สวัสดีครับ พอดีผมเพิ่งจบใหม่ไม่นาน ได้งานทำที่แรกและที่เดียวตอนนี้ คือทำงานที่โฮมออฟฟิศของลูกชายเถ้าแก่ ก็ทำหมดตั้งแต่งานเอกสาร ประสานงานลูกค้า ไปจนถึงกวาดบ้าน ซื้อข้าว ขนของส่วนตัวให้เถ้าแก่ ก็อยากจะระบาย เนื่องจากทำงานที่นี่คำสั่ง ข้อเสนอแนะ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายอะไรต่างๆ ได้แต่ตอบไปว่า ได้ครับพี่ เหมาะสมครับท่าน จึงเหมือนไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองเต็มๆเท่าไหร่ จึงอยากท่านทุกท่านที่มีประสบการณ์ทำงานว่าข้อดี ข้อเสียแต่ละที่แตกต่างกันอย่างไร ขอบคุณครับ

ทำงานบริษัทที่เป็นระบบก็จะเป็นอีกแบบเลย
เสนอแนะได้ ร้องเรียน ปรับปรุง อะไรได้หลายๆอย่าง

ข้อดีของระบบเถ้าแก่เห็นมีดีแค่อย่างเดียว สนิทกับเถ้าแก่ไปปาร์ตี้กับเถ้าแก่ได้

ระบบเฒ่าแก่ มีดีอย่างเดียวคืออนุมัติหรือไม่อนุมัติทำได้ไว เพราะใช้คนๆ เดียวตัดสินใจ ไม่ต้องมี process ยุ่งยาก

"หัวหมา กับ หางเสือ"

เป็นคำถามที่ผมใช้ถาม ใช้คุยกับนักศึกษาที่กำลังจะจบเสมอครับ ความคิดเห็นก็แตกต่างกันออกไปแล้ว

สำหรับผม ผมเลือก "หางเสือ" ครับ คือเลือกทำงานกับบริษัทใหญ่ มีระบบ แม้ว่าจะเป็นตัวเล็กๆในระบบครับ แต่ผมคิดแบบนี้ครับ คือผมกำลังสร้าง profile ในเส้นทางอาชีพ อนาคต ของผมครับ ถ้าผมเริ่มงานหรือผ่านการทำงานบริษัทใหญ่ๆมา มันจะปรากฎอยู่ใน resume/CV ของผมครับถ้าผมต้องการจะหางานใหม่ ซึ่งมันการันตีและแสดงว่าผมมีความรู้และความสามารถสูงมากพอ และผ่านมาตรฐานของบริษัทใหญ่ๆ มาแล้วครับ

เป็น "หัวหมา" ก็มีข้อดีครับ คือคุณจะต้องรู้ทั้งหมด ทำเป็นทุกอย่างในบริษัท แต่ก็เหนื่อยหน่อยนะครับ

มันอยู่ที่ว่าได้ทำอะไรอ่ะ อย่างของท่านผมจะโฟกัสที่งานเอกสารกับประสานงานลูกค้า
สองอย่างนี้มันต่อยอดได้แค่ไหน ส่วนงานนอกเหนือจากนี้ก็ต้องดูว่ามันรบกวนงานหลัก
/การใช้ชีวิตของเราเยอะมากมั้ย ข้อดีของระบบเถ้าแก่ที่ผมเคยเจอคือจะได้เห็นภาพรวมของ
งานทั้งกระบวนการ อย่างแฟนผมอยู่ระบบเถ้าแก่มันจะรู้ตั้งแต่อีเมลล์ที่เขียนไปดีลกับ
สินค้าต้นทาง รู้หมดเลยว่าเขาเริ่ม-จบกันยังไง ถ้ามีแผนอยากเปิดของตัวเองบ้างจะเริ่มได้เร็วกว่า
แต่ผมที่ทำบริษัทจะรู้แค่ใบเสนอราคาที่เขาเคาะกันมาแล้ว

งานบริษัทมันทำตามออเดอร์อยู่แล้วอ่ะ เขาสั่งไรมาก็ทำให้ได้ผลขั้นต่ำตามที่เขาต้องการ
แต่จะพ้นความได้ครับพี่ ดีครับผมมั้ยนี่ขึ้นอยู่กับองค์/ตำแหน่งงานละ ซึ่งส่วนใหญ่มันไม่พ้นนะ
ส่วนข้อดีก็มีเยอะอย่างโครงสร้างการเติบโตหรือสิ่งที่เขาซัพพอร์ตเรา

ทำงานในระบบกงสี (เถ้าแก่-ครอบครัว)

ข้อดี : ทำงานหลากหลาย คนนึงอาจจะได้ทำหลากหลายงาน มีการตัดสินใจ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเข้ามา

ข้อเสีย : อำนาจการตัดสินใจไม่มี แม้จะเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณก็ตาม เสียงของคุณ หรือเหตุผลที่เราเสนออาจจะถูกปัดตกได้ทุกนาทีเลยครับ

** ที่สำคัญคือเรื่องปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว ที่แม่งวุ่นวายมาก เมียเถ้าแก่บอกอย่าง ลูกบอกอย่าง เถ้าแก่จะเอาอีกแบบ อะไรไม่รู้

ทำงานในระบบองค์กร

ข้อดี : ทำงานตรงตาม JD สายงานเป็นระบบ รู้โครงสร้างองค์กร การทำงานตามตำแหน่ง มีระดับบังคับบัญชาชัดเจน ถ้ามีประสบการณืกับองค์กรใหญ่ๆ หรือระดับโลก คุณจะได้มุมมอง และทักษะในการทำงานแบบสุดยอดมาอีกด้วย

ข้อเสีย : ใช้เวลาในการไต่เต้า-ปรับตำแหน่ง อาจจะได้ทำงานเฉพาะหน้างานตัวเองเท่านั้น (ไม่ได้ไปทำงานส่วนอื่น) ทำให้เราไม่สามารถมองภาพรวม และปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนได้อย่างชัดเจน


ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็มีทั้งองค์กรที่เป็นระบบเถ้าแก่ แต่ทันสมัย มีโครวสร้างชัดเจน
หรือบริษัท ที่ทำงานมั่วซั่วปนๆกันไปก็มีครับ

แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ถ้าบริษัทที่คุณสนใจค่อนข้างมีชื่อหน่อย ผมว่าไปบริษัท เก็บเกี่ยวประสบการ ทักษะในองค์กร สร้าง Profile ให้ตัวเอง เผื่อขยับขยายในอนาคตจะดีกว่าครับ

ก็เหมือนระบบกงสีแหละ ยังไงเขาก็มองเครือญาติเขาสำคัญกว่า เด๋ว บ โตขึ้น เด๋วได้มีญาติพี่น้องคนนนั้นคนนี้มาเป็นเจ้านายท่านต่อๆ ไปอีก ไม่อยากพูดให้เสียกำลังใจนะคับ ดูท่านเล่ามาเหมือนเขาใช้ท่านยังกะคนใช้เลย

ข้อดีของกงสี - เงินไหลเวียนในระบบเครือญาติ

ข้อเสียของกงสี - ถ้าไม่มีธุรกิจอื่น ก็เท่ากับเงินเข้าทางเดียว แต่เลี้ยงทั้งครอบครัว

ข้อดีของระบบบริษัท - เยอะแยะ ทำงานตรงตำแหน่ง งานดีมีเลื่อนขั้น มีสังคม ได้คอนเนคชั่น ฯลฯ

ข้อเสียก็เยอะ เจอคนหลายรุปแบบ เจ้านายห่วยแตกเพื่อนร่วมงานขี้อิจฉาโลกไม่ยุติธรรม แต่มองว่าเป็นรสชาติชีวิตก็ดี

ผมเคยทำคล้ายๆ กันนี้ แต่เป็นแบบ มีนักลงทุนซื้อตัวนาย A มาเปิดบริษัท เพราะนาย A นี่เก่ง แต่พอมาเป็น CEO เอง กลับชวนเพื่อน คนรู้จัก มาทำงาน ทำไม่ตรงสาย ตัดสินใจอะไรไม่ได้ คนกากๆ เต็มออฟฟิศ ซัก 2-3 ปี บ.ก็เจ๊ง แต่ผมชิงออกตั้งแต่ 3 เดือนแรกละ ไม่เห็นอนาคต 555+

ถ้าคิดจะย้าย รอผ่านช่วงโควิดไปก่อนค่อยหางานใหม่ ดีไม่ดีอาจถึงต้นปีหน้า ระหว่างนี้ก็หาที่ใหม่ไปพลางเลยดีกว่าคับ

คือหลายท่าน ก็มองซะเถ้าแก่ไม่อะไรดีเลย
ส่วนตัวเคยทำงานกับทั้ง 2 แบบครับ
ในรูปแบบบริษัทฯ หลายๆท่านอาจกล่าวไปแล้ว
ผมจะขอบอกข้อดีของระบบเถ้าแก่ล่ะกัน
ข้อดีของการทำงานในระบบเถ้าแก่ (ดีๆ)
คือเราจะได้ วิชาเถ้าแก่ ครับ เขาคิดยังไง
เวลาเจอปัญหาแบบนี้ แบบนั้น เขามองอะไร
เหมือนว่าเราได้รู้ รูปแบบการจัดการปัญหา
ในมุมมอง คนที่ประสบความสำเร็จครับ
ซึ่งจะสิ่งสำคัญที่สุด หากวันนึง คุณคิดจะเป็น
เจ้าของธุรกิจ การจัดการคน การเจรจา
การรู้เล่ห์เหลี่ยม ป้องกันตนเอง ในธุรกิจ
ซึ่งเรื่องแบบนี้ บริษัทฯ ที่เป็นระบบ ไม่มี
แต่หากคุณอยู่กับเถ้าแก่ เก็บสิ่งดีต่างๆ
เชื่อเถอะครับ เถ้าแก่ที่รวยด้วยตัวเอง
ไม่มีใครโง่ หรือไม่เอาถ่าน หรอกครับ
และเกือบทุกคน ชอบสอน ครับ ขอเพียง
เราตั้งใจเก็บสิ่งที่เขาให้ จะเป็นดั่งคำที่
เถ้าแก่เคยบอกผมครับ
"ออกจากกูไป มึงไม่เจ๊งแน่นอน"

ตอบเปรียบเทียบกันในส่วนของตัวเองที่ทำงานเสมียนหรือธุรการทั้งในรูปแบบ เถ้าแก่กงสี และ บริษัท ณ ครับ

1.เถ้าแก่กงสีจะอยู่แบบง่ายๆ ไม่มีระบบมากมายให้ยุ่งยาก ลำดับขั้นมันจะน้อย การติดต่อจะถึงง่ายเวลาต้องการขอ หรืออนุมัติอะไร เหมือนครอบครัว(มั้ง)

บริษัทนี่โห กว่าจะเสนออะไรขึ้นไปได้ ผ่านก็ดีไป ไม่ผ่านแม่มต้องมานั่งแก้อีก กว่าจะอนุมัติ ไอสัสเอยยยย ชิพหายก่อนทุกที บางทีจะให้งานเดินไปได้ ต้องควักตังก่อนทุกที

แต่งานที่มันมีระบบ ส่วนมากมันจะดีกว่าอยู่แล้วครับ เวลามีปัญหา มันตามได้ง่ายกว่า ระบบเถ้าแก่นี่ แก้หน้างานเอาซะส่วนใหญ่

อันนี้ให้ +ทางระบบบริษัท


2.ระบบเถ้าแก่เวลามีอะไรผิดพลาด ส่วนมากจะไม่ค่อยรุนแรง การแก้ไขก็ง่ายไม่ยากเท่าไร ส่วนมากก็จะโดนบ่น ไม่ค่อยกดดันมาก

ระบบบริษัท เวลามีอะไรผิดพลาด โดนใบเตือน โดนเรียกเข้าห้อง กดดันพอสมควรเลยล่ะ

อันนี้ให้ +ทางระบบเถ้าแก่



3.ระบบเถ้าแก่เวลาทำงานจะไม่ค่อยฟิกเท่าไร สายได้ ลาสองสามชั่วโมงได้ ไม่ได้ซีเรียส อันนี้ที่เจอ ณ ครับ บางทีไปทำงานนอกสถานที่ ยาวเลย เที่ยวต่อ...

ระบบบริษัทนี่ ไม่สแกนลายนิ้วมือ ก็ต้องตอกบัตร สายหน่อยก็จะโดนเพ่งเล็ง ต้องมาเข้าสแกนหรือตอกบัตรก่อนเกือบยี่สิบนาที ออกไปหน้างานนอกสถานที่ บางทียังต้องกลับมาตอกบัตรเลย 555

แต่ระบบเถ้าแก่ ถ้าต้องทำเกินเวลา ส่วนมากจะไม่ค่อยได้เงินตอบแทนหรอกครับ จะได้ใจ ส่วนบริษัท ชัดเจนในเรื่องของโอทีอยู่แล้ว อันนี้ต้องเลือกเอาว่าชอบแบบไหน

อันนี้ให้ +ทางระบบเถ้าแก่

4.เงินฉุกเฉิน บางทีเราขัดสน ระบบเถ้าแก่จะขอเบิกเงินเดือนเราก่อนได้บ้างเหมือนกันครับ ถ้าบริษัทนี่ยาก น่าจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ส่วนมากจะเห็นเป็นเงินกู้

อันนี้ให้ +ทางระบบเถ้าแก่

5.ภาระงาน ถ้าเสมียนหรือธุรการนี่ ส่วนมากจะจับฉ่ายอยู่ละ ทำมันทุกอย่างจริงๆ แต่ของบริษัทนี่จะมีระบบหน่อย อย่างน้อยก็ยังมีกรอบ

ระบบเถ้าแก่นี่ เอเวอรี่ติงจิงกาเบลมาก พ่อแม่พี่ป้าน้าอาของเถ้าแก่ยังใช้เราได้อะ

อันนี้ให้ +ทางระบบบริษัท



จริงๆก้อยังมีอีกเยอะแหละ แต่นึกไม่ออก

ส่วนตัวเชียร์ทางบริษัทครับ อัตราความก้าวหน้า การต่อยอด การออกไปหางานใหม่ มันจะมีภาษีดีกว่าครับ...

ข้อดีคือ
1.ยืดหยุ่น ทั้งงานทั้งหน้าที่ ทำกราฟิกอยู่ดีๆใช้ไปส่งของซะงั้น ทำกราฟิกอยู่ดีๆใช้ไปเข้าเล่มซะงั้น
2.ฝึกความเร็ว สั่งเช้าเอาสาย
3.ฝึกสกิลการเข้าหาคน
4.เราจะกลายเป็นเป็ดที่เก่งกาจ ทำได้ทุกอย่าง ระดับกลางๆไม่โดดเด่น

ข้อเสีย
1.เหนื่อยเกิน
2.บางทีก็สบายเกิน
3.ปวดหัวกับระบบ(ที่ไม่เป็นระบบ)
4.ความสัมพันธุ์ถ้าดีเกินไปก็ไม่ดี ถ้าห่างกันเกินก็ไม่ดี
5.ประชุมกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม
6.เงินเดือนอาจติดแหงก ไม่มีเพิ่ม
7.ไม่รักพนักงาน หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
8.แบ่งพรรคแบ่งพวก (แบบเป็นระบบก็คงแบ่ง)

นึกออกแค่นี้ครับ
ผมไม่เคยอยุ่ บ ที่เป็นระบบเลยครับ กงสี ตลอด
ถ้าเจ้านายเป็นผู้ใหญ่จะดีหน่อย ถ้าวัยรุ่นเลยจะแย่หน่อย

ที่เก่าเป็นมหาชนแล้ว แต่พอ MD ออก เถ้าแก่กลับมาเป็น MD
บันเทิงเลย

เงินครับ สำคัญ
ปัจจุบันผมก็ทำงานบริษัทเฒ่าแก่ มีพนักงานแค่ราวๆ 10 คน

ไม่มีการตอกบัตรเข้าทำงาน
บริษัทไม่มีระบบอะไรชัดเจน ไม่มีฐานเงินเดือน

ตอนสัมภาษงานเข้ามาผมทำงานบริษัทใหญ่ๆมา มีระบบดีๆทั้งนั้น
ผมเคยคิดว่าแบบนั้นคงดีกว่าบริษัทเล็กๆ
แต่ไม่เลยครับ ที่นี่เปลี่ยนความคิดผมไปตลอดกาล

เขาให้ทั้งเงินที่มากกว่า มีอิสระที่มากกว่า ประชุมกันก็เหมือนคนกันเอง
เรามีกันแค่นี้ มีงานมาเราก็ช่วยกันเสนอกันได้เต็มที่ ให้งานมันผ่านพ้นไปด้วยดี

เฒ่าแก่เหรอ มีหน้าที่แค่เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย เขาโฟกัสเรื่องเงิน
ทีมผมโฟกัสเรื่องงานที่มันจะต้องราบรื่นแค่นั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ได้เหมือนกันทุกที่ ดีก็มีแย่ก็มี พิจารณาเอา

ระบบเถ้าแก่

ถ้าเจอเถ้าแก่ ดี ก็ดีใจหายครับ เหมือนเสี่ยงดวง เลย...

บางคนเปย์เยอะมาก เงินเดือน สวัสดิการ

เจอเถ้าแก่ดี เลี้ยงเราเหมือนลูกนี่ก็แฮปปี้มีความสุขชีวิตสบายเลยนะ
แต่เจอเถ้าแก่ไม่ดีก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น