เปเรย์ร่าฮีโร่! โขกน.82 "จิ้งจอก" ทุบหวิวลูกโลก 1-0 ตบเท้าก่อนรอง
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เลสเตอร์ ซิตี้ ครองเกมเหนือกว่าอยู่นานแต่กว่าจะมาได้ประตูก็ปาไปนาที 82 จากการเติมขึ้นไปโหม่งของ ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า ก่อนปิดเกมเชือด เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-0 ทำให้ จิ้งจอก เป็นอีกทีมที่เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเอฟเอคัพ 2019/20
เลสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-1-4-1
25.
วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้

60'
10.
เจมส์ แมดดิสัน

84'
7.
เดมาไร เกรย์

66'
ตัวสำรอง
8.
ยูรี ทีเลอมองส์

60'
20.
ฮัมซ่า เชาดูรี่

84'
15.
ฮาร์วีย์ บาร์นส์

66'
เอฟเอคัพ รอบ 5
สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
พุธที่ 4 มีนาคม 2562
กรรมการ โจนาธาน มอสส์
เลสเตอร์ ซิตี้
1
0
เบอร์มิงแฮม ซิตี้
1-0 ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า 82'
เลสเตอร์มาเน้นเหมือนกัน วาง 4-1-4-1 ให้อิเฮียนาโช่เป็นหน้าเป้า มีแมดดิสัน,ปราท,เกรย์,อัลไบรท์ตัน คอยหนุน เอ็นดิดี้ยืนตัดเกมหน้าแผงหลังอย่าง ชิลเวลล์,โซยุนชู,อีแวนส์,เปเรย์ร่า และชไมเคิลเฝ้าเสาตามเดิม ฝั่งเบอร์มิงแฮมจัด 4-4-2 ให้โฮแกนจับคูายุตคีวิชซ์ค้ำหน้าเป็นตัวความหวัง
• เลสเตอร์ ไม่ชนะมา 5 นัดติดทุกรายการ(แพ้ 3)
• เบอร์มิงแฮม เสมอมา 4 เกมติดในศึกแชมเปียนชิพ
แมดดิสันส่องทักทายหลุดคาน
เลสเตอร์บุกมากกว่าตามฟอร์มและได้โอกาสแรกในเกม จากจังหวะที่ปราทได้บอลเอาตัวรอดทางริมกรอบฝั่งขวาก่อนไหลให้แมดดิสันซัดด้วยซ้ายบริวณหัวกะโหลก แต่บอลพุ่งหลุดคานไป
ลูกโลกสวนกลับมีเสียวเหมือนกัน
เบอร์มิงแฮมได้โอกาสสวนกลับแล้วมีลุ้นแบบสุดๆ เป็นจังหวะที่ต่อบอลกันจนหลุเข้าไปในกรอบแล้วโฮแกนพักแล้วไหลคืนให้มรับติแปด้วยซ้ายบริเวณจุดโทษ แต่บอลแฉลบบล็อคหลุดออกไปอย่างน่าเสียดาย
ยุตคีวิชซ์ซัดลูกสูตรหลุดเสาสอง
เบอร์มิงแฮมได้ลุ้นจากจังหวะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา เป็นมรับติที่เล่นลูกสูตรเขี่ยเปลี่ยนตุดให้ยุตคีวิชซ์ซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเรียดทะลุบล็อคหลุดเสาสองไป
เปเรย์ร่าลากตัดซัดหลุดเสาสอง
เปเรย์ร่าได้บอลทางริมกรอบฝั่งขวา ก่อนลากตัดเข้าในแล้วกดด้วยซ้ายบอลพุ่งเรียดแรงแต่ก็หลุดเสาสองไป
แมดดิสันพลิ้วซัดมุมแคบ
ท้ายเกมเลสเตอร์พยายามโหมบุกเพื่อเอาประตูนำ จังหวะนี้เป็นแมดดิสันที่ได้บอลพลิ้วหลุดเข้าไปในกรอบฝั่งซ้ายถึงเส้นหลัง ก่อนล็อคแล้วปั่นด้วยขวาจากมุมแคบ บอลพุ่งเข้ากรอบแต่โดนแคมป์ทุบสองมือทิ้งออกไป
สุดท้ายจบครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น เสมอกันอยู่ 0-0 โดยเลสเตอร์เป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าชัดเจนแต่จังหวะเข้าทำยังไม่จะแจ้งนัก ส่วนฝั่งเบอร์มิงแฮมเน้นสวนกลับได้วูบวาบแค่ช่วงแรก
อีแวนส์ได้โขกหลุดคาน
โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของเลสเตอร์ในครึ่งหลัง เป็นจังหวะที่แมดดิสันเตะมุมสั่นทางฝั่งขวาไปมุมกรอบเขตโทษให้อัลไบรท์ตันตักเข้ากลางแล้วเป็นอีแวนส์ได้เทคโหม่งแต่โดนไม่ดีหลุดคานไป
แมดดิสันปั่นฟรีคิกเข้าหน้าต่าง
เลสเตอร์ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา แน่นอนเป็นแมดดิสันที่ยืนจ้องอยู่ตรงนั้นก่อนสืบเท้าปั่นด้วยขวาบอลข้ามกำแพงโค้งไปที่เสาแรกแต่เลี้ยวไม่พอทำให้เข้าหน้าต่างไป
แมดดิสันตะบันอีซ้ายเช็ดคาน
โอกาสน่าได้ประตูสุดๆของเจ้าถิ่น เป็นจังหวะที่แมดดิสันได้บอลลากมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนวางเท้ากดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแรงผ่านมือแคมป์ไปแล้วแต่เช็ดคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
อิเฮียนาโช่ซัดตุงแต่โดนจับล้ำ
เลสเตอร์ส่งบอลเข้าประตูได้จากอิเฮียนาโช่ แต่โดนยกธงล้ำหน้า ซึ่ง VAR ตรวจสอบแล้วก็ตามนั้นทำให้แฟนบอลเฺฮเก้อไป
จิ้งจอกเฮ!!เปเรย์ร่าเติมโขกนำ 1-0
ในที่สุดจิ้งจอกก็ได้เฮจริงๆเสียที เป็นจังหวะที่บุกกดดันอยู่นาน อัลไบรท์ตันได้บอลทางกรอบฝั่งขวาถึงเส้นหลังแล้วพยายามล็อคหาจังหวะยกบอลเข้าไปตรงกลางให้เปเรย์ร่าเติมขึ้นไปโขกบอลผ่านมือแคมป์ตุงตาข่าย 1-0 ไปเลย
ลูกโลกมีเสียวเกือบตีเจ๊า
เบอร์มิงแฮมพยายามบุกเอาประตูตีเสมอและเกือบทำได้ จากจังหวะบอลที่เปิดเข้าไปตรงกลางแล้วฝั่งเลสเตอร์เคลียร์ไม่ขาด เข้าทางดีนได้จังหวะยิงสวนเข้าไปแต่ไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย
จิ้งจอกไม่พลาดลิ่ว 8 ทีม
สุดท้ายจบเกมเป็นเลสเตอร์ที่เชือดชนะไปได้ 1-0 จากลูกโขกของเปเรย์ร่า ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้
Starting Formation: 4-4-2
6.
ไมเคล คีฟเทนเบลด์

84'
18.
เคริม มรับติ

84'
2.
เวส ฮาร์ดิ้ง

71'
ตัวสำรอง
15.
เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่

84'
20.
แกรี่ การ์ดเนอร์

71'
7.
ดาเนี่ยล คราวลีย์

84'
404: Not Found
แก้ไขล่าสุดโดย hugball เมื่อ Thu Mar 05, 2020 06:45, ทั้งหมด 10 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ