มาราโดน่าคือหมายเลข 1
คนเดียวที่ผมไม่แน่ใจคือเปเล่ เพราะเกิดไม่ทันจริงๆ

ย่าผมแกก็ตามดูบอลบ้าง

แกยังเล่าให้ผมฟังอยู่เลยว่าวิ่งเหมือนหนู ไม่มีใครจับตัวได้

บาจโจ้ยิงข้ามคานจุดโทษแกก็ดู ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงคุณย่านี่ บ้าบอลมั้ย

ดูจากคลิปคือจังหวะตัดสินใจ จังหวะยิงประตู จังหวะแทงจ่าย จะทำได้เร็วกว่าคู่ต่อสู่รู้ตัวประมาณ 1-2 วิเลย มันออกแนวคิดตามไม่ทัน

เพราะแกจับบอลนิ่งมากๆ ทำให้ชิงเล่นจังหวะต่อไปได้สุดมากๆ
ไม่ใช่ว่ากองหลังสมองทึบ เลยคิดตามไม่ทัน แต่ทักษะการควบคุมลูกบอลแกมันสุดมากๆ เลยทำให้ไม่รู้ว่าจะเล่นจังหวะไหน

สายตา และลายการวิ่ง ก็โหด เห็นลายวิ่งหาช่องละนึกว่าผู้เล่ยสมัยใหม่ ยิงได้หลายจังหวะด้วยไม่ต้องรอเหน่งๆ

ชปล สมัยนั้นมันต้องมีดวงพอสมควรเลยครับ เพราะว่าแพ้คัดออกอย่างเดียว
แชมป์ลีกสองสมัยก็สุดแล้วนะ มียูเว่ มิลาน อินเตอร์ ผ่านได้แชมป์นี่ไม่ต้องบรรยาย

1990 เยอรมัน ตะวันตก ครับที่ได้แฃมป์โลก มาราโดน่าพาทีมเข้ารอบชิงครับ เสียจุดโทษระหว่างเกมส์ โล่ธาร์ มัสเทอุสไม่กล้ายิง ให้แอนเดรีย เบร์เมห์ ยิงแทน ชนะไป 1-0 ครับ

นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก มีทุกอย่างที่สุดในโลก พรสวรรค์ ความมหัศจรรย์ ความเป็นผู้นำ ใจสู้ ไม่ยอมแพ้ สำหรับผมมีคนเดียวครับ Legend of Number 10 คือ Diego Maradona ครับ

เอาจริงๆ คือ ถ้าจะเอาความแม่นยำทางแทคติค การวิเคราะห์ อะไรแบบเนี้ย อย่าไปถามหาคำว่าดูทัน/ทันดู ไหมเลย

เพราะถึงทันดูจริง ก็ไม่ได้แปลว่า จะอธิบายได้
ไม่ต้องมองไกล เอาแค่ช่วงหลังๆ ทั้งๆที่ เราสามารถเข้าถึงฟุตบอลได้ง่ายมากขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่า หลายๆคำถาม จะได้คำตอบที่ชัดเจนเหมือนกัน เพราะบางที เราก็ไม่ได้ดูเพื่อการวิเคราะห์ อะไรขนาดนั้น ดูสนุก ก็สุขใจแล้ว

ซึ่งเรื่องอารมณ์ร่วม บรรยากาศ สถานการณ์นี้ที่แหละ ที่จะเอาไปถามคนที่ทันดูจริงๆได้ ว่าเป็นไง

กลับมาที่ ถ้าจะเอาให้แม่น คือ ต้องดูย้อนหลัง วิเคราะห์ด้วยจำนวนนัดที่มากพอสมควร + หาอ่าน บทความประกอบหรือหนังสือที่โอเค แต่ยากอยู่ ต้องรักคนนั้น หรือ ทีมนั้น มากทีเดียวนะ มันใช้เวลาเยอะอยู่

ซึ่งก็จะวกกลับมาที่คำว่าทันดู/ดูทันนั่นแหละ คือ ต่อให้อยู่ยุคเดียวกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องต่างลีก ก็อาจจะไม่มีข้อมูลแล้ว หรือแม้แต่ลีกเดียวกัน แต่คนละทีม บางทีก็ไม่ชัดเจน

พาได้ยูฟ่า คัพ อยู่รอบนึง

แต่ต้องบอกว่า ยุคนั้น ถ้วยอื่น ไม่ได้มีศักดิ์ศรีเป็นรอง ucl มากแบบทุกวันนี้
เพราะยูโรเปี้ยน คัพ เอาแค่แชมป์ลีก (แล้วถึงเพิ่มให้รองแชมป์ได้ไปด้วย แล้วมาเพิ่มอีกที คือได้ไป 3-4 ทีม) ยูฟ่าคัพ ก็คือพวกที่ 2-4 / 2-5 อะไรงั้น อีกถ้วยอย่างคัพ วินเนอร์คัพ ก็เอาแชมป์บอลถ้วยไปเล่น

ถ้าแบ่งแบบเดิม ทีมในปีนี้ ก็จะเป็น

ยูโรเปี้ยน คัพ - มาดริด / ลิเวอร์พูล / ยูเว่ / บาเยิร์น / psg / อาแจ๊ก / ปอร์โต้

ยูฟ่า คัพ
- บาร์เซโล่น่า-แอต มาดริด-เซบีญ่า - (บียาร์รีล)
แมน ซิตี้-แมน ยู - เชลซี - (เลสเตอร๋)
อินเตอร์-อตาลันต้า-ลาซิโอ - (โรม่า)
ดอร์ทมุนด์ - ไลป์ซิก - กลัดบัค -(ฮอฟ)
มาร์กเซย์ - แรนส์ - ลีล - (นีซ)
AZ - เฟเยนูด - psv - (วิลเลม)
เบนฟิก้า - สปอร์ติ้ง - ริโอ - (ฟามาลิเซา)

ถ้าเป็นช่วงที่เริ่มเพิ่มทีม เอารองแชมป์ลีกมาแข่งด้วย ก็ดันชื่อแรกของยูฟ่า พวกบาร์ซ่า แมนซิตี้ ขึ้นมายูโรเปี้ยน คัพ แล้วดันเอาทีมในวงเล็บ มาเล่นยูฟ่า คัพ
ู
ส่วนอีกถ้วย คัพ วินเนอร์คัพ อันนี้ ตายตัว คือ เอาแชมป์บอลถ้วยมาแข่ง (สมมุติว่ารองแชมป์ได้สิทธิ์แทน) ก็จะเป็น
คัพ วินเนอร์คัพ - โซเซียดัดหรือบิลเบา / อาร์เซนอล / นาโปลี / เลเวอร์ / เอเตียน / อูเทรคหรือเฟเยนูด / บราก้า


จะเห็นว่า ทีมในถ้วยอย่างยูฟ่า คัพ ไม่ได้ดูแย่กว่ามากขนาดนั้น (โดยเฉพาะยุคก่อนเพิ่มทีม ทีมที่เข้าร่วมอาจจะดูดีกว่ายูโร เปี้ยน คัพ ด้วยซ้ำ) ส่วน คัพ วินเนอร์คัพ มีเสน่ห์แบบุสุดๆแบบที่ยุคนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว โดยเฉพาะพวกสิงบอลถ้วย

การให้น้ำหนักกับ ucl แบบเยอะมากๆ จึงเพิ่งมาเป็นช่วงหลังๆ หลังจากที่ทีมใหญ่ๆได้โควต้ามาถ้วย ucl กันเยอะ + ยุุบถ้วยคัพ วินเนอร์คัพ + ยูฟ่า คัพ กลายเป็นถ้วยที่่ลีกรองมาแข่งเยอะมาก จำนวนนัดก็เยอะ แต่เงินน้อยนิด ความสำคัญก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ (เพิ่งมาดีขึ้น เพราะแชมป์จะได้ไป ucl)