บทความจากเพจ poetry of bitch

มองหลายมุมเรื่อง ‘คชโยธี’
—————
ตอนที่ 1: ที่มาที่ไป
ตอนที่ 2: ชีวิตของคชโยธี
ตอนที่ 3: สู่เส้นทางการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ตอนที่ 4: สื่อไปเยี่ยมบ้านคชโยธี
ตอนที่ 5: ฮีโร่ของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล
ตอนที่ 6: คชโยธี เหยื่อของสังคมที่ล้มเหลว?
—————
⚫️ ตอนที่ 1: ที่มาที่ไป
:
1- ก่อนหน้านี้มีเด็กชายชื่อ “คชโยธี เฉียบแหลม” ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มเยาวชนปลดแอก ด้วยการเข้าร่วมกับกลุ่มไทยภักดี และก่อตั้งกลุ่มเยาวชนช่วยชาติ อย่างไรก็ตามสมาชิกในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ เขาอ้างว่าเพราะเยาวชนที่รักชาติมีน้อย
2- ข้อเรียกร้องของเขา เช่น ไล่ธนาธรกับปิยบุตรออกนอกประเทศ, ให้ใช้มาตรา 112 จัดการคนที่หมิ่นสถาบันฯ อย่างเด็ดขาด, หักคะแนนความประพฤตินักเรียนที่มาร่วมชุมนุม ไม่ให้ทุน จบไปไม่ให้งานทำ, ห้ามแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ
3- เมื่อรวมเข้ากับการเรียกเยาวชนปลดแอกว่า ‘เยาวชนปลดแอ๊ก’ การเผลอชู 3 นิ้ว การประกาศว่า ‘เผด็จการจงเจริญ ประชาธิปไตยจงพินาศ’ ฯลฯ ก็ทำให้เด็กชายผู้นี้กลายเป็นที่สนใจของสื่อและคนทั่วไป แต่คนส่วนใหญ่แทบไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
—————
⚫️ ตอนที่ 2: ชีวิตของคชโยธี
:
4- คชโยธีมีชื่อเล่นว่า "เกม" อายุ 15 ปี จบ ป.6 จาก รร.วัดชัยฉิมพลี ย่านภาษีเจริญ ปัจจุบันกำลังเรียน กศน. ระดับมัธยมที่ทวีวัฒนา เกมบอกว่าสมัยเรียนในระบบ เขาเป็นเด็กกิจกรรม ทำให้ไม่ค่อยได้ส่งงานครู
5- พ่อของเกมอายุ 36 ปี ทำงานเป็นลูกจ้างขนส่งพลาสติกอยู่ที่นครปฐม ส่วนแม่แยกทางกับพ่อและทิ้งเกมไปตั้งแต่เขาอายุเพียง 9 เดือน หลังจากนั้นก็ไม่เคยติดต่อมาอีกเลย เกมบอกว่าสำหรับเขาเหมือนแม่ได้ตายไปแล้ว มีบ้างเหมือนกันที่เขานึกถึงแม่ แต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป
6- คนที่เลี้ยงเกมมาตั้งแต่แบเบาะคือย่า ซึ่งปัจจุบันอายุ 70 ปีแล้ว เกมจึงเรียกย่าว่าแม่ บ้านของเกมเป็นบ้านไม้ ตั้งอยู่ในชุมชนแออัดริมน้ำย่านบางแค ซึ่งเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เล็ก
7- นอกจากย่าแล้ว ยังมีน้องสาวต่างแม่อายุ 1 ขวบกว่าอยู่ที่นี่ด้วย เกมบอกว่าเมื่อก่อนพ่อไม่ได้ส่งเสียเขา แต่เมื่อพ่อเอาน้องมาให้ย่าช่วยเลี้ยงอีกคน พ่อก็เริ่มส่งเงินให้ย่าบ้าง โดยพ่อกับแม่เลี้ยงจะมาเยี่ยมทุกวันอาทิตย์
8- เกมมองว่าครอบครัวของเขาไม่ได้ยากจนหรือขัดสน เขาแค่อยู่อย่างพอเพียงเท่านั้น ตอนเรียนประถมย่าให้เงินไปโรงเรียนวันละ 120-130 บาท วันไหนไม่ได้ไปโรงเรียนย่าจะให้เงินใช้วันละ 40 บาท
9- เมื่อมาเรียน กศน. ซึ่งเรียนแค่วันพุธวันเดียว ทำให้เมื่อราว 2-3 เดือนที่แล้ว เขาเริ่มหางานรับจ้างต่าง ๆ ทำ เช่น งานก่อสร้าง เป็นลูกมือซ่อมหลังคา ทาสีกำแพง มีรายได้วันละ 200-300 บาท แต่ก็ไม่ได้มีงานทุกวัน
10- เกมบอกว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะมองว่ามีไปก็เท่านั้น ชีวิตในแต่ละวันเขามักเก็บตัวอยู่ในห้องนอนกับโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาในการเล่นเกม หาข้อมูลมาตอบโต้ทางการเมือง ไลฟ์เฟซบุ๊ก หรือไม่ก็นอน เกมยอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้ช่วยย่าทำงานบ้าน
11- เกมไม่มีศิลปินคนโปรด ไม่มีอาหารจานโปรด ไม่เล่นกีฬา ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่มีอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง เขาไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร และยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต เพราะเขาเชื่อว่าต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน
—————
⚫️ ตอนที่ 3: สู่เส้นทางการเคลื่อนไหวทางการเมือง
:
12- เกมเพิ่งสนใจการเมืองราว ๆ ช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม 2563 เพราะเห็นข่าวการประท้วงของเยาวชนปลดแอกทางทีวี และไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องต่าง ๆ ต่อมาเขาได้ฟัง “หมอวรงค์” แกนนำกลุ่มไทยภักดีไลฟ์ จึงทักหมอวรงค์ไปและได้พูดคุยกัน จนเกมตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
13- สำหรับเกม เขามองว่าพลเอกประยุทธ์ทำงานดี มีผลงาน เช่น รถไฟฟ้า บีทีเอส รถเมล์หลายสาย แต่สิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจแย่ก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญ การยุบสภา และการให้เงินเดือน ส.ส.
14- เกมมองว่าเผด็จการขึ้นมาบริหารประเทศทีไร ประเทศไทยเจริญทุกที แต่คนที่มาจากประชาธิปไตยกลับโกงจำนำข้าว แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยเลวกว่าเผด็จการ
15- เกมไม่มีนักการเมืองที่ชื่นชอบ แต่มีไอดอลเป็นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบ่อย ๆ 3 คน คือ หมอวรงค์ หมอเหรียญทอง และอุ๊ หฤทัย
—————
⚫️ ตอนที่ 4: สื่อไปเยี่ยมบ้านคชโยธี
:
16- เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 รายการ "รอบโลก Daily" ของช่อง PPTV ได้ไปสัมภาษณ์เกมที่บ้าน ภาพที่ออกมาทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงสภาพความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของเขา
17- เกมได้โพสต์เฟซบุ๊กโต้ตอบว่าครอบครัวของเขาฐานะปานกลาง ไม่ได้ยากจน แต่วันนั้นเขาไม่ให้นักข่าวถ่ายย่า เพราะต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวให้คนในครอบครัว ทำให้นักข่าวไม่ได้เก็บภาพตรงที่ย่าอยู่ ซึ่งเป็นพื้นปูนทำใหม่หมดและเปลี่ยนหลังคา เกมมองว่าเขาโชคดีกว่าคนอื่นมาก บางคนไม่มีบ้าน บางคนไม่มีข้าวกิน และบางคนก็เป็นบ้า
—————
⚫️ ตอนที่ 5: ฮีโร่ของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล
:
18- ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลมองว่า เกมอายุยังน้อยแต่คิดเป็น ความคิดความอ่านเหมือนผู้ใหญ่ พ่อแม่จะต้องภูมิใจในตัวเขา
19- พวกเขามองว่าถ้าบ้านเมืองมีเด็กและเยาวชนที่มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างเกม ประเทศชาติก็จะไม่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้
20- คนกลุ่มนี้มองว่าเกมมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนเยาวชนจากอีกฝั่งที่ถูกหลอกใช้ และเขาจะมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าต่อไปจากการคิดดีทำดีของเขา
—————
⚫️ ตอนที่ 6: คชโยธี เหยื่อของสังคมที่ล้มเหลว?
:
21- ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมองว่า เกมเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเหลื่อมล้ำ ความผิดพลาดของระบบการศึกษา ความล้มเหลวของสถาบันครอบครัว และโครงสร้างทางสังคมที่กดทับเขาเอาไว้ โดยที่เขาไม่รู้ตัวและมองไม่เห็นปัญหา
22- ชีวิตของเขาแทบไม่ได้เข้าถึงสวัสดิการรัฐใด ๆ เลย แม้แต่เรื่องรถไฟฟ้าที่เขาชื่นชมว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ก็ไม่รู้ว่าเขามีโอกาสได้ใช้กี่ครั้ง
23- คนกลุ่มนี้มองว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกมถูกฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว อาจจะด้วยเงินค่าจ้างหรือคำเยินยอปลอม ๆ ทำให้เกมเข้าใจว่าเขากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่
24- พวกเขาจึงเรียกร้องให้ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลหยุดใช้เกมเป็นเครื่องมือ ส่วนสื่อก็ควรหยุดให้พื้นที่แก่เขา เพื่อไม่ให้เขาหลงทางไปมากกว่านี้
25- ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ยังขอให้ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเลิกบูลลี่หรือล้อเลียนเกม เพราะเขาคือเหยื่อของกับดักทางสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยพยายามผลักดันให้มีการแก้ปัญหามาตลอด เกมควรจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้และหลุดพ้นจากวังวนนี้
:
ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพนะคะ

ไม่เคยให้ราคาอยู่แล้ว

แต่เอาจริงๆมีโมเม้นแอบสงสาร
เหมือนเป็นโล่แชร์ดาเมจให้อีกฝั่ง

เกลียดไอ้สส.สอบตกมากกว่า เอาเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา มาเป็นเครื่องมือ มาเป็นเป้าให้คนบูลลี่ โคตรเกลียดแม่งเลย

อ่านตั้งแต่เมื่อเช้าครับ ส่วนตัวผมไม่ได้เกลียดน้องนะ แต่สมเพชมากกว่า หลังจากอ่านจบแล้วก็ยังเหมือนเดิม

ในมุมปัจเจกผมมองว่านี่คือปัญหาจากการมีลูกเมื่อไม่พร้อม ในเชิงโครงสร้างนี่คือผลของความล้มเหลวหรือไม่สมบูรณ์ของทั้งระบบ

ผมเฉยๆนะ ผมรู้สึกว่าใครอยากคิดอะไรก็คิด ใครอยากพูดอะไรก็พูด คนจะมีความเห็นยังไง ผมไม่ไปเกลียดได้หรอก แค่เห็นไม่ตรงกัน ผมว่าอย่าไปถึงขนาดเกลียดเลย

เพียงแต่ผมไม่เข้าใจว่าอีกฝั่ง มันหาใครดีมีเหตุผลกว่านี้แล้วไม่ได้หรอ ถึงต้องไปโหนเด็กที่แมร่งไม่ได้มีความคิดอะไรแหวกๆเลย ไม่ได้เป็นนักวิชาการ ไม่ได้มีหลักการอะไรมายืน ขอแค่อย่างเดียว อวยเจ้า แค่นี้ก็มีคนสรรเสริญได้พื้นที่สื่อแล้วหรอ หาใครดีกว่านี้ไม่ได้จริงๆหรอ มันส่อถึงปัญหาฝั่งนั้นจริงๆนะ ว่าจนปัญญาในการใช้เหตุผลแล้ว จนต้องเน้นอารมณ์มาช่วย

ไอ้เด็กคนนึงจะมาออกความเห็นน่ะ ผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ แต่ถ้าให้พื้นที่สื่อขนาดนี้ มันเป็นปัญหาแล้วล่ะ

ได้ค่าจ้างครบยัง

ตอนแรกก็เฉยๆนะ พอมาดูมุมแบบนี้ผมกลับมองย้อนไปว่าเขาโตมาในสังคมแบบไหน อะไรที่ทำให้เขาคิดหรือเป็นแบบนี้ สมมุติว่าเขารับเงินจริงๆ เขาต้องรับเท่าไหร่ถึงกล้าขายวิญญาณตัวเองแบบนี้ เอาจริงๆก็แอบสงสารเหมือนกัน

ตย. สิ่งที่เค้าต้องการ นี่แหละโง่ๆแบบนี้แหละให้เศษกระดูกหมาเลี้ยงไว้ เชื่ิงดีด้วยนะพวกนี้และพวกนี้ยินดีแลกได้หมดเลยด้วย
ไอ้พวกเรียกร้องชนชั้นกลางน่ะมันมีของต้องเสียต้องแลกมากกว่าเยอะมาก ทางไหนก็เจ็บ

บางทีมันก็ย้อนคิดว่าจริงๆแล้ว ทั้งระบบการศึกษา การเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ทำไมถึงโดนฟรีชแช่แข็ง เพราะถ้าคนกลุ่มแบบ คชโยธี ลืมตาอ้าปากได้ หรือมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกอำนาจเก่าก็จะล่มสลาย เพราะขาดฐานเสียงอำนาจ กลุ่มคนนี้ทั้งน่าสงสาร และสังเวช และน่าโมโหไปในตัว

ผมไม่สงสารอะ แถมเกลียดมากกว่าเดิมด้วย

ข้อมูลก็มีไม่เปิดรับ

เฉยๆ เรื่องของเขา เป็นสิทธิของเขา

ไอัตัวเด็กอะผมเฉยๆ ใครมีสมองก็น่าจะพอรู้ล่ะว่าไปยังไงมายังไง

แต่ไอ้อย่างคนที่คิดแบบ ข้อ 5 อะโครตเกลียด เกลียดสัสๆ

ไอดอล คือ หมดวรงค์ หมอเหรียญทอง และ ป๋าอุ๋ oh my god

ความรู้สึกต่อคชโยธีนี่ใช้คำว่า"อนาจปนสมเพช"นี่น่าจะเหมาะมากที่สุดแล้วสำหรับผม ไม่เกลียด ไม่สงสาร แต่ไม่ชอบ

ส่วนตัวผมไม่อยากบอกว่าเด็กมันโดนหลอกใช้นะ แต่มันควรจะเป็นเด็กมันเสือกเอาตัวเองไปให้เขาใช้ จะให้สงสารเด็กคนนี้ผมทำไม่ได้หรอก ยิ่งล่าสุดเห็นที่ไปถ่ายที่บ้านเด็กคชโยธีมานี่ยิ่งหนัก คืออย่าเอาความยากจนมาเป็นข้ออ้างเวลาทำเรื่องแย่ๆ มันฟังไม่ขึ้น