BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Feb 2021
ตอบ: 1137
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 18, 2021 19:32
ถูกแบนแล้ว
แชร์ประวัติศาสตร์เรื่องราวสงครามแบ๊วๆครับ
มันเป็นสงครามที่มีการรบราฆ่าฟัน แต่ผมอ่านผมรู้สึกตลก+น่ารักๆดีนะ

สงครามนกอีมู (Emu War)



หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี ค.ศ.1918 ทางการของออสเตรเลีย ได้มีการส่งเสริมให้อดีตทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการจากสงคราม ทำการบุกเบิกขยายดินแดนและทำพื้นที่เกษตรกรรม ในบริเวณดินแดนทางทิศตะวันตกของประเทศ



การบุกเบิกดินแดนและทำพื้นที่เกษตรกรรมนี้ ดำเนินการได้เป็นอย่างดี ยกเว้นพื้นที่ที่เรียกว่า "แคมเปียน" (Campion) ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (Western Australia) ทางตะวันตกสุดของออสเตรเลีย นั้นก็เพราะ บริเวณแห่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่ของเหล่านกอีมู (Emu) สัตว์ประจำถิ่นของออสเตรเลีย ที่อาศัยอยู่ที่นี่นับหมื่นนับแสนตัว เมื่อเกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกข้าวสาลีรวมถึงพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ แล้ว ปรากฏว่าเหล่านกอีมูได้เข้ามากินและทำลายพืชผลเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรดาเกษตรกรอดีตทหารผ่านศึกเหล่านี้ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก



จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ขอความช่วยเหลือจากกระทรวงเกษตรของออสเตรเลีย แต่ทว่าพวกเขากลับถูกปฏิเสธ เพราะมองว่า ปัญหาดังกล่าวควรจะเป็นหน้าที่ของทหารที่ต้องมาแก้ไขต่างหาก ดังนั้นเหล่าเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากนกอีมู ก็ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก เซอร์ จอร์จ เฟียร์ช รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น เพื่อขอให้จัดการกับพวกนกอีมูนี้สักที



และแล้วเซอร์ จอร์จ เฟียร์ช ได้ลงนามประกาศสงครามกับนกอีมู เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.1932 ในที่สุดวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1932 สงครามอีมูก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยทางกองทัพออสเตรเลียได้ส่งพันตรีเมเรดิท (G.P.W.Meredith) แห่งกองกำลังปืนใหญ่ที่ 7 เป็นผู้นำในการจัดการกับเหล่านกอีมู มาพร้อมกับทหารราว 10 นาย พร้อมปืนกลรุ่นลิวอิส (Lewis gun) กับกระสุนอีกราว 1 หมื่นนัด





ทว่าหลังจากที่เหล่าทหาร ทำการยิงปืนกลไปที่ฝูงนกอีมู ปรากฏว่า นกอีมูสามารถหลบกระสุนปืนได้อย่างรวดเร็ว แถมยังวิ่งด้วยความเร็วที่สูงมาก ทำให้ยากต่อการเล็งยิงให้ถูก แม้ว่าทหารออสเตรเลียจะเปลี่ยนยุทธวิธี จากการกราดยิงด้วยปืนกล เปลี่ยนเป็นการชุ่มยิง รวมถึงนำปืนกลติดไปกับรถแล้วไล่ยิง ปรากฏว่ามันก็ล้มเหลวเช่นเดิม

หลังจากพยายามมาเป็นอาทิตย์ ในที่สุดวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ.1932 เซอร์ จอร์จ เฟียร์ช ก็สั่งให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ ผลลัพธ์จากเหตุการณ์นี้ คาดการณ์ว่านกอีมูที่มีจำนวนราว 2 หมื่นตัว กลับล้มตายเพียงแค่ 50 จนถึง 200 ตัวเท่านั้น นี้จึงนับว่าเป็นความพ่ายแพ้ของทหารออสเตรเลียที่มีต่อนกอีมู

แต่ดูเหมือนว่าจะยังหมดเพียงเท่านี้ เพราะในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทหารออสเตรเลียก็ได้บุกไปจัดการกับเหล่าฝูงนกอีมูอีกครั้ง ท้ายที่สุด ด้วยกระแสเชิงลบมากมายจากรัฐสภาของออสเตรเลีย ที่มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงเรื่องเหลวไหลและไร้สาระอย่างมาก จนวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1932 สงครามนกอีมูก็ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ด้วยชัยชนะของเหล่านกอีมู

มีการคาดการณ์ว่า สงครามอีมูทำให้มีนกอีมูล้มตายราว 1 พันตัว ในขณะที่ทหารออสเตรเลียสิ้นเปลืองกระสุนปืนมากกว่า 1 หมื่นนัด นับแต่นั้นมา ทางการออสเตรเลียก็ไม่ได้ส่งเสริมให้มีการบุกเบิกดินแดนบริเวณแถบนั้นอีกเลย รวมไปถึงยังให้มีการอนุรักษ์นกอีมูในฐานะสัตว์ประจำชาติของออสเตรเลียอีกด้วย



https://www.blockdit.com/articles/5df8d52adb7fae7f79ca5f19

6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Nov 2020
ตอบ: 5564
ที่อยู่: Khonkaen & Bangkok
โพสเมื่อ: Thu Feb 18, 2021 19:35
ถูกแบนแล้ว
[RE: แชร์ประวัติศาสตร์เรื่องราวสงครามแบ๊วๆครับ]


ผมเคยฟังใน view point of view ฮาจริงครับ คนสู้กับนกอีมู
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 16940
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 18, 2021 22:04
[RE: แชร์ประวัติศาสตร์เรื่องราวสงครามแบ๊วๆครับ]
โดนล้อมาตลอด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel