BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Jun 2008
ตอบ: 3532
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 22, 2020 15:41
[MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก
ตอนย้ายมาที่ แมนเชสเตอร์ ใหม่ ๆ ผมมีปัญหาเรื่องภาษาให้ต้องรับมือ ผมใช้ชีวิตใน ฮอลแลนด์ ระหว่างเล่นกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แค่ 2 ปีครึ่ง โดยระหว่างนั้นผมเลือกเรียนทั้งภาษาดัตช์และอังกฤษ ซึ่งมันยากมาก ๆ มันเป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่รู้อะไรเลย... ไม่เลยจริง ๆ... ไม่รู้ภาษาอื่นเลยนอกจากเกาหลี และญี่ปุ่น



การได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเบื้องต้น ช่วยผมได้ตอนที่ย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2005 เพราะผมจำเป็นต้องคุยกับนักเตะคนอื่น ๆ และนั่นคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยผมปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมของสโมสร ในช่วงแรกนั้น มีนักเตะสองคนช่วยเหลือผมในการปรับตัวได้มากที่สุด เพราะพวกเขาเป็นคนดัตช์ ซึ่งก็คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

เอ็ดวิน ย้ายเข้ามาเกือบ ๆ จะพร้อมกันกับผม ในตลาดนักเตะเดียวกัน และเขาก็มีประสบการณ์การเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ ฟูแล่ม มาแล้ว ส่วน รุด อยู่กับสโมสรมา 2-3 ปี ตอนนั้นเขาเป็นคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์สโมสรให้ผมฟังได้อย่างดีเยี่ยม มันช่วยได้นะ กับการที่ผมมีคอนเน็คชั่นจากการใช้ชีวิตในฮอลแลนด์มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ รุด เพราะเขาเคยอยู่ที่ พีเอสวี มาก่อนเหมือนกันกับผม

พูดไม่ได้หรอกว่า ภาษาอังกฤษของผมในตอนนั้นมันห่วย แต่มันก็ดีกว่าภาษาดัตช์แหละ เราจึงคุยภาษาอังกฤษกัน และพวกเขาทั้งสองคนก็ช่วยผมปรับตัวได้ดีมาก ๆ เรื่องภาษาคือความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง อังกฤษ กับ ฮอลแลนด์ นั่นจึงเป็นปัญหาใหญ่อย่างเดียวของผมที่ต้องปรับตัว และผมก็ค่อย ๆ พัฒนาตลอดเวลา เรียนรู้ภาษา เรียนรู้ฟุตบอลอังกฤษ และความหมายของการเล่นให้กับ "ยูไนเต็ด"



หลังจากที่ผมย้ายมาได้ 2-3 เดือน ชาวฝรั่งเศสตัวน้อยคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับ ปาทริซ เอฟร่า เพราะตอนที่ผมอยู่ที่ พีเอสวี เราเคยดวลกับ โมนาโก ในแชมเปี้ยนส์ ลีก น่าจะเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ผมรู้จักกับเขาจากแมตซ์เหล่านั้น

ในช่วงที่เขาเพิ่งจะย้ายเข้ามา ผมก็เพิ่งมาอยู่ได้แค่ 6 เดือน ตอนนั้นมีนักเตะฝรั่งเศสหลายคนที่ช่วยให้เขาปรับตัว ทั้ง หลุยส์ ซาฮา และ มิกาแอล ซิลแวสต์ ซึ่งช่วยเขาได้เยอะเลย

ช่วงแรกเราก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นที่ตรงไหน แต่เราค่อย ๆ ซี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาย้ายมาอยู่ที่ แอลเดอร์ลี่ย์ เอ็ดจ์ หลังจากนั้นเขาก็แนะนำให้ผมแบบเดียวกัน เราใช้ชีวิตอยู่ใกล้กัน และซี้กันมากกว่านั้นผ่านวีดีโอเกม ตอนนั้น เราทั้งสองคนเล่น Pro Evolution Soccer (PES) ทุกครั้งที่เราเล่นเกม ไม่ว่าจะบ้านใคร คนนั้นต้องเลี้ยงมื้อค่ำ เราเล่นเกมด้วยกัน แล้วก็ซี้กันจากนั้นเป็นต้นมา ผมไม่พูดฝรั่งเศส เขาก็ไม่พูดเกาหลี เราต่างใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่ดี จึงน่าจะเรียกได้ว่า "ภาษาฟุตบอล" นั่นแหละที่ช่วยให้เราซี้กัน

ช่วง 2-3 เดือนแรก เวลาอยู่ในสโมสรเขาจะเงียบมาก แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน เขาอยากรู้เรียนรู้ทุกอย่าง รู้จักทุกคน ก่อนที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา พอเขารู้จักสโมสรแล้ว รู้จักเพื่อนนักเตะหลายคนแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น แล้วทุกคนก็ได้เห็นว่าเขาเป็นคนบุคลิกยอดเยี่ยมยังไง และได้กลายมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในห้องแต่งตัว

ปาทริซ เป็นคนเสียงดัง ทุกคนทราบเรื่องนี้ดี บางทีน่าจะดังระดับท็อปทรีของห้องแต่งตัวเลย ริโอ, แกรี่ และ ปาทริซ...

ผมคิดว่าทุกคนก็น่าจะเดาออกแหละ เวลาที่สามคนนั้นเสียงดังสุดในห้องแต่งตัว !
เอาเข้าจริงเลยนะ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ปาทริซ กับผมเนี่ยกลายเป็นเพื่อนซี้กันได้ยังไง อาจเพราะด้วยเงื่อนไขของเวลา



และเมื่อ คาร์ลอส เตเบซ ย้ายมาในปี 2007 เราสามคนก็ซี้กันมาก และมันก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เขา (เตเบซ) พูดภาษาสเปน, ปาทริซ ก็พูดสเปนได้เหมือนกัน ไม่นานหลังจากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน หลังการฝึกซ้อม เราจะมาเล่นจะเล่น Two-Touch ด้วยกัน และหลังจากนั้นก็เริ่มจะเป็นทุกอย่างแล้วที่เราทำด้วยกันนอกสนาม แม้ว่าผมจะไม่สามารถสื่อสารกับ คาร์ลอส เพราะผมพูดสเปนไม่ได้ และเขาก็พูดอังกฤษไม่ได้เหมือนกันในตอนนั้น ปาทริซ ก็คอยเป็นล่ามช่วยสื่อสารให้กับเราสองคน
.
เรามักจะเอาคำจากภาษาของแต่ละคนหยิบยกขึ้นมา ...เกาหลี, ฝรั่งเศส, สเปน แต่ก็แค่ไม่กี่คำ บางทีก็เป็นคำหยาบเอามาเล่นกัน ! แต่โดยมากแล้วเราใช้ภาษาอังกฤษ และ ปาทริซ ก็จะช่วยแปลในจังหวะที่เขาอยากแปล เพราะผมว่า คาร์ลอส พูดอังกฤษได้ แต่เขาไม่อยากพูด แค่นั้นเอง !

เรากินมื้อค่ำด้วยกันที่โรงแรม หรือแม้กระทั่งช่วงวอร์มอัพก่อนลงสนาม เราก็ทำมันด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันแทบจะทุกเวลา บนเครื่องบินไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก, บนรถไฟในอังกฤษ เรานั่งด้วยกัน
มันเกิดขึ้นอย่างแนบเนียน แม้ว่าเราจะไม่มีภาษากลางในการสื่อสาร แต่เราก็แฮปปี้เมื่ออยู่ด้วยกัน เรารู้สึกโอเคทุกคน แต่ละคนควรมีความรู้สึกสะดวกสบายเมื่ออยู่กับใครสักคน และแม้ว่าเราจะไม่สามารถสื่อสารด้วยกันโดยตรง แต่เราก็รู้สึกโอเคเมื่อได้อยู่ด้วยกัน 3 คน

สิ่งแวดล้อมก็มีส่วน เพราะทุกคนมีความสุขกับความเป็นไปของทีม เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมทั้งในและนอกสนาม เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และบางครั้งก็รู้สึกว่า เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าตอนอยู่กับครอบครัวเสียอีก
กับสถานการณ์ตอนนั้น นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด กับการมีความรู้สึกพิเศษกับนักเตะคนอื่น ๆ เรามีความเป็นมืออาชีพ และเราทราบสิ่งที่ต้องทำ และต้องทำมันยังไง จากนั้นเราก็ชนะเกมสำคัญ ๆ ได้แชมป์และแบ่งปันช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยกัน



ตัวอย่างสำหรับผม ปาทริซ และ คาร์ลอส ทำให้ผมเห็นว่า ห้องแต่งตัวของ ยูไนเต็ด เป็นยังไงในตอนนั้น เรามาจากคนละทวีป เรามาจากคนละมุมโลก นักเตะจากเอเชีย, ยุโรป, อเมริกาใต้ แต่กลายมาเป็นเพื่อนซี้กันในสโมสร
นั่นแสดงให้เห็นว่าห้องแต่งตัวของ ยูไนเต็ด เป็นยังไง ทำให้ทุกคนเห็นว่ามันดีแค่ไหน และประสบความสำเร็จมากขนาดไหน

เราได้แชมป์พรีเมียร์ลีกหลายครั้ง และผมก็ได้ไปถึงนัดชิงฯ อีกหลายครั้ง ...คืนที่มอสโก คือวันที่ผมเสียใจมากที่สุด เมื่อพบว่า ผมไม่ได้อยู่ในทีมชุดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เชลซี (ในปี 2008)

ทุกคนดีกับผม ผมยังจำได้ดีเลยล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ปาทริซ และ คาร์ลอส พวกเขาเข้ามาปลอบผม ผมเสียใจ แต่พวกเขาเข้ามากอดผม และรู้สึกได้จากสีหน้าของพวกเขาว่า เขาผิดหวังไปกับผม และรู้ว่าพวกเขาเศร้าแค่ไหน พวกเขาต้องการแชร์โมเมนต์แบบนี้กับผม กับเพื่อนของเขา นั่นทำให้ผมประทับใจกับการกระทำของเขา และการแสดงออกทางสีหน้าของเขาในวันนั้น

"แต่ผมทำอะไรได้ล่ะ ?"

ผมเคยผิดหวังมาก่อนแล้ว และเมื่อเกมเริ่ม ผมก็ได้แต่ภาวนาให้เราได้รับชัยชนะ นั่นคือสถานการณ์ของเรา บรรยากาศในห้องแต่งตัวของเราเป็นแบบนั้น หลังจากทุกอย่างจบลง เราคว้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีใครโทษใครอีกแล้ว ...แม้ว่า งานปาร์ตี้หลังจากนั้น ผมสนุกกับมันไม่เต็มที่นัก มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ในหัวผมเข้าใจว่าเราเป็นแชมป์ยุโรป แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ในใจ มันจึงเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไป

ผมมีความสุขที่เราประสบความสำเร็จ และได้แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากได้ และผมก็รู้ดีว่าไม่ใช่แค่ผม มีนักเตะอีกหลายคนในทีมที่ไม่ได้ลงสนาม เรามีอีก 25 คนหรือมากกว่าที่อยากอยู่ในทีม และมีแค่ 18 คนเท่านั้นที่จะได้ไปอยู่ในจุดนั้น

ผมเลยรู้ว่าก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว นั่นคือ "ทีม" สำหรับผมแล้ว ผมดีใจที่ได้มีส่วนร่วมกับบางสิ่งในทีมนี้ ที่ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่นักเตะทุกคนทราบดีว่าต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าผมไม่ได้อยู่ในทีมที่ผู้จัดการเลือกที่มอสโก นั่นหมายความว่าผมยังมีบางสิ่งที่ต้องพัฒนาตัวเอง ถ้าคุณสูญเสียอะไรไปบางอย่าง คุณต้องหาวิธีที่จะเอามันมาให้ได้ในครั้งต่อไป

ผมทำสำเร็จ เพราะปีต่อมาที่เราไปถึงนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง และผมได้เป็นตัวจริง แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ พวกเราไม่ชนะ



หลังจากนั้น คาร์ลอส ก็อำลาทีมไป และมันก็แปลก ๆ เราเคยใช้ชีวิตด้วยกัน และพอเขาย้ายออกไปก็มีพื้นที่ว่างที่เคยมีเขาอยู่ ผมและปาทริซคุยกันตลอดเรื่องนี้ ประหลาดใจว่าทำไมเขาย้ายไป ซิตี้ เราคิดถึงเขา แต่นั่นก็คือ "ฟุตบอล" ไม่มีทางที่คุณจะได้ร่วมงานกับนักเตะชุดเดียว ชุดเดิมไปตลอดจนคุณแขวนสตั๊ด เราทราบดีว่าวันนึงเราต้องแยกย้าย แต่สำหรับเรานี่มันเร็วเกินไป หลังได้ร่วมงานกันแค่ 2 ปี เราอยากให้เขาอยู่ต่อ แต่นั่นก็คือชีวิตบนโลกลูกหนัง และเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้

ไม่นานหลังจากนั้น คาร์ลอส ก็กลับมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ภายใต้สีเสื้อของ แมนฯ ซิตี้ มันเป็นวันที่แปลกสำหรับเรา แม้กระทั่งการอบอุ่นร่างกาย เราอยู่ด้วยกันสามคนตลอดในการวอร์มอัพ แล้วจู่ ๆ ในเกมนี้เราโดนแยกออกจากกัน มีแค่ผมกับ ปาทริซ ที่อยู่ด้วยกัน แล้วเห็น คาร์ลอส อยู่ตรงนั้นกับทีมใหม่ของเขา โมเมนต์แรกที่ได้เห็นเขามันเป็นความรู้สึกที่แปลก แต่หลังจากนั้นมันก็หายไป เพราะเราคือมืออาชีพ

เราต้องโฟกัสกับเกม เราต้องชนะ หลังจากนั้นเราจึงสามารถไปกอด และคุยกับเพื่อนของเรา แต่ระหว่างเกม หน้าที่หลักของเราคือการโฟกัสกับศึกดาร์บี้ และเราต้องชนะ สำหรับฟุตบอล ทุกอย่างต้องเดินต่อ เราจึงเหลือกัน 2 คนในห้องแต่งตัว



นักเตะทุกคนสงสัยเหมือนกันว่าเราเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ? พวกเขาถามเรา แต่เราก็ไม่เคยมีคำตอบให้กับพวกเขา มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มันมาจากความรู้สึกของพวกเราเอง นี่คือสิ่งพิเศษ เรามีความสุขกับมัน และคิดว่าทุกคนก็มีความสุขที่ได้เห็นเรา และสงสัยว่าเราสนิทกันได้ยังไง พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมกับเราตลอด หัวเราะไปกับเรา และเชื่อว่าพวกเขาก็ชอบที่จะเห็นความสัมพันธ์แบบพวกเราในทีม พวกเขามาเล่นสนุกกับเรา และในจุดนึงเราก็ได้ชื่อเล่นว่า "Rush Hour" (จากภาพยนตร์เรื่อง คู่ใหญ่ฟัดเต็มสปีด)

ตอนนั้นหนังเรื่องนี้กำลังดังไปทั่วโลก คนในอินเตอร์เน็ตทำภาพโปสเตอร์หนังเรื่องนี้โดยตัดต่อเอาหัวของเราสองคนไปใส่ หัวของผมอยู่กับ แจ็คกี้ ชาน ส่วน ปาทริซ เป็น คริส ทัคเกอร์ พอผมเห็นมัน ก็เอาไปให้ ปาทริซ ดู เราชอบนะ เรามองว่ามันน่าตลกดี และเราก็หัวเราด้วยกันทุกครั้งที่เห็น

ทุกคนในห้องแต่งตัวชอบ และติดใจ มีอยู่ครั้งนึงที่เราถ่ายรูปสองคนในแอ็คชั่นเดียวกับโปสเตอร์ เรามีช่วงเวลาที่ดี แต่อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละ ไม่มีทางที่เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันในโลกฟุตบอลไปตลอดกับนักเตะชุดเดิมและในปี 2012 ผมต้องอำลายูไนเต็ด มันเป็นช่วงเวลาที่แปลก และเศร้ามาก มันยากลำบากสำหรับผม ...7 ปีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่ผมใช้กับสโมสรของผม แต่นั่นคือเวลาที่ผมต้องไปเพื่อจะได้ลงเล่น

มันเป็นช่วงเวลาที่ยาก และยิ่งกับการบอก ปาทริซ...ว้าว มันเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่า ผมเสียใจกับเขา เรามีเอเยนต์คนเดียวกัน และเขาก็รู้เกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาทราบดีว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นเลย

เขาเศร้ามาก และบอกกับผมว่า "แล้วฉันจะซ้อมกับใคร ?"
ทุกครั้งที่ลงสนามมันก็เป็นผมที่ซ้อมกับเขา ผมอยู่กับเขามาตลอดเส้นทางการค้าแข้งกับ ยูไนเต็ด ดังนั้นเราคุยกันทุกเรื่อง แน่นอนว่าเราเศร้า แต่สุดท้ายแล้วเขาก็อวยพรให้ผมโชคดี ก่อนที่ผมจะจากไป (ไปร่วมทีมคิวพีอาร์)



เรายังเป็นเพื่อนกัน และเขาก็มางานแต่งงานผมใน 2-3 ปีหลังจากนั้น ตอนนั้นเขาอยู่ในอเมริกา ดังนั้นมันจึงเป็นการเดินทางที่หฤโหด กับการบินมาที่เกาหลีใต้ แล้วแทบจะบินกลับไปฝรั่งเศสทันที

เขาอยู่กับผมแค่วันเดียว และนั่นเป็นการเดินทางวันเดียวที่โหดมาก เขามาเกาหลี 2-3 ครั้งกับอีเวนท์ส่วนตัวของผม ผมดีใจมาก

ตอนนี้เรายังนัดกินข้าวกันในลอนดอนหรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่เราอยู่ด้วยกัน เราคุยกันทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็ส่งข้อความหากัน เรายังมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น การได้เจอเขาเป็นหนึ่งในความประทับใจในชีวิตผม ปาทริซ เป็นเพื่อนร่วมทีมที่เจ๋ง แต่มันเป็นมากกว่านั้น

เขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย


ขอขอบคุณ เพจ ตุ้ย พันเข็ม
กับบทสัมภาษณ์ของ เรื่องราวดี ๆ จากปาก พาร์ค จี-ซอง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออนไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: Welcome Timo
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 9626
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 22, 2020 15:43
[RE: [MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก]
เอฟร่านี่สนิทกับปาร์คจัดๆ พึ่งรู้ความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็ใน Running Man อ่ะ

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1278
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 22, 2020 16:50
[RE: [MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก]
คิดถึงทีมตอนนั้นจัง
เบอร์ 1 ของโลกแบบจริง ๆ อ่ะ
ทีมอื่นจะเก่งมาจากไหน ก็คิดว่าชนะได้หมดอ่ะ
อย่างที่เบิร์บบอก แค่ทีมตรงข้ามรู้ว่าจะต้องแข่งกับ united
พวกเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jun 2020
ตอบ: 9469
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 22, 2020 19:05
[RE: [MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก]
Siyaknight พิมพ์ว่า:
คิดถึงทีมตอนนั้นจัง
เบอร์ 1 ของโลกแบบจริง ๆ อ่ะ
ทีมอื่นจะเก่งมาจากไหน ก็คิดว่าชนะได้หมดอ่ะ
อย่างที่เบิร์บบอก แค่ทีมตรงข้ามรู้ว่าจะต้องแข่งกับ united
พวกเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
 

+1 ครับ ยุคนั้น มีความรู้สึกว่าจะชนะทุกนัดจริงๆ
ไม่ว่าทีมเล็กใหญ่ มาเหอะ เราสู้ได้
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 12172
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Nov 22, 2020 21:08
[RE: [MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก]
เอฟ นี่ตัวปั่นเลยชอบแกล้ง พาร์ค แต่ก่อนจะมีคลิปตอนไปทัวร์พรีซีซั่นจำไม่ได้ว่าใครถ่ายน่าจะริโอ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
ตอบ: 1934
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Nov 23, 2020 00:49
[MUFC] พาร์ค-เอฟ-เตฟ เรื่องราวของมิตรภาพ 3 ขั้วโลก
อ่านแล้วโคตรอิน มีอารมณ์ความรู้สึกปลื้มปริ่ม อิ่มเอม มีความสุข เหงาปนเศร้าไปกับพวกเขาเลย

คิดถึงและรักพวกนายทุกคนเลย ปาทริซ, ปาร์ค, คาร์ลอส

เอฟร่า เคยบอกว่า เขาไม่ชอบเลยตอนเห็น เตเวซ บนป้ายแบนเนอร์ Welcome to Manchester ของ ซิตี้

หลังจาก เตเวซ เซ็นสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ เอฟร่า ได้พูดกับ เตเวซ ว่า.. "คาลิโต้.. นายกำลังทำอะไรลงไป เสื้อตัวนี้(แมนฯ ซิตี้)มันไม่ใช่ตัวนายเลย ฉันไปบ้านของนาย และนายยังคงมีรูปของนายที่สวมเสื้อ ยูไนเต็ด วางอยู่ใกล้โต๊ะพูลของนายอยู่เลย! นายเป็นสีแดง! นายรู้อยู่เต็มอกลึกลงไปในหัวใจของนาย ว่านายน่ะคือ..ยูไนเต็ด"
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel