ช่วงต้นคลิป 7 นาทีแรกนะครับ เอาไปดูเรียกน้ำย่อย รายการป๋าเต็ดอาทิตย์หน้าคงเจาะละเอียดกว่านี้







เท่าที่ฟังดูถึงจะต่างมุมแต่เรื่องราวก็ร้อยเรียงกัน ไม่มีใครโกหก

ฝั่ง Dax จะพูดออกมาตรงๆตามสไตล์ แต่ฝั่ง Big Ass จะพูดอ้อมๆ ไม่ด่าตรงๆ แต่ก็จับคีย์เวิร์ดได้หลายๆคำว่าเพราะอะไร

ซึ่งเรื่องนี้มันก็มีส่วนผิดทั้งคู่แหละ แต่ในมุมคนที่จริงจังกับการทำงานมากๆน่าจะเข้าใจฝั่ง Big Ass ว่าแบบนี้มันไม่ไหวจริงๆ

แต่เสียงเสียไปแล้วหนิครับ ต่อให้ไม่มีปัญหากันพี่แดกซ์แกก็ไม่ไหวละ

เพราะไม่ดูแลเสียงตัวเองด้วยแหละ

เรื่องปัญหาเสียงพังนี้นักร้องหลายคนกังวลมากครับ มันต้องใช้หากินอ่ะเนอะ

เขาถึงมีวิธีเรียนการร้องเพลงไงมันไม่ใช่แค่ร้องให้เพราะ แต่ร้องให้ถูกวิธีขึ้นเสียงสูงยังไงให้ไม่เกิดStrainหรือเลี่ยงไปใช้เสียงหลบแทน หรือแทนที่จะตะโกนก็ร้องใช้เฮดวอยดีกว่า

แล้วยิ่งพี่แด๊กแกร้องเพราะร็อคอ่ะ การว๊าก การตะโกน การร้องเสียงเต็มทุกคืนๆมันมีผลหมดอ่ะ แล้วยิ่งแกกินเหล้าหนักด้วย

แต่นักร้องต่อให้มีวิธีขึ้นเสียงสูงยังไงให้ถูกต้องแต่ถ้าใช้มันทุกวันๆ ฝืนขึ้นโน้ตที่ตัวเองไม่ซับพอร์ตเสียงก็ไปหมดอ่ะ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายๆเรื่องของวงที่เราชอบกับปัญหาที่ไม่เคลียที่ไม่ได้ฟังจากปากเข้าตัวหรือคำตอบแบบเลี่ยงๆมาตลอด จนตอนนี้เป็นอะไรที่ดีมากที่ป๋าเต็ดจับมานั่งคุยถามคำถามเหล่านั้นแทนซึ่งถ้าเจ้าตัวไม่สะดวกก็ไม่ตอบ แต่หลายคำถามเราก็ได้คำตอบจากเจ้าตัวจริงๆ

ตอนนี้เสียงแกกลับมาแล้วนะ ประมาณ 80% ละ

ส่วนตัวผมว่า สมาชิก Big Ass ทั้งหมด ตัดสินใจถูกต้องกันแล้วครับ แยกวงคือทางที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น ถ้ายิ่งมาฟังสัมภาษณ์พี่แด๊กล่าสุดนี่ยิ่งเข้าใจเลย บรรยากาศวงมันแย่มากๆ และมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผมเข้าใจเลยเพราะเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น อันนึงมันก็คืออาชีพ อีกอันก็คือเพื่อน ถ้าเราพูดออกไปก็กลัวกระทบวงและลามมากระทบความสัมพันธ์ของเพื่อน สู้ทนๆไปอย่างน้อยยังสานต่ออาชีพได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถึงทางตัน

ความผิดพลาดของ Big Ass มีอย่างเดียวคือ วิธีการที่ใช้ในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ จริงๆถ้าจะเปลี่ยนนักร้องควรจะเปิดอกคุยกันตรงๆไปเลยมากกว่า พอไปเดินเรื่องกันเองหลังบ้านแล้วกลายเป็นกระทบความสัมพันธ์รุนแรงไปเลย

ตัวแด๊กซ์ไม่ได้เป็นมืออาชีพพอกับวง ส่วนวง ก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพพอที่จะจัดการปัญหานี้

80% เลยเหรอท่าน ผมฟังยังไงตอนนี้พอได้แค่ครึ่งเดียวของแกที่แกเคยร้องได้เลยมั้งครับ

ลองฟังดูครับงาน live ล่าสุดที่จัดที่ etech เพลงช้าๆพอได้แต่เพลงเร็วนี้ผมว่าต้องให้เวลาแกอีกพอสมควรเลยหละ

มองในมุมนักร้องละกันครับ ไม่ขอยุ่งเรื่องส่วนของแต่ละคน
แดกซ์เองควรรับผิดชอบตัวเองให้มากกว่านี้ เข้าใจแหละว่าดังแล้วแต่ว่าช่วงก่อนจะแยกวงเสียงแกไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วถ้าไม่แยกกันไปแกจะกลับใจมาฟื้นฟูเสียงตัวเองมั้ยก็ไม่รู้เลย
อย่างแบงค์แคลชเองนี่ก็ตัวสูบเลย แต่โชคดีที่ไปเล่นละครเวทีแล้วได้เรียนร้องเพลงเลยได้วิธีใช่เสียงกับรักษาเสียงตัวเองด้วย เสียงแกเลยไม่เสียแถมได้เทคนิคเพิ่ม

นักร้องนักดนตรีส่วนใหญ่ก็ดื่ม+สูบกัน แต่ก็ต้องมีช่วงที่ต้องฟื้นฟูตัวเองเพื่อให้ทำอาชีพนี้ต่อได้

เสียดายมาก น่าจะจบกันสวยกว่านี้หน่อย

เสียงกลับมายังไม่ได้ครึ่งเลย และยากที่จะดีกว่านี้เพราะรับงานตลอด
ยิ่งรับงานมาก เสียงก็ยิ่งพังมาก

ถ้าไม่ได้ชื่อ เด็กซ์ อดีต big ass เป็นคนอื่น เสียงแบบนี้ไปร้องเวทีไหนมีแต่คนโห่แน่นอนครับ

จนถึงตอนนี้ ตัวแด็กซ์เองก็ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยด้วยซ้ำ


ยังคงทำเพราะสนุกถ้าไม่สนุกก็ไม่ทำ คืองานนี้มันเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเอง คุณจะทำเฉพาะที่คุณสนุก ถ้าไม่สนุกก็ไม่ทำแบบนี้มันไม่ได้ที่สำคัญ คุณไม่ได้ทำงานคนเดียว คุณทำงานกับอีก 4 คน ซึ่งนั่นมันคือทีมการที่คุณจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้


ถ้าวันนึงมือกลองตีกลองแทบไม่ได้ ตีค่อมจังหวะ ตีเสียงแป้กๆ เป็นเพราะการใช้ชีวิตในทุกๆงานที่ต้องไปเล่น คุณคิดว่าเค้าควรจะเปลี่ยนมือกลองหรือว่าใช้คนเดิมต่อไปรอจนกว่ามือกลองจะอยากตีให้สนุกเหมือนเดิม


ส่วนเรื่องเสียง นี่ยังกลับมาได้ไม่เท่าไรเลยจากเดิม ขนาดที่แทบไม่ได้ร้องอะไรติดๆกันเลยนะ นี่กี่ปีแล้วยังกลับมาได้เท่านี้ ถ้าเกิดวงยังฝืน ยังรับงานกับแด็กซ์เหมือนเดิม คิดไม่ออกเลยว่าจะยังมีคนอยากจ้างอยู่มั้ย

ผมให้แค่ 30 ลองไปฟังคลิปล่าสุดเล่นสดที่อีเทคสิครับ

ฟังสัมแด๊กจากป๋าเต็ดแล้ว เหมือนเด็กเอาแต่ใจอ่ะ ไม่หนุก ไม่เอา แล้วไปโทษเพื่อนว่าหักหลัง

ก็กูเป็นแบบนี้ไง แต่เพื่อนๆร่วมวงเค้าก็มีครอบครัว แล้วปัญหาคือ นักร้องนำคือ ภาพจำของวัยรุ่นสมัยนั้นน่ะ

แต่ทางวงจัดการปัญหาได้ไม่ดี ถ้าฟังจากป๋าเต็ด รอฟังจากทีมบิ๊กแอ๊ดอีกที

มาสาย ไม่ถนอมตัวเอง ไม่แครใคร เต็มที่กับตัวเองไปหน่อยผมว่า