ผมชอบซีน black hole ตอนครอบภาพให้เห็นขนาดของมันแล้ว ยานเอนดูแรนซ์กำลังเข้าวงโคจรวิกฤติ



อีกเรื่องก็ The martian ของพี่แมต เดมอน

นอกเรื่องนิดนึง หนังเรื่องนี้จะไม่สุดเลยถ้าขาดคนนี้ HANS ZIMMER

คือก็ไม่ได้อยากจะเถียงแทนหนังนะ เพราะผมก็ไม่ได้ชอบหนังขนาดนั้น
แต่คือเคยดูเบื้องหลังเขาแหละ คือมันก็จริงเท่าที่จะจริงได้แล้ว
ส่วนที่ไม่มีใครเคยรู้ เขาก็ตีความเอา แล้วใครจะบอกว่าไม่จริงได้ไง ในเมื่อไม่มีใครรู้

สมจริงตามที่วิทยาศาสตร์ตอนนี้สามารถอธิบายได้แหละครับ ส่วนที่มันไม่มีในวิทยาศาสตร์ที่โนแลนใส่เข้าไป ก็เป็นการคาดเดาของนักวิทย์ที่โนแลนเชิญมานั่นแหละ

งั้นเรื่องนี้ the martian

Martian ถ้าดูจริงๆส่วนตัวผมว่าเนื้อหาวิทยาศาสตร์เชิงเคมีชีวะค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะกว่าดาราศาสตร์หรือฟิสิกส์ ซะอีก (เหมือนเน้นรายละเอียดเคมีชีวะโดยมีดาราศาสตร์เป็นธีมหนังคลุมอยู่อีกที)

หนังเล่าเซฟๆเน้นอิงตามวิทยาศาสตร์เด๊ะๆ ไม่แต่งเติมจินตนาการหรือต่อยอดเวอร์วังเหมือน Interstellar แต่กลมกล่อม ดูง่าย ไม่ปวดหัว ระทึก ครบรส หนังเอาตัวรอดมันจับคนอยู่

ปล. ถ้าให้เรียงท็อปห้า (ตามความชอบ ไม่ใช่ความสมจริง) ผมให้
Interstellar=Contact > 2001 Space Odyssey > Arrival = Martian

แค่มี worm hole ก็ไม่สมจริงแล้วครับ

แถมตอนหลุดไปใน black hole นี่เพ้อเจ้อหนักเข้าไปอีก

ผมว่าเป็นหนัง science fiction ที่แต่ละอย่างมีอัตลักษณ์ อิงตามทฤษฏีที่ใหม่และน่าจะเป็นที่สุดมากกว่า แต่ยังไงก็ห่างไกลจากคำว่าสมจริง

มีคนลองทำ ไม่ตายแฮะ ไม่ต้องเดือดร้อนหายานโซเวียตกลับโลกแล้ว

เป็นหนังที่ผมดูละกลัวเรื่องมิติที่ 4 วันเวลาที่ต่างกันของแต่ละดวงดาว จิตตกพอสมควรเลยล่ะ แต่ยอมรับว่าดีจริง

เรื่องนี้เน้นมากเลย เรื่อง ทฤษฎีสัมพันธภาพ อ่ะ

ซึ่งเคยพยายามอ่านก็เข้าใจยาก

เพราะตอนเราเรียนฟิสิกส์ ม. ปลาย อ่ะ กฏเกณฑ์ต่างๆที่เราเรียน ม .4 5 6

มันใช้ กรอบอ้างอิงเฉื่อย ในการยกตัวอย่าง อ่ะ พูดง่ายๆเวลาเรายกโจทย์มา คือ เราเป็นผู้สังเกตุการณ์

เวลาเราอ่านโจทย์แก้โจทย์ ผลกระทบมันก็แค่เหตุการณ์ในโจทย์นั้นๆ

แต่ทฤษฏีสัมพันธภาพเนี่ย กรอบอ้างอิงมันเคลื่อนที่อ่ะ มันมีเวลามาเกี่ยวข้อง

เราซึ่งเป็นผู้สังเกตุการณ์ก็มีทิศทางและเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง

คราวนี้ลองอาจตามโคตรยากเลย


ส่วนอีกจุดนึง คือเส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ เขาน่าจะจินตนาการได้เท่านั้นตามที่วิทยาศาสตร์จะวาดหรืออธิบายได้

หลังจากหลุดเข้าไปใน เส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ คราวนี้ก็เป็น มะโนล้วนๆของผู้แต่งและ

ก็จินตนาการเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ได้แหกคอกอะไรมากนัก และปัจจุบันก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน เชื่อว่ามี มิติคู่ขนานด้วย

แค่คิดว่า ก่อนจะมีจักรวาลเกิดขึ้นมา ก่อนนั้นคืออะไร ก็ได้แต่จินตนาการกันทั้งนั้น แม้กระทั่ง big bang ก็ยังเป็น

แค่ทฤษฎี แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามโนล้วนๆ ในอนาคต ทฤษฎี big bang อาจจะได้รับการพิสูจน์ว่าไม่จริงก็ได้

เจ๊แกไม่มีร่มชูชีพอ่ะดิ 5555

สมจริงไหม คงไม่ใช่ แต่เหมือนเอาหลายๆ math model มาขยายภาพในมุมมองของผู้จัดทำได้อย่างน่าสนใจ

ผมว่าเป็นจินตนาการอย่างมีเหตุมีผลมากกว่า ทำให้คนดูเอาไปคิดต่อได้เป็นตุเป็นตะ บางอย่างเราดูก็รู้ว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่ แต่โดยรวมหนังมันชวนให้เราคิดและสนุกกับมันได้ทั้งเรื่อง

ทฤษฎีพวกหลุมดำหรืออะไรที่หยิบมาใช้อะโอเค

แต่เรื่องว่าใครเป็นคนเอารูหนอนมาแปะไว้เนี่ย อันนี้หลุดไปหน่อย