ควรครับ

ลองจับหัวแฟนดูถ้าตัวยังร้อนมากๆอยู่ก็ปลุก แต่ถ้าเริ่มดีขึ้นละก็ปล่อยพักผ่อนดีกว่า เป็นยาพาราซื้อกินเองใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเป็นยาที่หมอให้,ไปหาหมอละหมอสั่งมาไรงี้ก็ต้องปลุก

ใช่ครับซื้อกินเอง

ปลุกไปครับ เค้าตื่นมากินยาแปบเดียวก็นอนต่อได้แล้ว

ไม่ควรครับ การพักผ่อนคืออดีที่สุดแล้วครับ

ควรปลุกครับ กินยาแล้วนอนตื่นเช้ามาหาย กับไม่กินยาแต่นอนตื่นมาก็ไม่หาย

ต้องปลุกครับ ยิ่งถ้าแฟนคุณบอกเองให้ปลุกเน้ย ต้องปลุกเลย

อีกเรื่อง ถ้าเป็นหนัก มีไข้ ท้องเสีย อาเจียน อย่ารีรอ รีบพาไปหมอเลย ฝากแอตมินไปก่อน

ได้ทั้งสบายใจตน และสบายใจแฟนครับ

คิดไว้เหมือนกันครับ

แต่ตอนนี้อาการยังมีแค่เป็นไข้ ปวดเมื่อยตัว เจ็บท้องนิดๆ แต่ตอนนี้แฟนผมหลับไปแล้วครับ

ผมเคยเป็นเหมือนท่านนะ หมายถึง แฟนไม่สบายจนเลยถึงตึก อาการไม่ดีขึ้น ท้องเสียติดต่อกันยาวอีก ผมเลยพาแฟนไปตอนตีสองตีสามหาหมอเลย นอนเฝ้าฝากเลยครับ หายไวไม่ต้องมานั่งลุ้นด้วย หวังว่าคงไม่เหมือนผม หายไวไวครับ

ขอบคุณครับผม รอดูอาการถ้าถึงเวลาคงต้องพาไปจริงๆครับ

ลองแตะหน้าผากดูครับ ถ้าตัวยังร้อนมีไข้ก็คิดว่าน่าจะปลุกให้กินนะครับ

สังเกตอาการช่วงใกล้เวลากินยาครับ ถ้าตัวร้อนเท่าเดิมหรือมากขึ้นก็ปลุก แต่ถ้าดีขึ้นก็ปล่อยให้พักผ่อนให้ได้มากที่สุด

แต่ถ้าเป็นยาที่ต้องกินต่อเนื่องพวกยาปฏิชีวนะหรือแก้อักเสบ ยังไงก็ควรกินให้ตรงช่วงเวลาครับ

ถ้ายาทั่วไปที่กินตามอาการไปต้องปลุกก็ได้ครับ

แต่ถ้าเป็นยาที่ต้องกิน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาโรคเรื้อรัง หรือโรคสำคัญควรปลุก

ถ้าเป็นยาพารา ถ้าท่านอยากได้ใจแฟนท่านด้วย ก็ลองเอามือไปแตะที่หน้าผากแฟนท่านดูก่อนก็ได้ ถ้าตัวไม่ร้อนแล้วก็ไม่ต้องปลุก แต่ถ้าแฟนท่านตื่นก็ถามแฟนท่านว่าดีขึ้นแล้วยังครับ

ปลุกไว้ก่อน งัวเงียจะนอนต่อ ก็ปล่อยไปถือว่าปลุกละ เพราะอาการไม่หนักมาก

Para เป็นยาแบบให้ตามอาการเป็นส่วนมาก on demand หรือ prn น่ะครับ
ถ้าคนไข้หลับอยู่ ก็ปล่อยให้ร่างกายได้พักเถอะ
ถ้าเป็นยาที่ต้องกินตามเวลา fix dose หรือ around the clock อันนั้นถึงค่อยปลุกมากิน
ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดของยา และความรุนแรงของตัวโรคด้วยละ
ถ้าโรคไม่ซีเรียสมาก เช่น โรคที่อาการเบา หรือ คุมโรคได้ดีแล้ว
ก็ไม่ได้จำเป็นต้องตื่นมากินยาตลอดก็ได้ครับ
การนอนหลับที่สนิท และการนอนที่ได้คุณภาพ บางทีก็ทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วกว่ายาซะอีกครับ
ปล ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่ชัวร์ เรื่องยาที่ใช้ หรือ โรคที่เป็น ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวที่รู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ จะดีที่สุดครับ