ด้านมืดของคานธี
ท่านมหาตมะคานธี ได้รับการยกย่องเทิดทูนจากอินเดียและโลกอย่างมากมาย แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ท่านถูกตำหนิมากพอสมควร คือการที่ท่านไม่ยอมผลักดันให้ประเทศอินเดียยกเลิกระบบวรรณะ-จัณฑาล
ในขณะที่อังกฤษยังกลับปฏิบัติต่อคนวรรณะจัณฑาลดีกว่าคนอินเดียด้วยกันเสียอีก
และคนที่ขมขื่นเรื่องนี้มากก็คือบรรณาคนในวรรณะจัณฑาลนั่นเอง ซึ่งในที่นี้ผู้นำคือ ดร.เอมเบดก้า
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนโต้แย้งแทนให้ท่านอยู่เหมือนกันว่า ท่านไม่อาจแก้ปัญหาวรรณะ หรือปัญหาทุกเรื่องของอินเดียไม่ได้พร้อมกันทันที เพราะปัญหาวรรณะเป็นเรื่องฝังรากลึกและซับซ้อนมาก ท่านต้องมุ่งเรื่องการเรียกร้องเอกราชก่อน
[[ยาวหน่อยนะ แต่อ่านเพลิน เชื่อผมซิ]]
ขอออกตัวก่อนครับ ว่าบทความนี้ผมไม่ได้เป็นคนแต่งขึ้น มีเพื่อนชาวเฟสของผมแปลบทความจากต่างชาติมาเป็นภาษาไทยอีกที ผมอ่านแล้วรู้สึกอึ้งมาก พลิกอะไรหลายๆอย่างจากหน้ามือเป็นหลังตีนไปทันที ส่วนเรื่องที่กล่าวจะเป็นจริง หรือไม่จริง ก็อยู่ที่วิจารณญาณของท่านผู้อ่านครับ
เราเคยชินกับนิยายที่มีตอนจบชัดเจน แล้วเจ้าชายเจ้าหญิงก็ครองรักกันสืบไป....โดยที่เราลืมไปว่า เหตุการณ์บนโลกทุกเหตุการณ์มันไม่มีตอนจบ.... เจ้าชายหลังจากได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อ มันอาจจะกลายเป็นทรราชย์ที่มีสนมเป็นร้อยก็ได้
เหมือนกับในอินเดีย....
ตั้งแต่ครั้งโบราณ จันฑาลเป็นวรรณะต่ำต้อยที่สุดในชนชั้นสังคมฮินดู ชาวจัณฑาลในอินเดียถูกกดขี่อย่างหนัก จากชนชั้นอื่น ชาวจัณฑาลมีค่าต่ำกว่าหมา...ชาวจัณฑาลไม่สามารถใช้แหล่งน้ำเดียวกับชนชั้นวรรณะสูงได้.....ห้ามมองหน้าชนชั้นสูงตรง ๆ ถูกห้ามไม่ให้เข้าศาสนสถานฮินดู ..แม้แต่เงาก็ห้ามไปทาบลงบนกำแพงศาสนสถาน ... เวลาเดินไปไหนมาไหนต้องมีไม้กวาดห้อยไว้ที่เอวเพื่อลบรอยเท้า เพราะชนชั้นอื่นเชื่อว่า การไปเหยียบทับรอยเท้าของจัณฑาลจะนำพาโชคร้ายมาสู่พวกเขา....อาชีพที่เป็นของเหล่าจัณฑาล คืออาชีพที่ไม่มีคนทั่วไปอยากทำ...เก็บศพ เทสิ่งปฏิกูล เพื่อแลกกับอาหารที่เหลือจากหมาของบ้านผู้ว่าจ้าง....
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คานธีไม่พอใจพวกคนอังกฤษอย่างมากคือ ....พวกอังกฤษไม่เคยเลือกปฏิบัติต่อคนในวรรณะจัณฑาล
พวกอังกฤษให้สิทธิ์ของจัณฑาล เท่าเทียมกับพราหมณ์ทุกประการ บริษัทอังกฤษที่เปิดอยู่ในอินเดีย นิยมรับจัณฑาลเข้าทำงานมากกว่า เพราะขยัน และสู้งานกว่า มีปากเสียงน้อยกว่า ทำให้ฐานะทางสังคมของจัณฑาลถูกยกสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเดินปะปนอยู่กับวรรณะอื่นในเมืองใหญ่ ๆ อย่างลอยหน้าลอยตา
อังกฤษให้การศึกษากับคนอินเดียทุกคนโดยไม่เลือกฐานะทางสังคม. ...ครูชาวอังกฤษอนุญาตให้เด็กชาวจัณฑาลสามารถนั่งเรียนในห้องเรียนของโรงเรียนอังกฤษร่วมกับเด็กจากวรรณะอื่นได้....
เเค่เดินเหยียบรอยเท้าเด็กวรรณะจัณฑาลก็ถือเป็นความซวยใหญ่หลวง เด็ก ๆ จัณฑาลในเมืองใหญ่ ๆ สมัยนั้นจึงต้องพกไม้กวาดติดเอวไปด้วย เพื่อจะได้ลบรอยเท้าของพวกเขาทุก ๆ ก้าวที่เขาเดินออกไป......แค่แอบฟังคัมภีร์พระเวท(คัมภีร์ของศาสนาฮินดู)ยังต้องโดนตะกั่วเหลวกรอกหู..แต่นี่กลับมานั่งเรียนข้าง ๆ กัน.... เรียนรู้ศิลปะวิทยการเดียวกัน
พ่อแม่ของเด็กจากวรรณะสูงส่งเหล่านั้น จึงพากันมาเอาลูกหลานออกจากโรงเรียน......
จำนวนของเด็กจัณฑาลในเมืองใหญ่ที่รู้ภาษาอังกฤษจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ .... ตรงข้ามกับเด็กจากวรรณนะอื่น....เมื่อบริษัทรถไฟของอังกฤษต้องการวางระบบรางรถไฟ อัตราการจ้างงานของเหล่าจัณฑาลจึงสูงกว่า....ชาวจัณฑาลจึงมีเงินซื้ออาหารดี ๆ เสื้อผ้าสวย ๆ และที่อยู่ที่ถูกสุขอนามัยมากขึ้น....ชาวเมืองเริ่มแยกจัณฑาลไม่ออกจากวรรณะอื่นหากไม่ถามนามสกุล
อาชีพที่เคยเป็นของจัณฑาลเพื่อแลกกับอาหารเหลือจากสุนัขของบ้านนั้น ๆ เริ่มไม่มีคนทำ
....สังคมฮินดูกำลังจะล่มสลาย....---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชาวจัณฑาลเริ่มมีปากเสียงในสังคมมากขึ้นจากการได้รับการศึกษา และสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนภายใต้การนำของ Dr.Bhimrao Ramji Ambedkar หรืออีกชื่อนึงที่มวลชนของเค้าชอบเรียกเค้าว่า Babasaheb - บาบาซาเฮบ มากกว่า...
บาบาซาเฮบเกิดในวรรณะจัณฑาลที่ใช้ชีวิตในวัยเด็กไม่ต่างจากเด็กจัณฑาลทั่วไป แต่หลังจากครอบครัวของเค้าย้ายเข้าไปอยู่ในบอมเบย์ บาบาซาเฮบได้รับการศึกษาจากโรงเรียนของพวกอังกฤษ...และเค้าก็ทำได้ดีกว่าเด็ก ๆ จากวรรณะอื่น...บาบาซาเฮปได้รับทุนการศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และเศรษฐศาสตร์ที่สถาบันเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน....
บาบาซาเฮบเดินทางกลับมาอินเดียเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ให้กับชาวจัณฑาลในช่วงที่คานธีกำลังเรียกร้องอิสระภาพจากอังกฤษ หลังจากอินเดียได้รับอิสระภาพจากอังกฤษแล้ว บาบาซาเฮบได้เข้าไปเป็นหนึ่งในสภาประชาชนเพื่อร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญให้กับอินเดีย
ด้วยการมีส่วนร่วมเสนอข้อกฎหมายเพื่อความเท่าเทียมกันทางชนชั้นหลาย ๆ อย่างของบาบาซาเฮป ทำให้ บาบาซาเฮปถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งรัฐธรรมนุญอินเดีย ....ชาวจัณฑาลได้สิทธิ์ในการทำงาน และได้รับค่าแรงเท่าๆ กับคนวรรณะอื่น หากมีความสามารถจริง.........ชาวจัณฑาลสามารถใช้แหล่งน้ำ ในเวลาเดียวกันกับที่วรรณะอื่นใช้ได้
...........ซึ่งนั่นทำให้คานธีผู้เกิดในวรรณะแพศย์ไม่พอใจอย่างยิ่ง
คานธีเห็นว่า ไม่มีเหตุอันสมควรใด ๆ เลยที่วรรณะอันต่ำต้อยอย่างจัณฑาล จะควรมามีสิทธิ์มีเสียงทางสังคมเท่ากับชนชั้นของตนได้. ....และคานธีต้องยิ่งตกใจจนแทบตกเก้าอี้ เมื่อมารู้ภายหลังว่า บาบาซาเฮป เกิดในวรรณะจัณฑาล....
.....นั่นยิ่งทำให้คานธีมีอคติกับบาบาซาเฮป และจัณฑาลมากขึ้นเรื่อย ๆ การเจรจาเพื่อกำหนดข้อกฏหมายใด ๆ หากมีบาบาซาเฮบร่วมด้วยจะถูกคานธีล้มโต๊ะ....---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม้ว่าจะได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นหลาย ๆ อย่าง แต่สิทธิ์ในการเข้าสักการะ Gods ของศาสนาฮินดู ยังคงถูกจำกัด....บาบาซาเฮปได้เป็นผู้นำการเดินขบวนเรียกร้อง เพื่อให้ชาวจัณฑาลสามารถใช้ศาสนสถานได้
" ในเมื่อเราเป็นฮินดูเหมือนกัน เหตุใด เราได้รับสิทธิ์เพียงแค่ไหว้เทวรูปอยู่ด้านนอกกำแพงศาสนสถาน"
บาบาซาเฮปนำชาวจัณฑาลหลายพันคน ไปนั่งภาวนาอยู่ด้านนอกศาสนสถาน เพื่อแสดงออกถึงพลังในการเรียกร้อง
คานธี จัดม๊อบ มาชนม๊อบทันที.......ม๊อบที่มากับคานธีเริ่มขว้างปาก้อนหิน และท่อนไม้เข้าใส่ผู้ร่วมชุมนุมชาวจัณฑาล เมื่อเหตุการณ์บานปลายขึ้น ตำรวจเพียงไม่กี่สิบนายไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้. ..ชาวจัณฑาลที่มีเยอะกว่าจึงเข้าถึงตัวมหาตะคานธี...ผู้นั่งนิ่งยอมให้ทุบตี. .............
ชาวจัณฑาลสูญเสียความชอบธรรมในการเรียกร้องสิทธิ์อื่น ๆ เพราะไปทำร้ายผู้นำในการปลดแอกอินเดีย
"ทำไมพวกท่านตกอยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษแค่ 150 ปี ท่านยังลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชได้......แต่เราเหล่าจัณฑาลตกอยู่ใต้การกดขี่ของพวกท่านมานับพัน ๆ ปี แต่เรากลับไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิทธิของมนุษย์ขั้นพื้นฐานได้"
บาบาซาเฮปได้แถลงหลังจากเหตุการณ์วุ่นวาย. ........และคิดเปลี่ยนแผนการในการเรียกร้อง
บาบาซาเฮปมีแนวความคิดจะให้ชาวจัณฑาลทุกคนเปลี่ยนไปนับถือพุทธศาสนา
"ที่นี่(ในศาสนาพุทธ)เราจะไม่มีชนชั้น เราไม่มีพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล เราจะมีเพียงพุทธมากะ"...บาซาเฮปแถลงการณ์ต่อหน้าชาวจัณฑาลนับแสน ในการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์
คานธี อยู่ไม่สุขทันที....ถ้ามีการนำเหล่าจัณฑาลเปลี่ยนแปลงศาสนา "คานธีขู่จะอดอาหารประท้วง"....
และก็ได้ผล มีแรงบีบมาจากทางรัฐสภาอินเดีย เพื่อขอให้ชะลอการนำเหล่าจัณฑาลเปลี่ยนศาสนาออกไป. .........
แต่ก็ได้แค่ชั่วคราว...ชาวจัณฑาลนับแสนนับล้าน ได้เปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาพุทธตามบาบาซาเฮป. .....---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากความวุ่นวาย คานธีต้องการลดแรงเสียดทานเรื่องการเหยียดชนชั้นลง ด้วยการนิยามการเรียกเหล่าจัณฑาลเสียใหม่ว่าเป็น "เหล่าบุตรของพระเจ้า" แต่นั่นก็เป็นเพียงคำหวาน....คานธีเปลี่ยนแค่ชื่อเรียกให้ดูสวยหรู แต่ยังคงยืนยันการจำกัดสิทธิ์ขึ้นพื้นฐานหลาย ๆ ของจัณฑาล...รวมไปถึงการเลือกตั้ง.....
หากอหิงสาควรเป็นการเรียกร้องโดยสันติวิธีเพื่อไม่ทำร้ายผู้อื่นตามคำนิยามที่อาจารย์ชัยวัฒน์กล่าว ....
เราควรจะยังใช้คานธีเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้แบบอหิงสาอยู่หรือ ....
อหิงสาแบบของคานธีคือ การเดินไปยั่วแหย่เพื่อให้เกิดความรุนแรง โดยการอ้างว่ามีมวลชนมาก ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด...ครั้นพอเกิดความรุนแรงขึ้น คานธีจะเคลมเอาความชอบธรรมกลับมาอยู่ที่ฝั่งของตนเอง......
นี่ควรจะเรียกว่าเป็นสันติวิธีหรือ...------------------------------------------------------- "ที่ผ่านมาอินเดียมีมหาตมะ (ผู้มีจิตประเสริฐ) เกิดมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งล้วนไม่เคยคิดปรารถนาจะปลดแอกระบบชนชั้น ...มหาตมะเกิดมา มหาตมะจากไป แต่จัณฑาลผู้ถูกกดขี่ก็ยังคงเป็นจัณฑาล" -
B. R. Ambedkar
Credit :: Twitch Sanitthangkoon
Cr Dr ศิลป์ชัย
อ้างอิง เพิ่มเติม
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1113031
https://workpointnews.com/2018/12/20/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B9%89/?fbclid=IwAR28bhUaQBjNB04VqKi3Oj5h2TADCQrNxWt0TR5c7URT4bsnspW2lP1JKr8
จากเพจประวัติศาสตร์ฮาร์ดคอร์