ผมเรียกแทกซี่กลับบ้าน จะมีทางที่ไปประจำ เพราะใกล้ที่สุดราคาถึงบ้านประมาณ50บาทได้ แต่แทกซี่เขาเหมือนเหม่อๆเผลอไปออกอีกทางรถติดมาก ซึ่งผมก้อหัวร้อน แต่ก้อไม่ได้ไปพูดไม่ดี ก็บอกไปว่า พี่ จริงๆไปอีกทางใกล้กว่าเยอะ แทกซี่เองเค้าก้อเหมือนยอมรับว่าเค้าผิดเอง เค้าเลยพาไปวนอีกทาง ราคาแพงกว่าประมาณ20กว่าบาทได้ พอใกล้ถึงบ้านผมก็คิดไว้ในใจละว่า มาพาอ้อม รถติดๆๆ (ทั้งที่คนขับเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจ) ผมก็คิดว่าจะบอกคนขับว่า พี่ต้องลดราคาแล้วละ เพราะพี่ผิดเอง พอไปถึงบ้าน แทกซี่เค้าก็ออกตัวก่อนว่า 60บาทพอ เค้าเบลอเอง ผมก็ท้วงไปว่า ปกติผมมาแค่50เอง เค้าก็บอก 50ก็ได้ แต่ผมก็ให้ไป 55 บาท แล้วก็จบเดินเข้าบ้าน แต่มาคิดอีกทีตอนนี้ รู้สึกผิด คือพึ่แทกซี่เค้าพูดดีมาก แล้วก็รู้สึกสงสารนิดหน่อยครับ แต่ไม่รุ้ว่าเค้าวนมาแบบนี้เค้าขาดทุนมากมั้ย แต่ผมเดาว่าแทกซี่ขับยังไงก็กำไร จริงมั้ยครับ ถึงจะอ้อม แล้วเก็บเงินไม่เต็มแบบนี้

เก็บไว้เป็นประสบกาณ์ก็พอ ทีหลังอะไรที่รู้สึกไม่สบายใจก็อย่าทำอีก

ว่ากันตามตรงท่านก็ไม่ได้ผิดอะไร ตามกฎหมายแท็กซี่ต้องพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายโดยใช้เส้นทางที่สั้นที่สุดอยู่แล้ว

แต่ถ้ามันเป็นเหตุสุดวิสัย หรือเขาไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆ ผมก็ปล่อยๆ ไป ทางที่ดีที่สุดคือเราควรกำกับเส้นทางเอง

ท่านก็เกินไปนะครับ ราคาเพิ่มแค่ 20 บาท

ถ้าเค้าไมไ่ด้ตั้งใจจริงๆ แล้วพูดกับเราดีขนาดนั้น

คุณโชคดีมากนะครับ ที่เจอแท๊กซี่แบบนี้ บ้างคันไม่วน ไม่ลดด้วย

ปล. แค่ความรู้สึกผิด ผมก็ให้อภัยเค้าแล้วครับ

ผมเห็นด้วย คนส่วนใหญ่ที่ผมสัมผัสทุกวันนี้ คือ เอาใจตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ค่อยสนใจความรู้สึกคนรอบข้างเลย

ไม่สนใจว่าคำพูด หรือ การแสดงออกแบบนี้จะไปทำร้ายจิตใจใครมั้ย คือจะดีกับคนที่มีผลประโยชน์กับตัวเองมากกว่า

ปล. ไม่ได้ว่าท่านเจ้าของมู้นะ แต่รอบตัวผมเห็นคนเป็นแบบที่ผมว่ากันเยอะ

เขาถึงบอกเรื่องบางเรื่องอย่าใช่สมอง ให้ใช้หัวใจตัดสิน

ผมเชื่อว่าถ้าท่านใช้หัวใจตัดสินจะไม่มานั่งรู้สึกผิดแน่นอน

ผมเคยเจอแท้กซี่พาออกทางที่ช้าไปดอนเมือง​ ดีนะผมไม่รีบ

แล้วพอถึงอาคารผู้โดยสารเขาออกตัวว่าจะลดให้​ ผมก็จ่ายราคาเต็มเพราะเห็นความตั้งใจของเขาที่รู้สึกผิดและขอโทษที่ทำให้เสียเวลา

ของอย่างงี้ผมดูเจตนาอะ​ นานๆจะเจอแท็กซี่ดีๆ

เจอพวกพูดมาก​ รู้มาก​ ขับนักเลง​ โคตรรำคาญ

ผมเคยซ่อมโทสับให้แทกซี่ ปัญหาเล็กๆ ลดให้ผม 40 555555

ท่านโชคดีมากครับ ปกติแท็กซี่ส่วนใหญ่ที่เจอไม่ใช่แบบนี้ เป็นคันอื่นทำนิ่งไปแล้ว

อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านๆไปครับ จำไว้เป็นบทเรียนก็พอครับในคราวหน้าถ้าเจอคนดีๆ 5-10 บาทนิดๆหน่อยๆก็หยวนๆกันไป

20 บาทจะงกไปไหน ทีหลังตาก็มองทางละบอกทางคนขับดิ่ครับจะได้ไม่ผิด

บางคนเช่ารถขับ ค่าเช่าก็600-800ขับได้กะเดียว
กว่าจะหาค่าเช่าค่าแก๊สได้วันนึงต้องเก็บตังลูกค้ามาให้ได้ขั้นต่ำ1,300 แท๊กซี่ไม่ชอบรถติดเพราะเสียเวลาหาลูกค้าคนใหม่ได้เงินน้อย บางทีก็ใจเค้าใจเรา

ผมตอบในฐานะคนเคยขับแท็กซี่อยู่ช่วงหนึ่ง
เมื่อสิบกว่าปีก่อน

ผู้โดยสารไม่ชอบรถติด แท็กซี่ก็ไม่ชอบรถติดเช่นกัน เพราะรถติดทำให้แท็กซี่ขาดทุน
1. ขับรถในที่รถติด รถต้องออกตัวเกียร์ต่ำตลอด ใช้แรงเยอะ เปลืองแก๊ซกว่า คนขับรถทุกคนก็รู้ดี
2. ต้นทุนของแท็กซี่ที่สำคัญคือเวลา 1 ชั่วโมง แท็กซี่ควรขับให้ได้ 150 บาทอย่างน้อย ถ้าขับได้อย่างนี้ วันนั้นแท็กซี่คันนั้นจะมีเงินเหลือกลับบ้าน 2-300 บาทต่อวัน จากการทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ถ้าน้อยกว่านั้น ก็มีโอกาสเหลือน้อยลง
3. เวลาขับไปที่รถติด ส่งผู้โดยสารเสร็จ ส่วนใหญ่แท็กซี่จะหาคนขึ้นต่อไม่ค่อยได้ เพราะรถมันติด จะเคลื่อนที่ออกจากจุดนั้นก็ลำบาก บางทีติดคาอยู่ละแวกนั้นครึ่งชั่วโมง ชั่วโมงหนึ่ง ไม่ได้คนขึ้นนั่งเลยก็มี ย้อนกลับไปอ่านข้อ 2 ก็จะทำให้ชั่วโมงนั้นขาดทุน และต้นทุนสำคัญของแท็กซี่คือเวลา มันไปเร่งทำยอดในช่วงอื่นชดเชยไม่ได้ เพราะแท็กซี่ไม่เหมือนร้านอาหาร หรือรถเข็นขายหมูปิ้ง ต่อให้มีลูกค้าอยากใช้บริการจำนวนมาก กี่ร้อยคน ก็เลือกได้คนเดียวในเวลาเดียว ไม่เหมือนขายอาหาร ที่บางช่วงไม่มีคนเข้าร้าน พอเที่ยง คนเข้ากินเป็นร้อยคน ชดเชยกันได้

ดังนั้นไม่มีแท็กซี่คนใด เจตนาพาไปที่รถติดแน่นอน
ถ้าขับอ้อม เป็นอีกประเด็น แต่ต้องเป็นอ้อมแบบวิ่งลื่นๆ ถ้าอ้อมแบบรถติด ก็ไม่คุ้มอีก

ขับรถติดหนักๆ สมมติสีลมไปประตูน้ำ ชั่วโมงหนึ่ง มิเตอร์อาจจะขึ้น 130 บาท นั่นคือแทบไม่เหลืออะไรแล้ว

50 กับ 70 เป็นผมก็จ่าย 70

ผมว่ามันก็ก้ำกึ่งแหละ คือท่านก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพี่เขาตั้งใจพาอ้อมป่าว แล้วแบบนี้ถ้าเขาตั้งใจเขาก็จะทำบ่อยๆ แต่กรณนี้ถ้าพี่เขาเหมือนจะยอมรับผมว่าก็น่าจะจบที่จ่ายไป 60 บาทน่ะ ถือว่าหยวนๆได้อันนี้