สมมุติมี Candidate สมัครงาน ผ่านสัมภาษณ์งานแล้ว คอนเฟิมเมลยืนยันกันแล้วว่าจะมาเริ่มงาน พอใกล้ถึงวันเริ่มงาน Candidate คนนั้นกลับโทรมาแจ้งว่า ขอตอบปฏิเสธที่จะมีเริ่มงาน เนื่องจากเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ได้งานที่ดีกว่า ไม่อยากไปไกลบ้าน อื่นๆ

ในมุมมองของคนที่ทำงาน HR มองยังไงครับ ถ้ามุมมองของผู้สมัครคงไม่เปนไรอยู่แล้ว

ขอบคุณครับ

ผมไม่ว่าอะไรครับ ที่น่าหงุดหงิดกว่าคือนัดสัมภาษณ์บอกจะมา แต่วันสัมภาษณ์ไม่มา หรือ ตกลงกันเรียบรอ้ยแล้ว ่ถึงวันทำงาน ไม่มาเฉย ๆ โทรไปก็ไม่รับ ...

เรียกตัวสำรองแทนครับ

บางที่อาจจะติด blacklist ไว้

ถ้าไม่ได้ถึงกับแจ้งปุ๊บปั๊บกระทันหัน แบบเริ่มงานพรุ่งนี้เช้า แต่มาแจ้งวันนี้เย็น หรือ เช้าตรู่วันเริ่มงาน

อะไรแบบนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ยังไงทุกบริษัทมีตัวเลือกสำรองอยู่แล้ว

เหตุผลมีมากมายที่จะปฎิเสธเรา ที่บอกมา อาจจะไม่ใช่ความจริงด้วย ถ้าไม่มีสำรองก็ต้องคัดใบสมัครจัดสัมภาษณ์ใหม่ บางคนสัมภาษณ์ไว้หลายที่ พอของเราได้ อีกที่เงินสูงกว่า ใกล้บ้านกว่า เค้าก็ต้องเลือกที่นั่น ไหนจะเรื่องสวัสดิการ และการเจริญก้าวหน้าอีก 9ร9

อย่างน้อยๆ เจาก็ยังโทรมาแจ้งครับ

ใครๆก็อยากได้งานทำที่เงินเยอะๆ ใกล้บ้าน

มันคืองานของ HRM ไงครับ นั่นแหละคือพ้อย
ผมจึงโหวตข้อ 1 ไป เพราะมันคืองาน การทำงานในเนื้องานของ HRM คือการหาคน

มันจะเสียเวลาได้ไง ต่อให้มาทำงานแล้วลาออกเร็วเกินไป
ก็ไม่ควรมองว่าเสียเวลา ในมุมมองของ HR อย่างเดียวนะครับ

เพราะมันคืองานของคุณ คือหาคนให้ได้ คนออกก็ทำงานต่อไปคือหาคนมาแทน

ผมไม่ใช่ HR แต่สำหรับผม ผมเลือกข้อ1ครับ
มันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ Blacklist อันนี้ผมว่าแน่นอน

แต่หลักๆ ถ้าจะมีคนมาทำงานกับผมเพิ่ม ผมขอเลือกคนที่อยากทำงานจริงๆ
และถ้าปฏิเสธตั้งแต่ต้นเลย อันนี้ผมว่า Win-Win นะ ผมก็ไม่เสียเวลาเทรนด้วย

เพราะจากประสบการณ์ก็เคยเจอพวก ทำไปก่อน ทำฆ่าเวลา เพราะจะไปสอบนักบินไรงี้
แบบนี้เสียเวลากว่ามาก บางคนเทรน 3 4 5 เดือนออก ถ้าเป็นแบบนั้น ผมว่าปฏิเสธแต่แรกอะดีสุดละ

แต่ถ้าปฏิเสธแบบนี้ ยังไงก็ต้องโดน Blacklist ไม่ใช่เพราะโกรธอะไรหรอกนะ
แต่เพราะ candidate คนนั้น ไม่ได้อยากทำงานที่นี่จริงๆ
ถ้าจะย้อนมาสมัครใหม่ แบบนี้ก็เพราะไม่มีทางไป หรือทางอื่นออปชั่นแย่กว่า
เพราะงั้นถ้าผมเป็นคนรับสมัคร ผมไปวัดดวงเอากับคนใหม่ ที่โปรไฟล์อาจจะแย่กว่า แต่ใจได้กว่า ดีกว่า

สนิทกับhrที่บ.เก่า เวลาเจอเคสนี้ แกก็แค่บ่นๆนิดๆหน่อยๆครับ
เพราะเมื่อ Candidate ยืนยันแล้วว่าจะมา ทางhr ก็ต้องจัดเตรียมเอกสาร บัตรพนักงาน เอาชื่อเข้าระบบ ขอส่งเรื่อ
ไปยังIT เตรียมสร้าง AD เตรียมเครื่องคอมฯ ส่งทำเรื่องประกันสังคม ประกันกลุ่ม เบิกชุดฟอร์ม(ถ้ามี)

พอมาบอกยกเลิกใกล้ๆ มันเหมือนความรู้สึกหมดแรง เหนื่อย แต่มันคือสิ่งที่ต้องเจออยู่แล้ว
เรื่องติดblacklistเพราะเหตุผลสละสิทธิ์งาน เคยถามแล้ว ไม่มี ครับ

คำตอบมันไม่ได้สุดโต่งแบบ 1 หรือ 2 เสมอไป

ก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้พ่อพระขนาดที่ไม่รู้สึกอะไรเลย มันต้องมีเซ็งๆกันบ้าง เพราะกระบวนการรับคนมันก็มีขั้นตอนพอสมควร

หน้าฉากของผู้สมัครคือสัมภาษณ์แล้วก็จบ กลับไปรอฟังผล แต่ฝั่ง HR นี่ต้องไปคุยกับเบื้องบนอีกที เอาชื่อไปเสนอ เอาเงินเดือนไปเสนอ ต้องดีเฟนซ์ตอบคำถามนายให้ได้ว่าทำไมควรจ้างคนนี้ด้วยเงินเดือนเท่านี้ ไหนจะเรื่องเอกสารนู่นนี่

แต่สุดท้ายไม่ว่าจะรู้สึกยังไง ก็ต้องทำงานต่อไปอยู่ดี ส่วนเรื่อง Blacklist นี่แล้วแต่นโยบายของแต่ละบริษัท

ส่วนตัวผมโอเคนะอย่างน้อยก็โทรมาแจ้ง
ลองเจอพวกที่นัดสัมภาษณ์แล้ววันจริงไม่มา
กับพวกที่ตกลงรับเข้าทำงวานนัดวันเริ่มแล้วถึงวันจริงไม่มา
แล้วก็ไม่โทรบอกอะไรเลยสิ พวกนี้น่ารำคาญกว่าเยอะ
แล้วเอาจริงๆก็มีเยอะมากๆด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ต้องให้เราโทรไปตามว่าทำไมไม่มา แล้วก็จะเจอเหตุผลแปลกๆ
แบบ พอดีมีนัดกับเพื่อนๆเลยมาไม่ได้
หรือไม่ก็พอดีกลับบ้านตจวมาอาทิตย์นึงแล้วยังไม่ได้กลับมา
การจะผิดนัด โทรแจ้งซักคำมันยากตรงไหน

ปล. แนะนำว่าถ้าตกลงรับเข้าทำงานแล้ว ให้จับเซ็นสัญญาล่วงหน้าเลย

ความคิดผม ระบบบริษัทท่านน่าจะมีปัญหาแล้ว ลองจัดการใหม่ดูครับ นัดวันเซ็นสัญญาล่วงหน้านานขึ้น ถ้าปฏิเสธก็จะได้เรียกตัวสำรองทัน วินวิน ไม่มีใครอารมณ์เสีย