[RE: ทำไมพูดถึงทีมชาติอิตาลี่ ต้องนึกถึงยุคเก่าๆ]
Contingency พิมพ์ว่า:
จะว่ายังไงดี
ในแง่นึงนะ บางทียุค 1990-2000 (บวกลบนิดหน่อย) มันอาจจะเป็นกรณียกเว้นของฟุตบอลอิตาลีไปแล้วก็ได้ เพราะมันคือยุคทอง ยุคที่กัลโช่รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แล้วก็ดันเป็นยุคที่มีผู้เล่นหลายๆคนที่เก่งแบบว่าเก่งมากๆ ชนิดที่ว่า ถ้าจัดทีมยอดเยี่ยมตลอดกาล ทีม alltime ผู้เล่นจากยุคนี้ ก็อาจจะติดเกินครึ่งทีมก็ได้
แถมผู้เล่นหลายๆคน หลังจากยุครุ่งเรืองที่แฟนบอลในยุคนี้ พอจะรู้จัก ก็ยังเป็นดอก เป็นผลต่อเนื่องมาจากยุคนั้นด้วย
มันชัดเจนมาก เมื่อมองไปที่เยาวชนของอิตาลี ในช่วงกัลโช่ยุครุ่งเรืองเนี่ย อิตาลีคืออันดับ 1 ของฟุตบอล u21
บอล u21 คือ บอลเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี ของยุโรป โดยที่จะจัดแข่ง 2 ปีต่อ 1 ครั้ง
แล้วดูผลงานสิ อิตาลีได้แชมป์ในปี 1992/1994/1996/2000/2004
ส่วนปีอื่นๆที่ใกล้กัน ปี 1986 ได้รองแชมป์ / ปี 1990 กับปี 2002 แพ้ในรอบรอง
จึงเรียกได้ว่าเกือบ 10 กว่าปี ที่อิตาลีสามารถผลิตเยาวชนชั้นยอดออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
พวกติดทีมชาติก็ส่วนนึง แต่พวกไม่ติดทีมชาติละ ก็ต้องมีฝีเท้าระดับนึงเหมือนกันเลย
มองในแง่นี้ ไม่ว่าจะเอายุคไหนๆของฟุตบอลอิตาลี ไปทาบ ไปเทียบกับช่วงนี้ ยังไงๆก็อาจจะสู้ไม่ได้อยู่ดี
----------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่ได้แปลว่ายุคนี้จะไม่มีข้อด้อย ต่อไปนี้จะพูดถึงเรื่องพวกนั้น โดยที่บางประเด็นจะเชื่อมโยงกับเรื่องด้านบน คือ
- การเงินย่ำแย่
นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่กัลโช่ต้องจบสิ้นยุคทอง เพราะแต่ก่อนยังไม่มีกฏ ffp
เจ้าของทีม หลายๆทีม เขามีธุรกิจของเขา แล้วก็เอาเงินจากธุรกิจมาเปย์ให้ทีมบอล
พอธุรกิจมีปัญหา ทีมบอลก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ทำให้ต้องขายผู้เล่นดีๆออกไป บางทีมเจอวิกฤติการเงินอย่างหนัก หรือบางทีมถึงกับล้มละลายไปเลยก็มี
แล้วสิ่งนี้ เกิดขึ้นอย่างชัดเจนตอนไหน คำตอบแบบพอที่จะจับต้องได้ คือ หลังฤดูกาล 2000-2001 เป็นต้นไป
แต่มันก็พอมีทีมที่ได้รับผลกระทบไม่มาก หรือได้รับผลกระทบแต่ก็ยังพอสู่้ไหวอยู่ ทำให้ยังคงสามารถสะสมตัวเก่งๆไว้ได้
และดอกผลจากยุครุ่งเรือง ยังคงเก็บกินต่อได้อีกหน่อย (ยังพอมี เยาวชนเก่งๆหลงเหลืออยู่บ้าง)
2 เรื่องนี้ทำให้ความตกต่ำ ยังไม่ได้สะท้อนออกมาในทันที ทันใด
-------------------
- ล้มเหลวในการผลิตดาวรุ่ง
1) มาจากธรรมชาติของฟุตบอลอิตาลีเอง
ฟุตบอลอิตาลี ไม่ว่าจะยังไง ผลการแข่งขันก็ยังสำคัญเสมอ ถ้าพลาดนิดพลาดหน่อย นานๆทีคงไม่อะไรกันมาก แต่ถ้าผลงานแย่จริงๆ ไม่ว่าโค้ชคนนั้นจะวางเส้นทางในอนาคตไว้ยังไง หรือผลงานเก่าๆดีแค่ไหน ก็สามารถปลิวได้อย่างไว
การจะใช้งานดาวรุ่งเยอะๆ ก็เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง เพราะดาวรุ่งไม่มีเสถียรภาพในการเล่น (นอกจากคนนั้นๆเป็นระดับใกล้เคียงเกรด S ) จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ดาวรุ่ง จะได้ลงเล่นจนมีจำนวนนัดเยอะๆ อย่างน้อยกับทีมระดับกลางขึ้นไป พอไม่ได้ลงเล่นมากพอ ก็จะมีพัฒนาการช้ากว่าที่ควรจะเป็น
อันนี้ อาจดูเป็นอะไรที่ทั่วๆไป ลีกไหนก็เป็น แต่เรื่องถัดมายิ่งซ้ำเติมคือ
บอลอิตาลีเน้นแทคติคเยอะ เน้นกลยุทธ์เยอะ
เช่น ถ้าใช้แผนแบบนี้ คนนั้นๆที่เล่นในตำแหน่งๆนึง เขาต้องรู้เลยว่า ต้องทำอะไร ตอนไหน
ต้องอ่านเกมเป็น เข้าใจเกม โดยเฉพาะระบบป้องกัน ยังไม่รวมถึงแทคติคพิเศษในกรณีเฉพาะ
ฉะนั้น กว่าที่จะเข้าใจ กว่าจะซึมซับ กว่าจะเก๋าเกม ก็ต้องมีอายุระดับนึง ซ้อมอย่างหนัก + เคยลงเล่นมาบ้างพอสมควร (แน่นอน ยกเว้นไว้สำหรับพวกเกือบ เกรด S)
บอลอิตาลีเลยมีความแปลกอย่างนึง คือ บางปี อยู่ๆก็มีใครไม่รู้ โผล่มาเก่ง หรือโผล่มาฟอร์มดี ไม่ว่าจะในตำแหน่งไหนๆก็ตาม เพราะพวกนี้สั่งสมความเข้าใจเกมมาเรื่อยๆๆ แล้วถ้ามีซักปี ที่สโมสรนั้นๆเสริมทัพถูกจุด โค้ชเก่ง ตัวเขาเองก็พร้อม ก็อาจจะตู้มมมม เขาสามารถมีผลงานดีๆอย่างต่อเนื่อง น่าจับตามอง จนอาจติดทีมชาติได้เลย
ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่า ปีอื่นๆ คนนั้นๆจะไม่เก่งเลย แต่เพราะทีมมันลงตัวในปีนั้นๆมากกว่าเลยเด่นขึ้นมา เป็นต้น
เรื่องความเข้าใจเกมนี้ สำคัญอยู่เหมือนกัน เพราะเวลาเราพูดถึงตัวดังๆ ตัวเด่นๆเนี่ย มันก็มีแค่ไม่กี่ชื่อหรอก ในทางกลับกัน ตัวที่ไม่ดัง ไม่เด่น แต่ความเข้าใจแทคติคเต็มเปี่ยม พวกนี้เนี่ยแหละ มีจำนวนเยอะกว่า แล้วมีความสำคัญไม่น้อยในสโมสรๆนึง หรือพวกทีมกลางๆ ทีมเล็กๆนี่ก็เช่นกัน (พอมารวมเป็นทีมชาติ เลยอาจจะมองไม่เห็นนัก เพราะมีแต่ตัวเก่งๆ)
ประมาณว่า ถ้าพูดถึงกองหลังอิตาลีรุ่นล่าสุด BBC (บาร์ซาญี่ โบนุชชี่ คิเอลลินี่) เราก็จะไปเน้นไปที่ 2 คนหลังมากกว่า อย่างน้อยเวลาจัดรวมดาวยอดทีม บาร์ซาญี่จะถูกพูดถึงน้อยกว่ามาก
บาร์ซาญี่เป็นคนที่อ่านเกมดีมาก การยืนตำแหน่งสุดยอด สภาพร่างกายก็ไม่ถึงกับมีข้อด้อย ไม่เปราะไป ไม่เตี้ยไป ไม่ช้าไป
โดยส่วนตัว ยังไม่ได้กลัวเท่าไหร่ กับการที่บอลอิตาลีจะไม่มีตัวแบบโบนุชชี่หรือคิเอลลินี่ไปอีกซักพัก
แต่กลัวจะไม่มีผู้เล่นแบบบาร์ซาญี่ในจำนวนมาก มากกว่า เพราะถ้าพูดกันแบบเวอร์ๆ ผู้เล่นแบบบาร์ซาญี่นี่แหละ คือรากฐานของฟุตบอลอิตาลี
2) ฟ้าประทาน (เกรด S)
บางคน เก่งก็เก่งแบบฟ้าประทานจริงๆนะ เป็นเรื่องของจังหวะด้วยแหละ แล้วยุคนั้นมันดันมีพวกนี้ โผล่มาแบบรัวๆเลย
3) ตัวแบบ
แต่จะหวังกับฟ้าประทานอย่างเดียว ก็ไม่ใช่ มันแค่ส่วนหนึ่ง
มันมีอีกแนวคิดนึงที่เคยถูกพูดถึงอยู่ คือ ตัวแบบ ความว่า ดาวรุ่งเนี่ยถ้าได้ซ้อม ได้เล่น ได้แข่ง กับผู้เล่นเก่งๆก็จะพัฒนาเร็วขึ้น มากขึ้นไปเอง
ตัวอย่าง ที่ถูกพูดถึงกันบ่อยๆ เช่น ปิร์โล่-บาจโจ้
และยังรวมไปถึง พวกตัวต่างชาติเก่งๆจำนวนมาก ที่ย้ายมาด้วยพลังการเงินของบอลอิตาลีในยุคนั้น
แต่ยุคนี้ ตัวอิตาลีที่เก่งๆก็น้อยลง พออยากจะซื้อตัวต่างชาติที่เก่งๆเข้ามา ก็ทำไม่ได้ เพราะปัญหาข้อแรก คือ ปัญหาเรื่องการเงิน
พอขาดตัวแบบที่เก่งมากๆ ดาวรุ่งก็พัฒนาช้าลง
(แต่การเงินเนี่ย มันก็ไม่ใช่ทุกอย่างซะทีเดียวของการพัฒนาดาวรุ่ง ถ้าตั้งใจจะดันดาวรุ่งกันขึ้นมาเป็นแผงๆมันก็เป็นไปได้แบบที่เห็นในเยอรมัน)
4) โชคชะตาของดาวรุ่ง
ต่อให้เก่งหรือไม่เก่งแบบฟ้าประทาน โชคชะตาก็มีผลเหมือนกัน
ตัวอย่างที่พอจะสะท้อนภาพรวมของโชคชะตาดาวรุ่งอิตาลี ยุคหลังๆได้ดี
คัลดาร่า - โรมันญอรี่ - รูกานี่ : 3 คนนี้ ตอนเป็นดาวรุ่ง ดูดีมีแววพอๆกัน
คัลดาร่า - เจ็บนาน
โรมันญอรี่ - ย้ายทีม ได้เป็นตัวจริง ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
รูกานี่ - แทบไม่ได้ลง
- คัลดาร่า คงว่าอะไรกันมากไม่ได้ เพราะอาการบาดเจ็บมันเกิดขึ้นได้
แต่ความต่างระหว่างโรมันญอรี่กับรูกานี่มันชัดเจนมาก
- โรมันญอรี่ ได้ลงเล่นเรื่อยๆ จนสามารถสะสมประสบการ์ณ สะสมความเข้าใจเกม สะสมความเชื่อใจ ชื่อเสียงบารมี จนอยู่ในความรับรู้ของแฟนบอลมากขึ้นๆ
- รูกานี่ แทบไม่ได้ลงเล่น พอได้ลงเล่นที ก็แทบไม่เหลือฟอร์มแล้ว
ทั้งๆที่เส้นทางของรูกานี่สวยงามมาก ตอนขึ้นมาใหม่ๆอาจจะดูดีมีแววกว่าคิเอลลินี่+โบนุชชี่ซะอัก
คือ เขาเคยเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของเซเรีย บี ในปี 2014 ทั้งๆที่เล่นกองหลัง
ขณะที่ปีต่อมา 2014-15 เขาสามารถติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเซเรีย อาได้ ชนิดที่ว่า ลงเล่นทุกนัดในลีก แต่ไม่โดนใบเหลือง+ใบแดงเลย ทั้งๆที่เล่นให้ทีมหนีตกชั้นอย่างเอ็มโปลี
แต่เพราะไม่ได้ลงเล่นนานเกินไปนี่แหละ เลยทำให้ฟอร์มหายไปหมดแล้ว (แต่เรื่องนี้ไปโทษยูเว่ไม่ได้นะ)
พอโชคชะตาเป็นแบบนี้ มันก็จะมีแค่ผู้เล่นบางส่วนเท่านั้นแหละ ที่ยังหลุดรอดพอจะเป็นผู้เล่นชั้นนำได้
(เสริม เรื่องเยาวชนเนี่ย คิเอลลินี่ เคยบ่นไว้ตอนเตะทีมชาติเลยว่า มันมีช่องว่างระหว่างรุ่นที่ยาวนานมาก คือ ช่วงยุคของเขา+โบนุชชี่ พอข้ามมาอีกทีคือ ช่วงยุคของรูกานี่ มันห่างถึงประมาณ 7-8 ปี)
-------------
เหนื่อยยัง ขออีกนิด
- รอยต่อของการเปลี่ยนแทคติคครั้งใหญ่
ประมาณช่วงหลังจากปี 2009 เป็นต้นมา
บอลอิตาลีก็พยายามค้นหาตัวเองว่า จะเอายังไงกับการเปลี่ยนแปลงนี้ มีทั้งพยายามตามคลื่น / เอาของเก่ามาพัฒนากับของใหม่ / บางส่วนก็ไม่ถึงกับชัดเจน
ภาพใหญ่ คือ จะใช้แผนแบบไหน ปรัชญาฟุตบอลแบบไหน
ถ้าเปลี่ยนตามเขา ก็ต้องพัฒนาหลายอย่างตามเขา ซึ่งบางอย่าง อาจจะขัดธรรมชาติของตัวเอง
ถ้าตามเขาบ้างบางเรื่อง ก็ต้องพัฒนาบางอย่างตามเขา ส่วนในเรื่องที่ไม่ตามเขา ก็ต้องพัฒนาแผนและแนวคิดมาสู้
แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับผู้เล่น
ภาพเล็กๆ อย่างเรื่องตำแหน่งการเล่น เช่น
คงจะเคยได้ยินคนบ่นว่า ทำไมบอลอิตาลี ไม่มีเบอร์ 10 เก่งๆ ที่เล่น ในแบบยุคเก่าๆ ขึ้นมาอีกเลย แต่กว่าจะมาถึงคำถามนี้ คำถามแรกจริงๆควรเป็นว่า ทีมไหนในอิตาลีที่ใช้เบอร์ 10 แบบนั้นอยู่บ้าง
เพราะช่วงหลัง ตัวรุกเชิงเทคนิคทั้งหมด กลายเป็นตัวริมเส้น/ตัวตัดเข้าในกันซะเยอะ เป็นต้น
นี่แค่เพราะทีม เลือกที่จะไม่ได้ใช้แผนและแทคติคแบบหนึ่งๆ มันก็ส่งผลต่อการพัฒนาผู้เล่นในรุ่นถัดๆไปเช่นกัน
พอเรื่องแผนและแทคติค มันไม่แจ่มแจ้ง หรือยังอยู่ในขั้นพัฒนาเนี่ย
พอต้องไปสู้กับทีมที่ทรัพยาการมากกว่ามันก็เหนื่อย
หรือในทางกลับกัน ทรัพยากรด้อยกว่า แต่ถ้ามีแง่มุมทางแทคติคที่ได้เปรียบ มันก็ยังพอสู้ได้
แต่ถ้าทีมต้องไปสู้กับที่ทรัพยากรก็เหนือกว่า แง่มุมทางแทคติคก็ยังได้เปรียบกว่า ก็ยิ่งลำบากมากๆ
สุดท้าย เรื่องรอยต่อของแทคติค มันสำคัญมากกว่าที่คิดนะ
เพราะกัลโช่ยุครุ่งเรือง มันก็มีความต่อเนื่องมาจากรอยต่อทางแทคติคเช่นกัน เพียงแต่รอบนั้น การเปลี่ยนแปลงมันอยู่ที่อิตาลี ทำให้ช่วงนั้น พอกัลโช่มีทรัพยากร+แผน ที่มีความได้เปรียบลีกอื่นๆ มันก็ทำให้กัลโช่รักษาความรุ่งเรืองไปได้ซักพักใหญ่เลยแหละ
เขียนดีมากครับ อ่านเพลินมาก