ผีไม่มีจริงครับ อาจจะเป็นสแตนด์ก็ได้ ปกติผู้ใช้แสตนด์ด้วยกันถึงจะมองเห็น

เปิดทำไมล่ะ มันไม่เจออยู่แล้ว

ถ้าอยากฟังต่อก็ต้องค่อยๆแอบฟัง ค่อยๆส่อง หาช่องแอบดู


ถ้าโผล่ไปโต้งๆ ยังไงก็ไม่เจอ .. เพราะมันไม่มีอะไร

เรื่องแบบนี้แล้วแต่ความเชื่อครับ ถ้าเราเชื่อว่าใช่ว่ามี ก็ตามนั้น แต่ถ้าไม่เชื่อและไม่ใส่ใจ ก็ไม่มีอะไร

สมันเรียนมหาลัยแฟนผมเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนผู้หญิง เค้าได้ยินคนเรียกบ่อยๆตอนอาบน้ำหรืออยู่ในห้องคนเดียว ก็นึกว่าเพื่อนมาเรียก ปรากฎออกมาไม่เจอใครเลยสักคนเดียว เป็นแบบนี้หลายครั้ง มีผู้ใหญ่บอกว่าอย่าไปทักตอบ แต่ก็กว่าจะรู้ก็ตอบไปหลายหนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นนะครับ

ส่วนผมเองที่เคยเจอก็อธิบายลำบาก เมื่อสักสามสี่ปีนี่เอง อาบน้ำตอนตีสามตีสี่จู่ๆก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ลอยมาตามลมแต่จับใจความไม่ได้ว่าเปนบทอะไร เปนอยู่สักพักใหญ่ๆเลยครับ พยายามเงี่ยหูฟังก็ฟังไม่ออก มันแบบสวดพึมพำๆยังไงชอบกล ตอนนั้นไม่ได้กลัวนะครับแต่ประหลาดใจมากกว่า เพราะว่าบ้านก็ไม่ใกล้กับวัดเลย จนรุ่งขึ้นเพื่อนคนหนึ่งซึ่งป่วยมานานเสียชีวิตหลังจากผมเพิ่งไปเยี่ยมมาไม่กี่วัน เลยไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า? ;)

เสียงลมครับผมได้ยินบ่อยเพราะเล่นคอมช่วงดึกๆบ่อย อาจจะมีประตูหรือหน้าตามีช่องเล็กๆก็ได้ครับเวลาลมผ่านมันจะเป็นเสียงคล้ายๆผิวปาก

ได้ยินแบบนี้ ค่อยน่าตกใจหน่อย

น่าจะเสียงลมพัดกับบานเกล็ด

ผีมีจริงรึ

ถ้าเชื่อในวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่เชื่อว่า GT200 ตรวจระเบิดได้ ถ้าไม่เชื่อว่าทำบุญแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์

ก็ต้องไม่เชื่อเรื่องผีครับ


ถ้าคุณเชื่อวิทยาศาสตร์ แต่คุณเชื่อเรื่องผี ก็ตรรกะวิบัติละครับ

เมื่อก่อนผมก็เคยครับ นอนบ้านเดี่ยวชั้นสอง ห้องมุม
รอบ ๆ บ้านต้นไม้เยอะมากกกกกก

ได้ยินเสัยงผิวปากบ่อยมาก
(แต่ไม่บ่อยเท่าเสียงเรือหางยาวตอนตีห้า)

เอาไปถามผู้ใหญ่ แกก็บอกว่า อ๋อ เสียงงูปี่แก้ว (หรืองูอะไรซักอย่าง จำไม่ได้และ)

ข้อเท็จจริงยังไงก็ไม่รู้นะครับ
นอน ๆ อยู่ก็ไม่เคยเจอตัวอะไร ปีนกิ่งไม้ข้างบ้านมาทักที่หน้าต่างซักที


แต่ของคุณก็น่าจะเป็นผีแหล่ะ ผมว่า

ผมเจอจนชินละครับ ไว้ว่างๆ ค่อยมาเล่าให้ฟัง ถามว่ากลัวไม่กลัวนะ แต่ชอบอ่าน กับชอบฟัง

ไม่มีหรอกครับผี ถ้าพูดว่าเป็นโจรยังจะน่ากลัวกว่าอีกครับ

ต่อไปไม่ต้องเปิดประตูไปดูแล้วครับ มันมาอยู่ในห้องแล้ว

อย่าด่วนสรุปไปครับ ในเชิงวิทยาศาตร์ ผีคือพลังรูปแบบนึงครับ ยกอ้างอิงมาจากกระทู้ใน pantip

ยึดถือปรากฏการณ์นี้เป็นมาตรฐานที่ชื่อว่า "มาตรฐาน SNG" หรือ Standard Night time Ghost โดยตั้งอยู่บนสมมติฐาน 2 ประการ คือ

1. เกิดจากภาพหลอนหรืออาการทางประสาท เพราะการปรากฏร่างของผีเป็นการป้อนข้อมูล ให้ระบบจิตใต้สำนึกและสมอง ทำให้เกิดอาการทางประสาทหลอน นอกจากนี้อารมณ์และความรู้สึกก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดภาพหลอนได้

2. ตามมาตรฐาน SNG แล้ว ถ้าผีปรากฏกายต้องเปล่งแสงสว่างออกมาทำให้ผู้คนมองเห็น ลักษณะนี้แสดงว่าไม่ใช่เป็นภาพหลอนหรือภาพลวงตา

และจากสมมติฐานข้อที่ 2 ทำให้ปรากฏการณ์นี้โยงเข้าหาวิชาฟิสิกส์ได้ จึงทำให้เรื่องผีกลายเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นมา นั่นคือการจัดให้ผีเป็น"พลังงานในรูปแบบหนึ่ง" และถ้าผีเป็นพลังงาน การที่จะปรากฏกายของผีได้ต้องประกอบด้วย

1. ต้องเกิด "แรงกระตุ้นแบบกะทันหัน" เป็นจังหวะๆ ที่เรียกว่า อิมพัลส์ (Impulses)
2. แต่ละอิมพัลส์มีค่าเฉลี่ยประมาณ 60 จูลส์ คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม
3. พลังงานสูงสุดอยู่ที่ 6,000 วัตต์หรือมากกว่านั้นในแต่ละอิมพัลส์
4. ผีจะปรากฏกายในรูปแบบต่างๆ ได้ ต้องดึงดูดเอาพลังงานเข้าไปสะสมไว้อย่างต่ำ 60 จูลส์

พอจะเป็นข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า การปรากฏกายของผีก็คือพลังงานที่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วสามารถทำงานร่วมกันได้เหมือนหน่วยหนึ่งของชีวิต ทั้งนี้เป็นไปตามกฎความสมดุลแห่งมวลสารของนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก คือ อัลเบิร์ต ไอน์ไสตน์ นั่นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในสมมติฐานนับร้อยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ผีๆ เพราะเรื่องผียังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่หาข้อมยุติไม่ได้อยู่ดี....

สบายใจได้

ถ้าเจอ ท่านก็บอกมันไป ที่แอฟริกา ไม่มีผี่