ตอนนี้เห็นได้แล้วว่า ยุโรปมาทีหลังเอเชีย แต่พอระบาดแล้วระบาดหนักกระจายกว้าง
เอเชียเรามีแค่จีนจุดเริ่มต้นกับเกาหลีที่มี super spreader เท่านั้นที่ระบาดหนัก
ที่เหลืออยู่ในเกณฑ์ที่คุมได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นก่อนยุโรปก็ตาม
เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม มาเก๊า ญี่ปุ่น
คือระยะเวลาตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้สองเดือนกว่า แต่จำนวนการระบาดน้อยกว่ายุโรปที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน

ทำให้เห็นได้ว่าการตื่นตัวของคนในประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐแล้ว ยุโรปน้อยกว่าเอเชีย
อันนี้ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองนะ แต่ถ้าใครตามข่าวก็จะพบว่าหลายประเทศในยุโรปตอนแรกไม่ได้ให้ความสำคัญของโรคนี้มากเท่าที่ควร คิดว่าไม่มีอะไร อย่างอังกฤษ ก็เห็นในประเทศเขาบอกว่าอาทิตย์ก่อนๆ ผู้นำเขาก็บอกให้ใช้ชีวิตเหมือนปกติ ไม่มีอะไร แล้วพอผ่านไปได้ไม่นานก็เริ่มระบาด
หรือนอร์เวย์ตอนนี้ผู้นำประเทศก็ออกมาขอโทษที่ไม่ได้เข้มงวดเรื่องนี้มากเท่าที่ควรจนตอนนี้สั่งปิดโรงเรียนแล้วหนึ่งเดือน
คืออย่างประเทศเรา แม้หน่วยงานรัฐจะโดนด่ามากก็ตาม แต่ภาคประชาชนเราตื่นตัวกันพอสมควร
ไอ้คำว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่แมสก์นี่เราทำกันมานานแล้ว

ผมว่าคนยุโรปบางประเทศยังใช้ชีวิตกันปกติ ไม่กลัวเกรงอะไร ไม่ระวังตัวด้วยซ้ำ เลยเห็นทะยอยติดกันเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นเร็ว และวิถีชีวิตเขาไม่เหมือนคนเอเชีย
อาหารการกินฟาสต์ฟู้ดก็ใช้มือกิน หยิบกินกัน เบอร์เกอร์ โดนัท แซนด์วิช เฟรนช์ฟราย กินเสร็จก็เช็ดกระดาษ
เจอกันจับมือกันตลอด กอด หอมแก้มทักทาย โอกาสระบาดมันเลยเยอะมากเป็นพิเศษ
คิดดูง่ายๆ คนไทยเราไม่มีใครเจอกันแล้วจับมือกัน อย่างมากก็ยกมือโบกทัก คุยกัน แล้วไป แต่เขาเจอกันแตะมือ จับมือทักทาย สวมกอด แล้วก็ไม่ยอมใส่แมสก์ เพราะรัฐเขาบอกเองว่า ถ้าไม่ป่วยไม่ต้องใส่
แม้การใส่แมสก์จะป้องกันได้ไม่มาก แต่มันก็กันได้ระดับหนึ่ง ยืนคุยกันใกล้ๆ น้ำลายกระเด็นใส่ไม่รู้ตัวได้ และที่สำคัญบางคนติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการก็มี แต่กลายเป็นพาหะได้ไม่รู้ตัว

บ้านเรากินข้าว ต้ม ผัด แกง ทอด ใช้ช้อนกินตลอด อาบน้ำทุกวัน เพราะร้อน
เลยทำให้เอเชียเราระยะเวลาในการระบาดอย่างรวดเร็วยืดไป ข้อดี คือหมอ รพ.มีเวลาในการหายใจหายคอมากกว่า ดูแลได้ทั่วถึงกว่า แม้สุดท้ายวันหนึ่งมันก็จะระบาดไประยะสามอยู่ดี แต่ก็ยังดีที่มีเวลารับมือได้

สภาพอากาศเอื้อให้เชื้อโรค กระจาย และมีชีวิตรอดมากกว่า เมืองร้อน

คือไอไวรัสนี้ความน่ากลัวของมันคือ แพร่เชื่อได้แม้ในขณะยังไม่แสดงอาการ
ทีนี้ คนที่ติดเชื้อ บางคนไม่รุ้ตัวเองว่าติด ก็เปนพาหะ
แต่ที่ต่างคือ แถบเอเซีย จะป้องกันตัวเองก่อนเลยคือใส่หน้ากาก แม้จะไม่ได้ป่วย
จ่างจากโซนยุโรป ใครที่ใส่โดนเล่นงาน เมื่อวาน
ในเวปpantip ก็มีคนเอารูปในเมกาเมืองLA มาโพส ยังเหนว่าไม่มีคนใส่แม้แต่คนเดียว

อากาศส่วนนึงที่เป็นปัจจัยหลักและเค้าไม่ชินกับการระบาดของโรค

เป็นแล้วไม่ค่อยตายเลยไม่ค่อยจะวี้ดว้ายกระตู้วู้ ลอง % ตายสัก 50-80 % สิร้องหากันแต่พระเจ้ากันทั้งเมือง

อเมริกาตื่นตัวกว่ายุโรปอีก

คือลงท้ายก็เหมือนกันทุกประเทศแหละ เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ข่าวสารมันเข้าถึงได้ไว และสะดวกกว่าเมื่อก่อนเยอะ ไม่ต้องรอประชาสัมพันธ์ผ่านรัฐ สุดท้ายที่ไหนที่ประชาชนตื่นตัวมากก็ป้องกันได้มากกว่าแหละ รัฐมีบทบาทมากจริงตอนมันระบาดหนักแล้วมากกว่า

พวกฝรั่งต้องปรับทัศนคติใหม่เลยแหละเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย จำได้ช่วงที่จีนระบาดใหม่ๆคนเอเชียที่อยู่ยุโรปใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเซฟตัวเอง กลายเป็นโดนฝรั่งรุมบูลลี่เฉย

พวกยุโรปไม่ค่อยจะกลัวอะไรกันอยู่แล้ว
ชอบใช้ชีวิตกันแบบให้อะดรีนาลีนหลั่ง
นักบอลมือเปล่ายังกล้าบวกโจรมีมีดเลย

เพื่อนผมจากแคนาดามาเที่ยวไทยตั้งแต่ปลายมกราละ ทุกวันนี้แม่มันที่เป็นพยาบาลอยู่นู่นยังโทรมากรอกหูทุกวันว่าโรคนี้ไม่น่ากลัว ชิลๆ เที่ยวไทยให้เต็มที่ ผมนี่รีบเบรคมันไม่ทันเลย บังคับให้มันใส่หน้ากาก ล้างมือ บ่อยๆ ไม่รู้จะทำตามมั่งมั้ย