300 ปลดแอก: ทำไมชาวสปาร์ตาถึงเป็นส่วนนึงของโฆษณาชวนเชื่อที่สำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์การทหาร?
ลองนึกภาพตามเรื่องเล่าต่อไปนี้กันดูนะครับ
คุณเป็นทหารหาญชาวตะวันออกกลาง ข้ารับใช้ราชาแห่งราชันย์ สมมุติเทพแห่งอาณาจักรเปอร์เซีย กรีฑาทัพนับแสนหวังปลิดปลงอารยธรรมกรีกอันแข็งข้อ ดับแสงตะวันด้วยเงามืดของห่าธนูนับหมื่นดอก คมหอกคมดาบมากเหลือคนานับจรดปลายไปยังอริราชเพียง 300
300 ปราการมนุษย์ไม่ยอมขยับ
300 ที่เข่นฆ่าพวกคุณนับหมื่น
300 สู้แสนแห่งสปาร์ตา…
.
.
ก็นะครับ ถ้าคุณกินเหล้าอยู่กับเพื่อนชาวกรีกโบราณ คุณคงได้ยินเรื่องเล่าทำนองนี้แหละ เรื่องของยอดมนุษย์สุดแกร่ง จุดสูงสุดแห่งการทหารชาวกรีก บลา บลา บลา
อะ ลองคิดดูเล่น ๆ ต่อและข้ามเวลากลับมาปัจจุบันดู ถ้าตอนกินเหล้าแถวทองหล่อกับเพื่อนแล้วมันบอกบริษัท startup เล็ก ๆ ที่มันลงทุนพึ่งพัฒนา AI สุดล้ำที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไทย เคยคุยเรื่อง funding กับ Google และ Alibaba แถมจะปฏิเสธทั้งหมดที่ว่ามาเพื่อเป็น Unicorn ตัวแรกแห่งสยามชาติ
โห คงวางแก้วมองบนส่องหางคิ้วตัวเองแทบไม่ทัน เดือนก่อนจำได้แค่ว่าเอ็งไปเสนอขายเขาแบบไม่มีใครชวนแล้วได้นั่งรอหน้าล็อบบี้เฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ?
...แต่เพื่อนคนอื่นอะดูจะเชื่อไปแล้ว และอีกไม่กี่วันมันคงลือเรื่อง Unicorn เลือดไทยตัวนี้กันให้แซ่ด
นี่แหละครับพลังของการตลาด หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า #โฆษณาชวนเชื่อ
.
ตำนานสปาร์ตา 300 นายต้านทัพเปอร์เซียก็เช่นกัน แม้จะมีเค้าโครงมาจากประวัติศาสตร์จริง แต่ก็มีองค์ประกอบไม่น้อยเลยที่บิดเบือนไปตามกาลเวลา ส่งผลให้พวกเค้าเปลี่ยนจากกองทหารที่ประสบความสำเร็จเฉย ๆ กลายมาเป็นตำนานอมตะได้
หลาย ๆ คนคงคุ้นเรื่องนี้จากหนัง 300 เมื่อ 10 กว่าปีก่อน #สรุปที่เราเชื่อผิดๆกันคร่าวๆ ก็คือเรื่องของการบุกกรีกโดยกองทัพอาณาจักรเปอร์เซียนับล้านในปี 480 ก่อนคริสตกาล ทหารสปาร์ตา 300 คนเลยตัดสินใจปักหลักที่ช่องเขา Thermopylae ทำภารกิจฆ่าตัวตายเพื่อให้เหล่าชาติกรีกที่เหลือมีเวลาจัดทัพปราบพวกเปอร์เซียได้
.
.
โอเค เค้าโครงพวกนี้ก็จริงโดยกว้างแหละ แต่เรามาดูกันว่าประวัติศาสตร์มีข้อมูลอะไรเติมเข้ามาอีกบ้างเมื่อเทียบกับที่เห็นในหนังนี่?
ข้อแรก อันนี้น่าจะเดา ๆ กันได้นะ #ทหารเปอร์เซียมีไม่ถึงล้าน ครับ แน่นอนว่าเยอะ แต่นักประวัติศาสตร์คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 ถึง 300,000 อย่างไรก็ดีทั้งฝั่งกรีกที่อยากให้ตัวเองดูดีตอนชนะก็ยินดีที่จะปล่อยให้ความเข้าใจผิดนี่คงอยู่ต่อไป
.
ข้อสอง #มีทหารกรีกชาติอื่นอีก7000นายพร้อมด้วยกองทัพเรือกว่า300ลำที่รบข้างพวกสปาร์ตา ครับ กองทัพผสมของกรีกเลือกที่จะตั้งหลักตรง Thermopylae จริง ๆ เพราะจุดคอขวดที่กว้างไม่ถึง 20 เมตร ณ จุดที่แคบที่สุด เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับฝั่งที่มีจำนวนน้อยกว่า กองทัพกรีก 7000 คนเลยตั้งหลักที่นี่ (กษัตริย์ลีโอไนดาสกับทหาร 300 นายของเค้าก็อยู่ในนี้นี่แหละ) โดยมีกองทัพเรือที่ว่าคอยกันไม่ให้เรือเปอร์เซียอ้อมแนวป้องกันทางน้ำ การรบส่วนใหญ่จนกระทั่งช่วงท้ายสุดก็เกิดขึ้นด้วยกองทัพนี้แหละ ซึ่งตรงนี้ก็ยอมรับว่าทางกรีกประสบความสำเร็จมาก เพราะพวกเขาต้านทัพที่ใหญ่กว่าสิบเท่าได้ถึงสองวันเลยทีเดียว
ซึ่งก็คงจะต้านได้นานกว่านั้นถ้าชาวบ้านแถวนั้นไม่ได้สอนพวกเปอร์เซียปีนทางลัดบนภูเขามาล้อมกองทัพกรีก เหมือนจะน่าเอาไปแช่ง แต่ก็ต้องเข้าใจว่า #ชาวกรีกเป็นวัฒนธรรมไม่ใช่ชาติ พวกเขาเชื่อและกินอะไรคล้าย ๆ กันแต่ก็รบกันเองอยู่ตลอด #ความผูกพันธุ์ภักดีที่แท้จริงของชาวกรีกคือกับเมืองเกิดของตัวเอง ไม่ใช่ “ชาติ” กรีก คอนเซ็ปของคำว่าชาติกรีกในตอนนั้นก็ยังไม่มีตัวตนด้วย เมืองกรีกหลายเมืองเองก็ช่วยพวกเปอร์เซียรบ
.
ซึ่งนี่ก็ส่งผลถึงข้อต่อไป เพราะการถูกล้อมนี้จะทำให้พวกกรีกตัดสินใจถอนทัพ โดย #มีทหารกรีก1400นายเป็นแนวหลังคอยกันทางหนีให้ นำโดยลีโอไนดาสและทหาร 300 นายของเค้า ซึ่งทางสปาร์ตาเองก็มีเหตุผลให้ต้องเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ เพราะพวกเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยในสงครามกับพวกเปอร์เซียครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อนหน้า ทิ้งให้พวกเอเธนส์ได้หน้าไปหมด จากหลักฐานที่มี ทางกรีกตั้งใจให้นี่ #เป็นแค่แผนถ่วงเวลาและไม่ได้คอนเฟิร์มว่ามีใครกะสู้จนตัวตาย (แต่หลักฐานที่มีบางเจ้าก็บอกว่ากะจะตายกันจริง) ซึ่งบทนี้แหละที่คนจะจำกันได้มากที่สุดในฐานะการ ‘สละชีวิต’ ของพวกสปาร์ตา เพราะพวกเขาทั้งหมดจะโดนจัดการภายในวันเดียว อีก 1,100 คนก็โดนชาวโลกส่วนใหญ่ลืมไป เป็นอันปิดฉากชีวิตลีโอไนดาสและเปิดฉากตำนานอมตะของพวกสปาร์ตา
.
แล้วสงครามนี้จบยังไง? หลังจากเหตุการณ์ 300 นี้ ทัพเปอร์เซีย (และพันธมิตรกรีก) จะบุกระรานเหล่าเมืองกรีกต่าง ๆ ถึงถิ่นอยู่เกือบปีแถมได้เผาเอเธนส์ด้วย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องถอยเพราะพายุทำลายกองเรือที่คอยทำหน้าที่ขนเสบียงให้กองทัพ ไม่สามารถเอาชนะทัพเรือเจ้าถิ่นได้ และแพ้กองทัพบกของกรีกในศึกหลังจากนั้นซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเจอทั้งปัญหาทรัพยากรและขวัญกำลังใจพร้อมกัน กองทัพเปอร์เซียเลยตัดสินใจถอยในปี 479 ก่อนคริสตกาล
.
.
แล้วทำไมคนถึงจำเหตุการณ์ 300 นี้กันได้? แถมยังจำแบบผิด ๆ ด้วย
หลัก ๆ เลย #นักประวัติศาสตร์กรีกตั้งแต่สมัยนั้นชอบเรื่องนี้กันมาก ครับ ในมุมของสังคมกรีก สงครามนี่คือปาฏิหาริย์ชัด ๆ ที่การรวมตัวของเมืองขนาดไม่ใหญ่จะปราบกองทัพเปอร์เซียได้ กองทัพสปาร์ตาตอนนั้นมีราว ๆ 8,000 คนเอง เมืองใหญ่ ๆ อย่างเอเธนส์เองก็มีทหารแค่ไม่กี่หมื่น การรวมกันของเมืองกรีกทั้งหมดน่าจะได้กองทัพขนาดราวต้นแสน เล็กกว่าทางเปอร์เซียอยู่พอตัว การการ์ดตกแบบเท่ห์ ๆ ปนรากเลือดพอตื่นเต้นก่อนจะชนะเหนือเมฆแบบสวย ๆ จึงเป็นฉากเปิดที่โคตะระจะตรึงใจ เราก็เลยมีบันทึกทั้งในยุคเดียวกันและหลายปีหลังจากนั้นจำนวนมหาศาล การบิดประวัติศาสตร์เองก็เริ่มตั้งแต่ยุคนั้นเลยแหละ เพราะนักประวัติศาสตร์กรีกฮีโรโดตัส (Herodotus) ที่บันทึกเหตุการณ์นี้แค่ 1 ชั่วคนให้หลังก็เริ่มโม้แล้ว เช่น ปั่นจำนวนทหารเปอร์เซียขึ้นเป็นล้าน บอกว่าลีโอไนดาสเป็นลูกหลานของเฮอร์คิวลิส ฯลฯ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งดังระเบิดเข้าไปใหญ่ทั้งในยุคนั้นและถัดไป
.
ต่อมา #ชาวสปาร์ตามันเด่นพอขายได้ ครับ ด้วยการเมืองที่ผิดแผกจากชาวกรีกทั่วไป สร้างกองทัพมืออาชีพในขณะที่กรีกชาติอื่นใช้กองทัพประชาชนที่รบเป็นงานพาร์ทไทม์ บ้าการฝึกตั้งแต่เด็ก แถมยังเป็นเด็กแนวเมินงานสร้างสรรค์อย่างการเขียนการแสดงที่กรีกคนอื่นชอบ (โดยเฉพาะเอเธนส์) คือเมินหนักขนาดที่ว่าบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่เรามีเกี่ยวกับสปาร์ตามาจากกรีกชาติอื่นหมดเลยเพราะเจ้าตัวเขียนน้อยมาก แม้แต่ในยุคเดียวกันชาวกรีกคนอื่นก็มองว่าสปาร์ตาเป็นคนแปลกแต่มีเอกลักษณ์ครับ ทำให้ทหารพิสดาร 300 คนนี้กลายเป็นตัวละครที่น่าเอามาเล่าอย่างยิ่งยวด นี่ยังไม่นับอีกนะว่าพวกเค้าถึงกับสละกษัตริย์ตัวเองในการรบ เด็กการตลาดหรือโฆษณาประกันชีวิตสมัยนี้มาเห็นคงน้ำลายหกจนรุ้งเจ็ดสีขึ้นเลย
.
นอกจากนี้ #เรื่องนี้คือวาทกรรมสร้างแบรนด์ของชาวกรีก ครับ อย่างที่บอกไป ชาวกรีกมองว่าการปราบเปอร์เซียรอบนี้เป็นอะไรที่สุดจะเหลือเชื่อและเป็นตัวคอนเฟิร์มว่าวัฒนธรรมของเค้าเจ๋งขนาดไหน แม้ในหนัง 300 จะแสดงพวกเปอร์เซียเป็นตัวกี้กี้ไอ้มดแดงตายง่าย แต่ในความเป็นจริง #เปอร์เซียเป็นอารยธรรมที่เจริญที่สุดของยุคนั้น เลยนะ ทั้งในเรื่องการค้า การทหาร ศิลปะและวัฒนธรรม การที่เผ่าชายขอบ ณ ตอนนั้นอย่างพวกกรีกปราบเปอร์เซียได้นี่เหมือนสหรัฐรบแพ้สวิสเซอร์แลนด์สมัยนี้อะครับ เรื่อง 300 แบบใส่ผงชูรสนี้คือสิ่งที่เพิ่มความมั่นใจให้ชาติกรีกอย่างมากและจะเป็นส่วนนึงของเชื้อเพลิงผลักดันการเติบโตทางวัฒนธรรมและตัวตนเค้า ด้วยความมั่นหน้า อะไรก็ออกมาน่าสนใจ ทั้งปรัชญา ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะสปาร์ตาที่ได้เครดิตไปเต็ม ๆ ยังไงทุกคนก็อยากเล่าตำนานนี่ต่อครับ แถมจะยังปรุงแต่งเพิ่มไปด้วย
.
ซึ่งไอ้แบรนด์กระทืบเปอร์เซียนี่แหละที่จะทำให้ชาติรอบด้านหันมาสนใจวัฒนธรรมกรีกยิ่งขึ้นไปอีก (จากที่แต่เดิมก็ดังแบบท้องถิ่นอยู่แล้ว) ซึ่งนี่ก็รวมถึงแคว้นมาซีโดเนียข้างเคียงด้วย ถึงขนาดที่ว่ากษัตริย์มาซีดอนพระองค์นึงจะเริ่มอบรมลูกชายด้วยการศึกษาแบบกรีกตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้เจ้าชายคนนี้กลายเป็นเนิร์ดตัวยงค์ และจะ #แพร่วัฒนธรรมกรีกไปทั่วโลกตะวันตกถึงเอเชียในนามอเล็กซานเดอร์มหาราช ด้วยความกรีกที่เผยแพร่ตามอาณาจักรของเค้า เรื่องเล่าต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงเรื่อง 300 จึงได้มีโอกาสแพร่กับเขาไปด้วย
.
.
สรุปแล้ว เรื่องเล่าของชาวสปาร์ตา 300 เป็นส่วนนึงของกองทัพที่ใหญ่กว่ามากในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนกว่าพวกเราคิด พวกเค้ากลายเป็นออเดิร์ฟเปิดตำนานความรุ่งโรจน์ของชาวกรีก ที่ยิ่งเล่ายิ่งโม้ และเรื่องเล่าพวกนี้แหละที่จะแพร่ไปกับแฟนอารยธรรมกรีกตัวยงค์อย่างอเล็กซานเดอร์มหาราชตอนที่เค้ายึดโลกตะวันตก ทำให้ตำนานเรื่องสปาร์ตา 300 คนแบบย่อ ๆ (ปนผิด ๆ) ได้เผยแพร่ไปทั่วและมีโอกาสรอดมาติดตาคนจนวันนี้
.
ปล. ขอบคุณทุกคนที่เชียร์ให้แอดเขียนเรื่องนี้ผ่านกิจกรรม #300ปลดแอก จากบทความสปาร์ตาอันก่อนหน้านี้นะครับ อ่านโพสต้นทางได้เลยตาม link นี้
“จาก 300 หดเหลือ 0: อะไรทำให้สปาร์ตาประชากรลดจนล่มสลาย?”
https://buff.ly/3n9dCJe
ขอบคุณครับ สำหรับใครที่ชอบเรื่องนี้ อ่านบทความอื่นของเราได้ตามลิงค์นี้นะครับ
https://buff.ly/3kdRBq8
.
.
ติดตามเพจเราได้ที่
Nerd With Me ประวัติศาสตร์ไม่มีใครถาม
Facebook:
https://buff.ly/3hqZUwY
Blockdit:
https://buff.ly/3mokRN5