แม็คไกวร์ครึ่ง ชม. แดง!'อีริคเซ่น' กดโทษดับสิงโตคาบ้าน 1-0
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
ความซวยของแฮร์รี่ แม็คไกวร์ยังไม่หมด มาโดนใบเหลืองสองกลายเป็นใบแดงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกทำให้อังกฤษเหลือแค่ 10 ตัว ก่อนเสียจุดโทษแล้วเป็นคริสเตียน อีริคเซ่นกดไม่เหลือเป็นประตูชัยพา เดนมาร์ก บุกมาชนะคาเวมบลีย์ 1-0 พร้อมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2 บนตารางคะแนน
อังกฤษ
Starting Formation: 3-4-2-1
7.
เดคลาน ไรซ์

76'
6
3.
ไอนส์ลี่ย์ เมียตแลนด์-ไนลส์

36'
6
11.
มาร์คัส แรชฟอร์ด

72'
6
10.
เมสัน เม้าท์

72'
6
ตัวสำรอง
14.
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

76'
6
23.
โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวีน

72'
6
16.
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
21.
เจดอน ซานโช่

72'
6
12.
ไทโรน มิงส์

36'
6
ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A2
สนาม เวมบลีย์
พุธที่ 14 ตุลาคม 2563
กรรมการ เฆซุส กิล
อังกฤษ
0
1
เดนมาร์ก
0-1 คริสเตียน อีริคเซ่น 35' (Pen.)
อังกฤษวันนี้ปรับเปลี่ยนนักเตะบางตำแหน่งลงสนามแต่ให้แฮร์รี่ เคน กลับมายืนหัวหอกตัวเป้า ร่วมกับมาร์คัส แรชฟอร์ด และเมสัน เม้าท์ ในแดนหน้า กองกลางคัลวิน ฟิลลิปส์ เป็นตัวจริงกับเดคลาน ไรซ์ ขณะที่แฮร์รี่ แม็คไกวร์จับคู่กับคอนเนอร์ โคอาดี้ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์โดยมีจอร์แดน พิคฟอร์ด เฝ้าเสา ด้านเดนมาณ์ก วางให้มาร์ติน แบรธเวต เป็นตัวเป้ายืนด้านหน้า คริสเตียน อีริคเซ่น โดยมีโธมัส เดลานี่ย์และปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก คอยเก็บกวาดกลางสนาม
ดอลเบิร์กได้ยิงติดบล็อค
เริ่มเกมขึ้นมาทีมเยือนตั้งเกมสู้ได้ดีและมีโอกาสส่องประตูไปก่อนเมื่ออีริคเซ่น ครอสบอลเข้าไปในกรบเขตโทษแล้วดอลเบิร์ก ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลไปติดบล็อคกองหลัง
แรชฟอร์ดหาช่องส่องโดนเซฟ
อังกฤษได้โกาสใกล้เคียงหนแรกของเกมเมื่อเมียตแลนด์-ไนลส์ เติมมาทางซ้ายก่อนจ่ายไปถึงแรชฟอร์ด ที่หาโอกาสยิงด้วยขวาจากระยะไกลแต่ชไมเคิ่ลไม่พลาดพุ่งไปเซฟเอาไว้ได้ทันเวลา
เกมยังสูสี
เกมส่วนใหญ่ที่ผ่านมายังไม่มีใครเหนือกว่ากันมากมายนักและโอกาสยิงก็มีกันไม่มาก เม้าท์ไหลต่อบอลไปถึงเคนได้อัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษก็ไปติดบล็อคอีก
อ่าว...แม็คไกวร์โดนเหลืองสอง
จังหวะซวยของ สิงโตคำราม ที่มาเหลือผู้เล่น 10 ตัวเป็นเดนมาร์กได้สวนกลับเร็วแล้วแม็คไกวร์พยายามเข้าเสียบโดนบอลแต่จังหวะตามน้ำไปสอยเอาข้อเท้าของดอลเบิร์กด้วย ทำให้กรรมการตัดสินใจแจกใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกเลย
หนัก....วอล์คเกอร์เสียโทษ!โคนมนำ 1-0
อังกฤษยิ่งซวยหนักกว่าเดิมเมื่อมาเสียจุดโทษไปอีกเป็นวอล์คเกอร์ที่โดนจับแฮนด์บอลจังหวะไปแย่งบอลกับเดลานี่ย์ในกรอบเขตโทษ แล้วเป็นอีริคเซ่นรับอาสาแปไปทางขวาพิคฟอร์ดพุ่งผิดทาง 1-0!!!
สิงโตเอามิงส์เล่นเซ็นเตอร์
เซาธ์เกตต้องเปลี่ยนตัวเอาไทโรน มิงส์ลงมายืนเซ็นเตอร์แล้วถอดเมียตแลนด์-ไนลส์ออกไปพัก ขณะที่เดนมาร์กก็ต้องเปลี่ยนดอลเบิร์ก ที่เจ็บเล่นต่อไม่ไหวออกไปแล้วให้ปิโอเน่ ซิสโต้ ลงมาแทนในแดนกลาง
หนูแรชส่องไกล
อังกฤษนานๆได้ตอบโต้กลับมาบ้าง เม้าท์จ่ายบอลไปให้แรชฟอร์ด ลากตัดเข้ากลางก่อนอัดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งเรียดก่อนออกหลังไปเท่านั้น
เจมส์ส่องไกลเข้าซองชไมเคิ่ล
ชไมเคิ่ลต้องออกอแรงเล็กน้อย เจมส์ เกี่ยวบอลได้นอกกรอบเขตโทษก่อนโยกเข้าซ้ายแล้วยิงจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งตกพื้นทว่านายด่านโคนมไม่พลาดขยับไปรับเข้าซอง
แคสเปอร์เซฟ!เม้าท์โขกจ่อยังไม่ได้
คอนเนอร์ด้านซ้ายของอังกฤษน่าได้ประตูตีเสมอเหลือเกิน เป็นบอลยาวเปิดลึกเข้ามาแล้วwi:Nโหม่งจังหวะแรกก่อนที่เม้าท์โขกจ่อๆตามน้ำแต่ชไมเคิ่ลโชว์ซูเปอร์เซฟปัดบอลทิ้งออกมาได้แบบสุดเหลือเชื่อ
วาสส์โขกข้ามคาน
กลับมาเป็นเดนมาร์กเกือบได้ประตูบ้าง ซิสโต้ครอสบอลจากริมเส้นด้านซ้ายไปทางเสาไกลแล้วเป็นวาสส์ที่สอดมาโขกเหน่งๆทว่ากดไม่ลงบอลข้ามคานออกไปแบบได้เสียว
ซิสโต้เหน่งๆ แปไม่ได้เรื่อง
เดนมาร์กได้จังหวะสวนกลับเร็วเมื่อฟิลลิปส์โดนอีริคเซ่นแย่งบอลมาได้กลางสนามก่อนลากจี้เข้าหากรอบเขตโทษแล้วจ่ายออกขวาทว่าซิสโต้ที่วิ่งมาโล่งๆดันเอี้ยวตัวยิงสุดห่วยไปติดบล็อคของโคอาดี้
เจมส์ฟรีคิกโดนแคสเปอร์ปัดอีก
โอกาสอีกหนของอังกฤษจากฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษเยื้องไปด้านซ้ายเข้าเหลี่ยมของเจมส์ วิ่งเข้ามาปั่นด้วยขวาบอลจะเสียบคานแล้วแต่แคสเปอร์ยังไม่ยอมปัดทิ้งกลายมือไปอีก
สิงโตไม่สบอารมณ์เปา
นักเตะอังกฤษโวยวายเลยเมื่อโพลเซ่นไปเสียบเคนล้มกลางสนามไม่โดนเหลืองแต่พอโดนฟิลลิปส์ไปแย่งบอลดันล้มกลิ้งไปกรรมการควักใบเหลืองมาจดชื่อเจ้าถิ่นทันที
เคลียร์เซฟโคนม!อังกฤษพ่าย 0-1
อังกฤษน่าได้ประตูตีเสมอเหลือเกิน เคนม้วนบอลก่อนหยอดจากริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายไปทางเสาไกลให้ โคอาดี้ที่สอดมาโขกเต็มๆแล้ว แต่ไปติดเคลียร์ที่ลงมายืนปักหลักหน้าประตูโขกบอลทิ้งออกไปก่อน แล้วหมดเวลาอังกฤษแพ้ 0-1 ตกมาอยู่อันดับ 3 บนตารางคะแนน
เดนมาร์ก
Starting Formation: 4-2-3-1
6.
อันเดรส คริสเตนเซ่น

46'
6.5
7.
โรเบิร์ต สคอฟ

46'
6
23.
ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก

88'
6.5
12.
แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก

37'
6
9.
มาร์ติน แบรธเวต

73'
6
ตัวสำรอง
13.
มาติอาส ยอร์เกนเซ่น

46'
6
3.
ยานนิก เวสเตอร์การ์ด

73'
6
21.
มาติอาส เยนเซ่น

88'
6
5.
โยอาคิม มาเฮิล

46'
6
11.
ปิโเน่ ซิสโต้

37'
6
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Thu Oct 15, 2020 09:17, ทั้งหมด 13 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ