โหวต + เก็บลงกระทู้ Favorite เรียบร้อย

เกษียณรวย ผมว่าผมวางแผนไว้ค่อนข้างโอเคละ เพราะมีทั้งกอง LTF/RMF/กองทุนสำรอง/คอนโดปล่อยเช่า ซึ่งก็ปล่อยให้มันค่อยๆโตไปเรื่อยๆ
เหลือเรื่องเกษีญณเร็วเนี่ย ยังไม่ไปถึงไหนเลย ลงหุ

แชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆชาวSSพอเป็นแนวทางได้ไหมครับ

เบิ้ลครับ

ปักรอฟังครับ

ความยากอยู่ที่ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15%/ปี ตลอด 30 ปีนี่แหละครับ
ตามปกติของตลาดหุ้น/ทุน/ตราสารหนี้ ซึ่งอิงกับเศรษฐกิจโลกอยู่แล้วนั้นทุกๆ 10 ปี (ในภาพใหญ่) จะต้องมีวิกฤตทางการเงินแบบใดแบบนึงเกิดขึ้นแล้วกระเทือนมาถึงหลักทรัพย์พวกนี้ตลอด ยังไม่รวมคลื่นลูกย่อมๆที่มาเร็วกว่า 10 ปีอีก

ฉะนั้นในความเป็นจริงคือต้องลงทุนให้บางปีได้ผลตอบแทน 20-30%/ปี เพื่อเอามาถัวกับช่วงที่ติดลบหรือได้ต่ำกว่า 10% อีก



เราต้องเพิ่มตัวช่วยอีกทางหนึ่งด้วยตัวเราเองก็คือดิ้นรนเพิ่มรายได้ขึ้นมาให้ได้
คงไม่มีใครที่ทำงานรับเงินเดือน 20,000 บาทคงที่ไปตลอด 30 ปีอยู่แล้ว

เร่งสร้างคุณค่า (Value added) ในตัวคุณเองเพื่อให้มันพาเราไปยังรายได้ที่สูงขึ้นครับ
จะขึ้นเงินเดือน จะปรับตำแหน่ง จะหารายได้เสริม อะไรก็ต้องดิ้นรนกันไปตามที่ถนัด

จุดที่เหนื่อยของรายได้ระดับปริ่มๆก็คือ มันโดนค่าใช้จ่ายรายเดือนกินไปจนเหลือให้เราหายใจได้น้อย
พอรายได้เราเพิ่มจนถึงจุดหนึ่ง แต่ Fixed expense ยังคงที่หรือไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วยอัตราเท่ากับรายได้ (ใช้วินัยในการใช้จ่ายคุมตัวเองด้วย)
มันจะมีเงินเหลือเยอะขึ้นทันตาเห็นเพื่อเอามาออมเพิ่มขึ้นครับ

ยกตัวอย่างเงินเดือน 20,000 ของเจ้าของมู้เลยแล้วกัน
สมมติค่าใช้จ่ายประจำเดือนคือ 14,000 บาท (70% ของรายได้)
เหลือให้หายใจได้ 6,000 บาท (30% ของรายได้)

แต่ถ้าอัพรายได้ขึ้นมาเป็น 40,000 ได้ โดยที่ไม่มีภาษีสังคมที่สูงขึ้นในอัตราเท่ากัน
คุณจะเหลือเงินที่เหมือนได้เปล่าเพิ่มขึ้นอีกเยอะครับ
ค่าใช้จ่ายอาจจะเพิ่มเป็น 20,000 บาท (50% ของรายได้)
เหลือให้หายใจได้ 20,000 บาท (50% ของรายได้)
พอเหลือที่ให้หายใจได้เยอะ เราก็แบ่ง % ที่จะเอามาออมได้เยอะขึ้นตาม ไม่จำเป็นต้องออม 10% แล้ว อาจจะกลายเป็น 20-30% ได้โดยชีวิตไม่เดือดร้อนเลย


ฉะนั้นผมสนับสนุนแนวทางของการสร้างรายได้เพิ่มครับ มันเป็นฐานที่จะนำไปสู่การออมที่ยั่งยืนแบบที่เจ้าของมู้บอกมา

ขอให้ทุกท่านจำไว้ว่า "รายจ่ายไม่ได้เพิ่มตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าเทียมกัน"
รายจ่ายอาจจะเพิ่มขึ้นบ้างตามภาษีสังคมเช่นทำงานตำแหน่งสูง เลี้ยงข้าวลูกน้องบ้าง ไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานเพิ่มบ้าง
แต่เราสามารถควบคุมให้มันเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ครับ

เห็นด้วยครับ สำหรับผมการสร้างรายได้เพิ่มสำคัญกว่าการกระเบียดกระเสียดออม แต่สำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่เคยออมเลย การเริ่มต้นออมให้เป็นก่อนเป็นสิ่งจำเป็นครับ

เห็นด้วยกับท่านครับ

นิสัยการออมต้องใช้เวลาสร้าง เริ่มแรกก็ออมน้อยๆนิดๆหน่อยๆแบบที่ท่านว่ามาให้เป็นนิสัยก่อนนั้นถูกต้องเลย

ยังงงกับระบบเว็บบอร์ดครับมือใหม่ อันนี้คือผมโควทใช่ไหม

ใช่ครับ

ได้แล้วครับ ผมขอเสริมนิดนึงนะครับ

จุดประสงค์หลักของกระทู้นี้ผมต้องการชี้ให้เห็นว่าคนรายได้น้อยก็เริ่มลงทุนได้ครับ เพราะคนส่วนใหญ่เค้าจะเข้าใจว่าการออม การลงทุนเป็นเรื่องของคนรวยเลยไม่ได้ตระหนักในจุดนี้ครับ

สำหรับคนที่ไม่เคยออมหรือไม่เคยวางแผนการเงิน รายจ่ายสามารถขยับตามรายได้ได้นะครับ สมมติรายได้เพิ่มขึ้น คุณก็อยากซื้อบ้านหลังใหญ่หน่อยให้มันสมกับรายได้จากบ้าน5ล้านเป็นบ้าน10ล้าน หรือรถต้องเป็นรถยุโรป เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นหลายคนที่รายได้สูง ทำธุรกิจเก่ง หาเงินเก่ง แต่ต้องหมุนเงินไม่ทันมีให้เห็นกันเยอะแยะครับ ส่วน10%นั้นคืออย่างน้อยที่ควรออมครับ ส่วนเงิน20,000ตลอด30ปี ผมมีเขียนไว้ข้างล่างว่ารายได้เพิ่มขึ้นตามความรู้และประสบการณ์ไว้แล้วครับท่าน ผมคิดแบบ conservativeให้ดูครับว่าอย่าหมิ่นเงินน้อย ออมได้ก็ออมครับ

แต่ที่ท่านว่ามาผมเห็นด้วยเรื่องควรเพิ่มvalueให้ตัวเองในการหารายได้ให้มากครับ

ส่วนเรื่อง % การลงทุนผมเขียนไม่ชัดเจนเองครับว่าเป็น %เฉลี่ยแบบทบต้น อย่างปู่บัฟเฟท20%ต่อปีก็มีบางปีที่กำไรเกิน100%บางปีขาดทุนพอเฉลี่ยแบบทบต้นแล้วจึงอยู่ที่ประมาณ20%ครับ

ในอดีต30ปีย้อนหลังตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยรวมปันผล 10-12% ครับผมจึงได้แสดงความเป็นไปได้ให้เห็นไว้
แต่สำหรับอนาคตผมมองว่าเศรษฐกิจประเทศจะโตถดถอยลงถ้าdca set50ต่อจากนี้คงให้แค่6-8%ต่อปีครับหรืออย่างแย่ในกรณีเป็นแบบญี่ปุ่นคือดัชนีไม่ไปไหนเลยครับ เป็นเหตุผลว่าตัวผมถึงเน้นที่การเก็งกำไรครับเป็นหลักครับ

เริ่มต้นเลย ผมได้มีโอกาสไปเรียนคอร์ส Money Literacy ของ3กูรู โค้ชหนุ่ม Taxบักหนอมและ A-Academy ซึ่งเปิดโลกทัศน์การเงินของผมเลย โดยแต่ละคนจะเน้นในเรื่องที่ต่างกัน
โค้ชหนุ่ม :บริหารหนี้-บริหารเงิน-หารายได้เพิ่ม ,Taxบักหนอม :เน้นเรื่องการคำนวนภาษี ค่าลดหย่อนต่างๆ ,A-Academy :เน้นเรื่องการทำให้เงินงอกเงยจากกองทุน ซึ่งก็ได้เอาความรู้เท่าที่เรารับได้มาลงทุนในเรื่องต่างๆ

ซื้อคอนโดปล่อยเช่า - ผมหาจากใกล้ๆที่ทำงานที่สร้างเสร็จแล้ว หาห้องที่พร้อมอยู่ เฟอร์ครบ เจ้าของขายเพราะมีเหตุจำเป็น ทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่าตลาด เมื่อหักจากค่าเช่าก็พอมีส่วนเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ผมสายโป๊ะเพื่อให้หนี้เราจบภายใน12-15ปี แทนที่จะเป็น30ปี ใช้การคำนวนจากApp EZCalculator ก็ทยอยซื้อทีละห้อง แล้วแต่โอกาสที่เข้ามา

กองทุนรวมต่างๆ - หลังจากคอร์สแรกจบ ไฟกำลังมาก็ไปเรียนคอร์สเพิ่มกับ A-Academy ต่ออีก1คอร์ส ซึ่งก็ได้ทำแบบทดสอบหาผลตอบแทนที่คาดหวัง คำนวนภาษีว่าซื้อกองทุนได้เท่าไหร่ถึงเหมาะสมจาก App iTax Pro แล้วก็ซื้อกองทุนที่ได้เลือกไว้ โดยให้หักบัญชีไปเลยทุกเดือน ทั้งLTF RMF ซึ่งเราก็ได้การวางแผนในเรื่องประกันชีวิต+สุขภาพควบคู่ไปด้วย

สุดท้ายพอมาคำนวนค่าใช้จ่ายต่อเดือนเมื่อเกษียณ เทียบกับเงินที่เราคาดว่าจะได้รับเมื่อเกษียณก็พอเห็นรำไรละว่า มันก็ค่อยๆเติบโตไปในทิศทางที่ดี ช้าหน่อยแต่ก็ชัวร์ดี

*** ผมทำงบรายรับ-จ่าย รายวันในExcel เพื่อดูว่าการใช้เงินเราเป็นยังไงและใช้ในการวางแผนการใช้เงิน
ผมทำงบดุลรายไตรมาส เพื่อดูว่าสินทรัพย์เราเพิ่มขึ้น ลดลงยังไงบ้างและพอสิ้นปีก็มาดูกันทีนึงว่า ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเท่าไหร่

เนี่ยแหละครับการวางแผนเกษียณรวยของผม ขาดก็แต่ศึกษาหาความรู้ในเรื่องเกษียณเร็ว ซึ่งยังต้องศึกษาอีกเยอะมากกกก

สุดยอดครับท่าน ส่วนตัวผมไม่ถนัดสายอสังหาเลย กำลังศึกษาอยู่เช่นกันครับ

ผมว่าตอนนี้อสังหาลงทุนยากนะ เพราะหาที่ได้yield 7-8% ค่อนข้างลำบาก ซึ่งถ้าได้3-5% มันก็ไม่พอค่าผ่อน กลายเป็นภาระอีก ตอนนี้ผมก็หยุดละไม่หาเพิ่ม เก็บเงินสดรอไว้ เผื่อมีวิกฤติจะได้มีเงินติดตัวบ้าง

ขอบคุณสำหรับบทความคุณภาพนะครับ