น้ำหนักในการคำนวณค่าจัดส่ง จะมีกฎเกณฑ์ของแต่ละบริษัทขนส่งไม่เหมือนกันครับ

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ Dimension กับ Weight

ในส่วนของ Dimension มีวิธีคิด คือ กว้าง + ยาว + สูง และ ความยาวสูงสุดของแต่ละด้าน ถ้าเกินที่กำหนดไว้ จะไม่สามารถใช้การขนส่งบริษัทนั้นๆได้

ในส่วนของ Weight จะแบ่งเป็น
Item Weight หรือ น้ำหนักที่ชั่งได้จริง
Volumetric Weight หรือ น้ำหนักตามปริมาตรสินค้า คำนวณได้จากกล่องที่ใส่สินค้า โดยมีสูตรคำนวณทั่วๆไปคือ กว้าง x ยาว x สูง / 5,000

ที่ท่านบอกว่าน้ำหนัก 10 กิโลกรัม คือ น้ำหนักสินค้าจริงครับ
ท่านลองคำนวณ Volumetric Weight ตามที่ผมบอกดู ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ผมคิดว่าน่าจะเป็น 62.5 ซึ่งแปลได้ว่า 62.5 กิโลกรัม

ทีนี้ในมุม DHL หากน้ำหนักจากแบบไหนมากกว่ากัน เค้าจะหยิบตัวนั้นมาคำนวณค่าจัดส่งครับ ซึ่งเค้าก็จะนำ 62.5 x ค่าส่งต่อกิโลกรัม

ปล. ถ้าให้ผมเดาว่าทำไมคิดแบบนี้ ผมคิดว่าสินค้าที่น้ำหนักไม่เยอะ แต่ขนาดใหญ่ ก็จะไปกินพื้นที่ในตู้ container เยอะ เค้าก็คงมีการคำนวณไว้แล้วว่าแต่ละคิวบิกเมตร มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ  

เสียดาย พิธีการผ่านไปแล้ว ผมแนะนำว่าคราวหน้าใช้ชิปปิ้งเคลียร์ โดยให้ไม่เป็นพิธีการนำเข้าสินค้าเร่งด่วน เป็นนำเข้าปกติแทน ทีนี้ค่า freight ที่คำนวณจะถูกลง เพราะจะใช้ราคาซื้อขายตามจริงแทน ซึ่งผมคิดว่าน่าจะถูกกว่ากิโลละ 590 บาทนะ  

ถ้าคำนวณเป็นปริตรตามท่านส่งลิ้งค์มา จะได้ขนาดเฉลี่ยประมาณ 60*60*60 cm เป็นไปได้มากทีเดียว ดีนะนอนดึก มาอ่านเมนต์ท่านก่อน ไม่งั้นพรุ่งนี้ผมไปจัดหนักพนักงาน เงิบแน่ๆ

คงต้องจ่ายสินะ  

เอาของ DHL ไปเช็ค Chargeable weight ได้เลยครับ....แต่ถ้า 60*60*60cm มันไม่ถึง 62 โลนะครับ